เพชรน้ำหนึ่งกัดฟันพลิกตัวเองนอนตะแคงแล้วกอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองอย่างอดสู หัวใจเจ็บร้าว กระบอกตาปวดแสบ ริมฝีปากแตกจนเลือดไหลซึม ร่างกายมีแต่ร่องรอยโหดร้าย ยิ่งกายสาวยิ่งปวดแสบปวดร้อนจนแทบขยับไม่ได้
“ทำเป็นรังเกียจ เมื่อกี้ร้องครางเรียกร้องให้ฉันเอา” เควินวางมือบนบ่าแล้วชะโงกหน้าไปกระซิบอย่างเย้ยหยัน
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสาว ทำให้ชายหนุ่มยิ่งหงุดหงิด เขากระชากทีเดียวอย่างไม่ปรานีให้เธอหันมาเผชิญหน้า ใจหนุ่มกระตุกวูบ ใจหายวาบเมื่อเห็นดวงตาเลื่อนลอยของคนตรงหน้า เธอกัดฟันเสียงดัง กายสั่นระริก
“เพชรน้ำหนึ่ง เป็นอะไร นี่เธออย่ามาใจเสาะชิงตายไปซะก่อนนะ” ชายหนุ่มตบแก้มเรียกสติ แต่หญิงสาวก็ยังเลื่อนลอย ดวงตาลอยคว้างเศร้าสลดอย่างน่าใจหาย
“หรือว่าเธอช็อก ยัยบ้าเอ๊ย” เควินก้มลงจูบปากช้ำแผ่วเบาอ่อนหวาน ดูดดื่มอย่างเรียกร้องเพื่อเรียกคืนสติ สัมผัสอ่อนโยนทำให้ความป่าเถื่อนที่ได้รับค่อยเลือนหาย
“อื้อ...” เพชรน้ำหนึ่งผลักใบหน้าของเควินออกห่างเมื่อเธอแทบสำลักหายใจไม่ทัน
“ตื่นแล้วเหรอ ทีหลังอย่าทำท่าทางใจเสาะอีก” เขาแอบโล่งใจที่เธอฟื้นคืนสติมาได้
“ฮึกๆๆ ฮือๆๆๆ” พอได้สติก็ร้องไห้โฮ ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะ
“อย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีก ถ้าฉันยังไม่อยากให้เธอตาย เธอก็ห้ามตาย รู้ไหม” เควินลุกขึ้นทั้งที่ยังเปลือยเปล่า
เพชรน้ำหนึ่งหลับตาหนีทันทีด้วยความอาย
“ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ สำออย” ชายหนุ่มพูดอย่างหยามหยัน
“นายสมใจแล้วใช่ไหม สมใจแล้วก็ปล่อยฉันไปสิ” เธอกัดฟันพูดเสียงสั่น รู้สึกเหมือนร่างกายจะฉีกขาดออกจากกัน มันร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้
“ใครบอกกันล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับมา... เอาเธออีก เมื่อกี้ยังไม่หนำใจเลยนะ” พูดจบร่างสูงก็เดินจากไปอย่างไม่ไยดีว่าคนบนเตียงจะมีสภาพเป็นเช่นไร
ปัง!!!
เสียงประตูห้องที่ปิดลงทำให้เพชรน้ำหนึ่งสะดุ้ง ร้องครางด้วยความเจ็บร้าว เธอคงทนอยู่ไม่ได้สักวินาทีเดียว ทนให้เขามาย่ำยีไม่ได้อีกแล้ว
ร่างสูงออกไปแล้ว แต่ร่างน้อยยังนอนร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว คนที่รักก็มาจากไปหมดสิ้น เธอจะมีหน้าอยู่ไปทำไมอีก
“แม่จ๋า หนูไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถึงอยู่ไปก็ต้องตายอยู่ดี เพราะหนูติดโรคร้าย ต่อไปคงทรมานกว่านี้ สู้ตายไปซะดีกว่านะคะ หนูจะตามแม่ไปอยู่ด้วยนะคะ พ่อก็ไม่รักเราอีกแล้ว เขามีเมียใหม่ มีลูกใหม่ ฮึกๆๆ ฮือๆๆ”
เพชรน้ำหนึ่งสะอื้นฮักๆ ร่างกายอ่อนแอพร้อมด้วยหัวใจที่อ่อนแอยิ่งกว่า หญิงสาวกัดฟันลุกจากเตียงด้วยร่างอันสั่นเทา ร่องรอยโหดร้ายทำให้เธอหวาดกลัว ถ้าเขากลับมาก็จะขืนใจเธออีก มันต้องทรมานมากกว่านี้เพราะตอนนี้เธอแทบทานทนไม่ไหว เธอไม่พร้อมที่จะให้เขากลับมาร่วมรักได้อีก
“โอ๊ย!”
หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บเมื่อกายบางทรุดฮวบลงกับพื้นเพราะแขนขาที่อ่อนแรง น้ำตารินไหลออกมาไม่ขาดสายแทบจะหลั่งออกเป็นสายเลือด ร่างกายที่เจ็บร้าวฝืนคลานไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา เธอหัวเราะให้กับความโชคร้ายของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ผูกเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นต่อเข้าหากันด้วยมืออันสั่นเทา
“ความตายไม่ได้น่ากลัวเลยนะจ๊ะแม่จ๋า เวลาตายแล้วเราก็ไม่รู้สึกอะไรใช่ไหม นะ... หนูไม่เห็นกลัวสักนิด เดี๋ยวจะตามแม่ไปอยู่ด้วยนะคะ เราจะอยู่ด้วยกันแม่ลูก มีความสุขด้วยกันสองคน ไม่มีคนใจร้ายพวกนี้อีก”
หญิงสาวร้องไห้เบาๆ ก่อนจะคลานไปที่หน้าต่างห้อง บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้มีกรงเหล็กติดอยู่รอบหน้าต่าง เธอคล้องเชือกกับเหล็กดัดหน้าต่าง ก่อนจะผูกปมเข้าด้วยกัน รอยยิ้มหยันบังเกิดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มสวยที่ตอนนี้บวมช้ำมีเลือดแห้งกรังติดอยู่จนทั่ว
มือบางดึงเศษผ้าที่ทำเป็นบ่วงพวกนั้นเอาไว้ก่อนจะคล้องเข้าที่คอ เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ปล่อยมือที่ถือบ่วงและวางคอลงไปอย่างอ่อนแรง!!!
หนึ่งอาทิตย์ก่อน...
“แม่ยาไม่ต้องร้องไห้แล้วนะครับ น้องไปดีแล้ว” เควินปลอบมารดาเลี้ยง
“เคน แม่ทำใจไม่ได้ ตารักษ์ไม่น่าอายุสั้นถึงเพียงนี้ เพราะผู้หญิงใจร้ายคนนั้น”
“นี่เขาใจร้ายถึงขนาดไม่มาไหว้ศพรักษ์เลยเหรอครับ”
“ลูกอยากให้มันมาหรือไง แม่ไม่อยากให้ตระกูลนั้นมาเหยียบงานศพของตารักษ์” อารยาเสียงแข็ง
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่สงสัย ข่าวของนายรักษ์ดังเสียขนาดนี้ ครอบครัวนั้นเขาไม่มาขอขมาศพของนายรักษ์บ้างหรือไง ช่างใจดำนัก”
“ถึงมาแม่ก็ไม่ให้เข้ามา อย่าไปพูดถึงคนใจร้ายพวกนั้นเลย” อารยาตัดบท เควินเห็นความเศร้าโศกของบิดามารดาแล้วนึกเจ็บแค้นคนที่เป็นต้นเหตุ และไม่เคยรู้เลยว่ามารดาเลี้ยงสั่งให้ลูกน้องของบิดากันของคนเลิศวรเกียรติเอาไว้ทุกคน ไม่ให้เข้ามาในงานศพของคุณารักษ์ได้...
เควินทอดสายตามองร่างที่สลบไสลไม่ได้สติ โชคดีที่เขาเข้าไปพบเสียก่อน หากช้าไปกว่านี้เธอคงจะตายจริงๆ ผู้หญิงบ้าอะไรสิ้นคิด จะฆ่าตัวตายหนีความผิด มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ
“ไอ้เคน ฉันว่าแกล้มเลิกเรื่องนี้เสียเถิด ฉันสงสารเขาว่ะ ความแค้นมันจะทำให้แกร้อนเป็นไฟ หาความสุขไม่ได้นะเคน”
รุจน์ส่ายหน้าไปมา เขาเป็นหมอแต่ร่วมมือกับเพื่อนทำความผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แม้ไม่ได้ลงมือเองแต่ก็ถือว่าสมรู้ร่วมคิดและช่วยเหลือส่งเสริมให้เพื่อนทำความผิด
“ฉันไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ชีวิตของน้องฉันทั้งคน แกไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”
“ฉันเข้าใจ แต่นายรักษ์ตายไปแล้ว แกจะอาฆาตพยาบาทให้มันได้อะไรขึ้นมา”
รุจน์พยายามเตือนเพื่อนให้ลดละเลิกความแค้นที่มีอยู่ในใจ เขาเองถึงแม้จะไม่ได้ช่วยจับตัวเธอมาแต่ก็รู้เห็นทุกอย่าง วันก่อนเขาเองถูกเพื่อนขอร้องให้ตรวจสุขภาพหญิงสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะไม่สำส่อนจนมีโรคร้ายติดมาด้วย แต่ตอนนั้นเขาแค่ได้ฟังเพื่อนเล่าประวัติของหญิงสาวคร่าวๆ ก็คิดว่าเธอเหลวแหลกจริงๆ แต่มาวันนี้เขาเพิ่งตรวจสุขภาพของเธออีกครั้ง แผลจากช่องคลอดที่ฉีกขาดเพราะไม่เคยร่วมเพศมาก่อน เลือดที่ติดเกรอะกรังไปตามเรียวขาทำให้เขาอนาถใจยิ่งนักกับการกระทำของเพื่อนรัก
“การกระทำของแกเหมือนอาชญากรนะโว้ย เขาบอบบางมาก แกขืนใจเขาอย่างรุนแรง และถ้าแกยังรุนแรงแบบนี้อีก รับรองว่าเขาอาจจะตายคาร่างแกไม่ใช่ตายเพราะผูกคอตายแบบนี้อีก”
รุจน์หน้าเครียดเมื่อเอ่ยถึงสภาพของหญิงสาว ร่างน้อยบอบบางชอกช้ำเพราะน้ำมือของเพื่อน มันรุนแรงเกินกว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้
“แกหุบปากไปเลย ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม งั้นแกกลับไปได้แล้ว”
“เฮ้ย! ไอ้บ้า แกมันตามืดบอด ใจบอด แกคิดจะทำร้ายเขาอีกเหรอ” รุจน์ลังเลเมื่อเห็นสภาพของเพชรน้ำหนึ่ง
“ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายน้องชายของฉันก่อน” เควินดวงตาแข็งกร้าว ตัดความสงสารทิ้งไปอย่างหมดสิ้น
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับแกแล้วไอ้บ้า” รุจน์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด นอกจากความสงสารแล้ว เขามีความรู้สึกอย่างอื่นเกิดขึ้นมาด้วย แม้จะพยายามปัดความรู้สึกนั้นออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ
“แกไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่เฉยๆ ฉันจะทำเอง”
“นี่แกจะทำอะไรอีก” รุจน์ถามอย่างตกใจ
“ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ท้องไม่มีพ่อ ทำให้เสียชื่อเสียง เหมือนที่หล่อนเคยทำกับนายรักษ์” เควินยิ้มร้าย
“แกจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว นั่นมันลูกแกที่กำลังจะเกิดมานะโว้ย” รุจน์ไม่เห็นด้วยกับแผนการของเพื่อน
“พอเธอคลอดฉันค่อยเอาลูกคืน และปล่อยเธอไปตามทางของเธอ ฉันไม่ฆ่าก็บุญขนาดไหนแล้ว” เควินพูดอย่างเลือดเย็น
“แกต้องบ้าไปแล้วแน่นอน ไม่มีแม่ที่ไหนจะทิ้งลูกได้ลงคอหรอก” รุจน์พยายามเตือนสติเพื่อน
“แกพูดเหมือนแกเป็นแม่คน” เควินประชดเพื่อน
“ฉันเป็นหมอ ฉันรู้ดีว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน ต่อไปลูกแกจะมีปัญหา ถ้าเขาถามว่าแม่อยู่ไหน แกจะตอบว่าไงวะ”