EP 9

1256 คำ
“ขอผมทำงานสักครู่นะครับ แล้วเราค่อยคุยกัน” วรวัชรเอ่ยเสียงห้วนนิดๆ แม้จะถ้อยคำสุภาพแต่มันก็ห้วน จากนั้นเขาก็เปิดไอแพดขึ้น ใช้มือกดนั่นอ่านนี่ไปเงียบๆ ขณะรถก็แล่นไปเรื่อยๆ และต่อให้เขาไม่ใช่คนสายตาซุกซนยังไง แต่ก็เห็นนวลเนื้อขาวโอโม่เรียกพี่ ตัดกับกระโปรงดำล่อตาอยู่ดี นี่ถ้าเป็นพ่อเขามานั่งตรงนี้แทน คงจะน้ำลายหกไปหลายหยดแล้วกระมัง และเขาก็ดูออกว่าเจ้าของขาคงรู้ตัว ว่ากำลังถูกมอง เลยเอากระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ซึ่งคงใส่ได้แค่กระเป๋าสตางค์กับมือถือเท่านั้นไปวางทับบนขา เขาอดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า “ตำรับตำราก็ไม่มีสักอย่าง เด็กสมัยนี้ เรียนประสาอะไรก็ไม่รู้ หรือไม่ก็คงไม่ได้เรียน แต่แต่งชุดไปไว้ล่อตาล่อใจพวกตาเฒ่าหน้าโง่ ที่พร้อมจะเอาเงินซื้อเซ็กไม่อั้นอย่างพ่อเขาไปวันๆ เท่านั้น นี่ก็คงจะมาคุยเรื่องเงินแน่ๆ ไม่ต้องถามเขาก็เดาได้” “เราจะไปไหนคะ?” หลังจากนั่งเงียบมานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไร รดาวดีเลยทนไม่ไหว เพราะจะต้องไปโรงพยาบาลต่อ อีกอย่าง รถของเขาก็ทำท่าจะแล่นออกนอกเมืองไปทุกทีๆ แล้ว ถ้าเขาไม่คุย เธอจะได้ขอลงตรงนี้เลย ทั้งที่ไม่รู้ ว่าลงแล้วจะไปไหนต่อก็ตาม “ผมไม่พาคุณไปไกลหรอก และทันทีที่ผมทำงานเสร็จ คุณจะได้คุยธุระ แต่ตอนนี้ขอผมทำงานเงียบๆ ก่อน ได้หรือเปล่าครับ?” รดาวดีอยากจะถอนหายใจออกมาหนักๆ ซึ่งเป็นกิริยาที่มักจะทำประจำตอนอยู่กับเพื่อน กับแม่ หรือกับพี่ เวลาเบื่อหรือไม่ได้อะไรดังใจ แต่กับคนนี้เธอจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง “คือ...ฉันต้องเผื่อเวลาไปหาแม่ที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ ก็เลยอยากรู้ว่าเราจะไปไหน พี่ชายก็ยังรอความช่วยเหลือจากฉันอยู่ด้วยค่ะ ถ้าคุณ...” “ไม่ว่าธุระของคุณจะเป็นอะไร เอาเป็นว่าผมตกลงทุกอย่างก็แล้วกันครับ ถึงที่หมายแล้วค่อยคุยรายละเอียด ส่วนตอนนี้ ผมต้องใช้สมาธิในการทำงานจริงๆ คนเป็นสิบรอการตัดสินใจของผมอยู่ ขอโทษด้วยครับ” ตั้งใจว่าจะแย้งเขาอีกรอบ แต่ในเมื่อเขาออกตัวมาแรงขนาดนี้ รดาวดีก็เลือกที่จะเงียบไว้ก่อน ขืนพูดออกไปอีกแม้แต่คำเดียว แทนที่เขาจะช่วย อาจจะเปลี่ยนเป็นไล่เธอออกจากรถก็ได้ “ก็ดีเหมือนกันวะเค้ก แกจะได้นั่งทำใจเงียบๆ ไปด้วย เฮ้อ” รดาวดีมองป้ายรีสอร์ตที่รถเลี้ยวเข้าไป ด้วยอาการวิตกนิดๆ เพราะนี่คือชะอำ ซึ่งไกลจากกรุงเทพมาก และเธอก็ห่วงแม่กับพี่ชายไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ นอกจากเดินตามลูกชาย ของคนที่เธอตั้งความหวัง ว่าจะช่วยกู้วิกฤตอันย่ำแย่ของเธอกับครอบครัวให้ดีขึ้นได้ บ้านที่เขาพาเข้าไปด้านในนั้น มีสระว่ายน้ำในตัว ห้องนอนใหญ่กับเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี สะอาดสะอ้าน เดาไม่ออกว่าเขาต้องจ่ายเท่าไหร่ถึงเข้าพักได้ แต่ไม่น่าจะหนีวันละหมื่นหรือเกือบๆ แน่นอน รดาวดีมองชายอีกคน ที่ตลอดทางขับรถมาแบบไม่พูดอะไรเลยนั้น กำลังหิ้วกระเป๋าเข้าไปเก็บ แล้วก็ออกจากบ้านไปในเวลาอันรวดเร็ว เดาไม่ออกว่าจะไปไหน “เชิญครับ เราจะคุยกันที่นี่” รดาวดีเดินตามคนตัวสูงใหญ่ ไปยังชุดรับแขก อยู่ห่างสระว่ายน้ำไม่กี่ก้าว นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา หัวใจก็เต้นแรงไปด้วย ที่ว่าอยากจะรีบคุยนั้น พอถึงเวลาจริงๆ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงด้วยซ้ำ “คุณมีอะไรให้ผมช่วยครับ?” วรวัชรนั่งเอาขาไขว้กัน มองนักศึกษาสาวและสวยจัด ด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นการเป็นงาน หลังจากตอนนั่งรถมา เขาจัดการกับปัญหาหนักบางอย่างในออฟฟิศเสร็จไปแล้ว ก็ถึงคิวกับปัญหาเบาๆ บ้าง แต่จะเบาจริงหรือเปล่า อันนี้ก็ยังสงสัยอยู่ และอันที่จริงเขารู้มาบ้างแล้ว ว่าอีกฝ่ายเจอกับอะไรมา แค่อยากได้ยินจากปากอีกครั้งเท่านั้น และกันไม่ให้สงสัยว่าเขารู้เรื่องพวกนี้มายังไงหรือกับใคร “เอ่อ...คือว่า...” “ผมชอบให้พูดตรงๆ ครับ เวลาผมมีน้อยด้วย อีกหน่อยต้องออกไปประชุมแล้ว” เห็นท่าทางคนตรงหน้าแล้ว เขาเลยรีบตัดบท เพราะเวลามีน้อยจริงๆ “คือความจริงฉันอยากจะคุยกับพ่อคุณมากกว่าค่ะ แต่โทรหายังไงก็ไม่ได้ค่ะ” “คุณเลยบุกไปหาท่านที่ออฟฟิศแทนเหรอครับ?” “พอดีคุณเดชให้นามบัตรฉันไว้นานแล้วค่ะ บอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อได้เลย แต่พอโทรหาไม่ได้ ฉันก็เลยไปตามที่อยู่ในนามบัตรค่ะ” รดาวดีละตรงที่ต่างฝ่ายก็เข้าใจเอง ว่าจะต้องเอาอะไรมาแลก กับการช่วยเหลือของวรเดช ถึงได้ไม่เคยคิดจะสนใจในข้อเสนอเหล่านี้เลย กระทั่งเจอปัญหา จนยากจะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เลยจำต้องยอมมา “คุณพ่อไปต่างประเทศครับ และก็กำลังประชุมเรื่องสำคัญอยู่ ท่านปิดมือถือไว้ครับ แต่ไม่ว่าคุณอยากจะคุยอะไรกับท่านก็ตาม คุณคุยกับผมแทนได้ รับรองว่าผมช่วยคุณได้ไม่ต่างจากคุณพ่อเลย ตกลงนะครับ” เรื่องการสับหลีก สับขาหลอก หรือการโกหกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้น วรวัชรทำออกบ่อย เพื่อรักษาความรู้สึกของผู้คน เพราะบางทีพ่อไม่อยากคุยกับใคร ก็จะโยนให้เขามารับหน้า ผิดกับครั้งนี้พ่อไม่รู้ว่ามีสาวที่พ่อหมายตามานาน และอยากได้ไปเป็นเมียอีกคนจนใจจะขาด เดินมาหาถึงออฟฟิศเท่านั้น ต้องขอบคุณรัศมีที่ช่วยแม่เขาได้เป็นอย่างดี ด้วยการไม่รับสายที่รดาวดีโทรหาพ่อเขา ไลน์ก็ไม่รับ แถมยังรีบลบข้อมูลการติดต่อเข้ามาทิ้งทุกช่องทาง เพราะเวลาประชุมสำคัญ พ่อจะให้เลขาเก็บมือถือไว้ หรือไม่ก็คอยรับสายหรือตอบไลน์ให้ตลอด และพ่อก็ไม่ได้อยู่ต่างประเทศอย่างที่เขาบอกไว้สักนิด แค่อยู่ในห้องประชุมใหญ่กับผู้ถือหุ้นเท่านั้น “ค่ะ” รดาวดีเองก็ไม่เข้าใจ ว่านักธุรกิจระดับวรเดช จะทำให้ตัวเองขาดการติดต่อสื่อสาร ในช่วงไปต่างประเทศได้ยังไงกัน เท่าที่รู้มา เขามีเจ็ทส่วนตัว ไปไหนมาไหนสะดวกสบายตลอด แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ประเด็นมันอยู่ที่วันนี้ ปัญหาของเธอใครจะช่วยแก้เท่านั้น จะวรเดชหรือวรวัชร หรือใครก็ได้ ที่พร้อมจะช่วยเธอจริงก็เป็นพอ เพราะมีชีวิตแม่กับอนาคตของพี่ชายเป็นเดิมพัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม