ตอนที่3

1895 คำ
“คุณหนูไม่ต้องตกใจนะเจ้าค่ะ บ่าวเป็นสาวใช้ประจำตัวที่คุณหนูรับมาแต่เด็ก อาอิงเองเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต่องกลังนะเจ้าคะ” อาอิงกล่าวอย่างอ่อนโยนหวังให้นายตนคลายความวิตกที่แสดงออกบนหน้าอย่างชัดเจน เพราะเป็นอาอิงไงถึงกลัว ไม่เอาอย่าเข้ามานะ ฉันกระโดดขึ้นเตียงคว้าหมอนคิดจะขว้างใส่ก็ทำไม่ลง ยังไงซะอาอิงก็เป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์มากจนมีจุดจบไม่สวย แล้วฉากการตายของอาอิงก็ดันฉายชัดให้เห็นอีกรอบ จนฉันต้องสะบัดหัวไล่ภาพนั้นออกไป พอเงยหน้ามองเจออาอิงแล้วรีบทำการเอาผ้าห่มคุมตัวมิดชิดพลางจ้องนางตาไม่กะพริบ อาอิงเองก็ยืนนิ่งไม่พยายามเข้าใกล้อีก นางถอดหายใจยาวใบหน้าจิ้มลิ้มสลดก้มหัวกล่าว “คุณหนูรออยู่ที่ห้องนะเจ้าคะ บ่าวจะรีบออกไปรายงานฮูหยินโดยเร็วเจ้าค่ะ” อาอิงโค้งตัวคำนับตามธรรมเนียมก่อนเดินออกจากห้องไปแล้วภายในห้องตอนนี้เหลือแค่ฉันคนเดียว เนื่องจากร่างกายนี้กำลังป่วยอยู่พอฉันตื่นขึ้นมาในร่างคงใช้พลังงานเยอะเกินไปตอนนี้ฉันรู้สึกเพลียอยากนอนหลับสักตื่นแต่ว่าฉันไม่วางใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันแอบย่องออกจากห้องมองด้านนอกเห็นแถวนี้ไม่มีคนเดินผ่านเพราะเป็นเรือนคุณหนูหลี่เหมยซินสตรีร้ายกาจบ้าอำนาจวันๆ ไล่ตามผู้ชายไม่เอาการเอางาน ใครจะรู้ว่าแท้จริงเบื้องหลังของนางเป็นอย่างไรฉันคนหนึ่งแหละที่รู้และเข้าใจหลี่เหมยซินมากที่สุด คิดว่างั้นนะ เมื่อเดินมาที่สวนดอกไม้ข้างเรือน เจอศาลาหลังเล็กใกล้ต้นไม้ใหญ่ทุกอย่างจัดให้ดูเรียบง่ายน่านั่งเล่น บรรยากาศเย็นสบายมีลมอ่อนๆ พัดโชยกลิ่นหอมมวลดอกไม้นานาชนิดทำให้รู้สึกสดชื่น ดื่มด่ำกับธรรมชาติสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ไม่มีมลพิษ ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ต้นนั้นมีชิงช้าตัวหนึ่งฉันจำได้ว่าหลี่เหมยซินชอบนั่งมันมากเพราะคนที่นางแอบรักเป็นคนทำให้นางกับมือ ฉันก็ชอบชิงช้าเหมือนกันนะแต่ไม่ใช่เหตุผลเดียวกันกับนาง จะว่าไปพวกเราสองคนก็เหมือนกันอย่างราวกับแกะทั้งรูปร่างหน้าตา สไตล์ความชอบ ยกเว้นนิสัย หลี่เหมยซินนางเกิดมาในยุคสมัยนี้พวกเราย่อมต่างกันด้านการใช้ชีวิตรวมไปถึงด้านความคิดทัศนคติด้วย เวลาฉันฝันไม่ว่านางจะสุขหรือเศร้ามันส่งผลให้ฉันมีความรู้สึกร่วมด้วย จนบางครั้งฉันเผลอคิดว่า ‘หลี่เหมยซินคือตัวเอง’ มือเรียวบางขาวซีดเล็กน้อยของคนป่วยลูบไล้เนื้อไม้ชั้นดีที่ใช้ทำม้านั่ง มืออีกข้างพลางจับเชือกเส้นใหญ่ใช้มัดระหว่างกิ่งไม้ใหญ่กับม้านั่งที่รับน้ำหนักได้เยอะมีความแข็งแรงเวลาโยกชิงช้าคนนั่งจะได้ปลอดภัย “เจ้านี่ดื้อเสียจริงพึ่งฟื้นตัวแท้ๆ ยังกล้าเดินออกมาตากแดดตากลม ไม่กลัวล้มป่วยหนักกว่าเดิมหรือ” เสียงทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นข้างหลัง ฉันหันตามเสียงนั้น บุรุษร่างสูงสวมอาภรณ์สีดำลายปักเมฆาสีขาวดูองอาจสง่าผ่าเผย ใบหน้าคมสันจมูกโด่ง คิ้วหนาเข้มคมดั่งทรงกระบี่ นัยน์ตานิ่งสงบดูเย็นชาอ่านอารมณ์ได้ยาก เดินแขนข้างหนึ่งไขว้หลังไว้เข้ามาใกล้ฉัน หลังสำรวจผู้มาเยือนคำถามในหัวฉันคือ ใคร? มองยังไงก็คุ้นหน้าเหมือนเคยเห็น อาจจะเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในฝันด้วยแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร ฉันลุกขึ้นจากชิงช้าด้วยความเร็วที่ยืนขึ้นไวไปหน่อยลืมว่าร่างนี้ยังอ่อนแอ เกิดหน้ามืดรู้สึกโลกหมุนไปมาเป็นวงกลมเกือบล้มยังดีที่คว้าเชือกชิงช้าได้ “จะเรียกร้องความสนใจจากข้าด้วยวิธีใหม่หรือ” เพราะยังเอาตัวเองไม่รอดฉันจึงไม่ได้สนใจคำของเขามาก เหมือนพลังงานในร่างกายกำลังจะหมด ปวดหัวตุบๆ ราวกับเลือดในสมองจะแตก แข้งขาออกแรงทรงตัวไม่อยู่จนในที่สุดก็ทรุดลงกับพื้นกุมหัวกลั้นเสียงร้องทรมานไว้ไม่ไหวเมื่อมีภาพบางอย่างฉายเป็นฉากๆ รวดเร็วจนจับเป็นเรื่องเป็นราวที่เรียบเรียงไม่ได้ยัดเข้ามาในหัวอย่างมหาศาลอัดแน่นจนแทบจะระเบิด “หลี่เหมยซิน เจ้าเป็นอะไรเหมยซิน เหมยซิน!” บุรุษผู้นั้นจับไหล่บางอย่างเบามือถามด้วยความฉงนใจที่อยู่ๆ สตรีตรงหน้าก็ทรุดตัวลงสั่นไปทั้งร่างและยังพึมพำจับใจความไม่ได้ “โอ้ย! พอแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันบอกให้หยุด!กรี้ดดด!” ฉันควบคุมความทรงจำพวกนั้นของหลี่เหมยซินไม่ได้มันมากเกินที่จะรับครั้งเดียวทั้งหมดทำให้อาการปวดหัวหนักขึ้นสมองทำงานอย่างหนัก ทรมานจนต้องกรีดร้องแทบจะระเบิดหัวตัวเองเป็นเสี่ยงๆ แล้วหมดสติลงในสุด ความเจ็บปวดทรมานหายไปรู้สึกเหมือนร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยสายไหมบางเบาและอ่อนโยน ปรือตาช้าๆ มองโดยรอบพบแต่ความว่างเปล่าในความมืดนอกจากตรงที่นั่งอยู่ก็ไม่มีแสงสว่างให้มองเห็นสิ่งรอบกาย ไม่นานมือขวาของฉันปรากฏขึ้นแสงเล็กหนึ่งดวงท่ามกลางความมืดมิดจากนั้นดวงที่สองสามก็ตามมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนไม่สามารถนับได้หมดแสงพวกนั้นจากที่เกาะร่างกายเต็มไปหมดสะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด แสงดวงเล็กๆ พวกนั้นค่อยๆ หลุดลอยไปเบื้องหน้าแล้วรวมตัวกันจนเกิดแสงสว่างจ้าสิบเท่า ยกมือบังหน้าหลับตาปี๋สักพักเสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อยดังขึ้น ภาพตรงหน้าเป็นแผ่นหลังของดรุณีน้อยกำลังวิ่งไล่ผีเสื้อเล่นในสวนดอกไม้สนุกสนานคนเดียว นางร่าเริงและซุกซนตามประสาเด็กกำลังโต มีครอบครัวที่อบอุ่นได้รับความรักจากบิดามารดาไม่ขาด กระทั่งนางเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้วได้หมั้นหมายกับองค์ชายสามซึ่งเขาเป็นสหายของนางตั้งแต่เด็ก ฉันรู้สึกว่าลึกๆ แล้สหลี่เหมยซินชอบพอสหายตนไม่น้อยแต่ก็กลัวว่าหากเปลี่ยนสถานะสหายจากมิตรภาพที่ดีระหว่างนางและเขาจะหายไป จึงเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้เพื่อรักษาสิ่งที่มีอยู่ไม่อยากให้เขาลำบากใจเวลาเจอหน้ากัน ทว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากลับเริ่มห่างเหินมากขึ้นแม้ทั้งสองจะไม่แสดงออกให้ใครเข้าใจว่ารู้สึกอย่างไรกับราชโองการหมั้นหมายครั้งนี้ จนสุดท้ายสิ่งที่นางกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นจริง เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะเขาได้รับบาดเจ็บจนล้มป่วยเกิดความจำเสื่อมแถมยังมีสตรีอ้างว่าเป็นดวงใจเพิ่มมาอีก มิตรภาพระหว่างสหายนอกจากรักษาไว้ไม่ได้แล้วเขายังลืมนางจนสิ้นกลายเป็นคนละคนไม่เหมือนคนที่นางเคยรู้จัก แต่นางไม่หมดหวังพยายามทำทุกวิถีทางให้เขาจำเรื่องราวในอดีตได้ นานวันเข้าการกระทำของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นหึงหวงถึงขั้นทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้คู่หมั้นของตนทำให้ผู้อื่นต่างมองนางเป็นสตรีร้ายกาจที่วันๆ เอาแต่ไล่ตามเฝ้าองค์ชายสาม นับแต่นั้นเด็กน้อยว่านอนสอนง่ายอ่อนหวานเรียบร้อยในวันวานไม่เคยมีอยู่จริง ความดื้อรั้นของนางนำหายนะมาสู่ครอบครัวเมื่อบิดาถูกประหารชีวิตข้อหาคิดกบฏส่วนมารดาส่งนางหนีตายไปบ้านเกิดทว่ายังไม่พ้นประตูเมืองกลับถูกนักฆ่าไล่ล่าจนสูญเสียมารดาไปอีกคนในวันเดียวกัน ทหารหลวงตามมาช่วยชีวิตนางทันจะเรียกว่าช่วยก็ไม่ถูกพวกเขาจับนางขังไว้ในคุกใต้ดิน นางจมอยู่ในความมืดมิดและความเสียใจยามหลับตาลงภาพมารดาวิ่งเข้ามารับคมดาบแทนนางจนเสียชีวิตก็ยังคงติดตานางตลอดไป ครึ่งปีที่นางต้องอยู่ในคุกใต้ดินอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างมาตลอดจนได้ออกมาดูโลกภายนอกพบกับแสงตะวันอีกครั้ง นางควรมีความสุขใช่หรือไม่ที่วันนั้นคือกำหนดวันตายของนาง ด้วยการถูกเผาทั้งข้อหาที่ไร้ซึ่งความคิด เพราะพวกเขากล่าวว่านางเป็นดวงหายนะของแคว้นตามคำทำนายเมื่อ20ปีก่อน ไร้สาระสิ้นดี! ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่จุดจบเพราะในความฝันนางได้รับความช่วยเหลือจากคนกลุ่มหนึ่งก่อนที่ไฟจะเผานางทั้งเป็นได้ทันเวลา นางอาศัยอยู่กับประมุขฮ่าวเทียนห่างไกลจากแคว้นเว่ยหลายพันลี้เขาพยายามหาทางรักษาอาการป่วยทางจิตของนางให้หาย ทว่าทำอย่างไรนางก็ยังคงซึมเศร้าเหมือนเดิม นางไม่ถามหาเหตุผลที่เขาช่วยชีวิตและยังทำดีกับนางตลอดแต่นางไม่อาจปล่อยวางเรื่องที่ท่านพ่อถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ด้วยเหตุนี้ทำให้นางลุกขึ้นสู้อีกครั้งเพื่อตามหาความจริงโดยมีประมุขฮ่าวเทียนหนุนหลังด้วยอำนาจของเขาช่วยนางสืบหาหลักฐานทั้งหมดได้ภายในสามเดือน มือของนางเปื้อนเลือดผู้คนนับไม่ถ้วนเพื่อล้างมลทินให้ครอบครัวเป็นวันเดียวกับที่องค์ชายสามรักแรกของนางกำลังเข้าพิธีมงคลกับสตรีในดวงใจของเขาซึ่งตระกูลของสตรีผู้นี้เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังแผนการร้ายทั้งหมด หลี่เหมยซินซ่อนตัวอยู่ในงานมองเขาบนม้าตัวใหญ่เดินนำหน้าขบวนเจ้าสาว ฉันมองภาพนี้ด้วยความรู้สึกหลากหลายตลอดเรื่องราวฉันมักยืนมองอยู่ข้างหลังแล้วมีความรู้สึกร่วมกับนางเหมือนเผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมดด้วย ดังนั้นฉันจึงเข้าใจความรู้สึกของนางภายใต้ใบหน้าที่นิ่งสงบไม่แสดงความรู้สึกนี้แท้จริงแล้วทรมานมากเพียงใด เพราะความฝันล่าสุดจบลงที่พิธีคำนับฟ้าดินขององค์ชายสามกับสตรีนางนั้นแล้วฉันก็ตื่นขึ้นมาไปสนามบิน ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีราวกับว่านี้เป็นตอนจบของละครเรื่องหนึ่ง ทว่า.. ‘ข้าว่าเจ้าอย่าดูอีกเลยจะดีกว่า’ เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ฉันหันไปตามเสียงนั้นทันทีพบสตรีร่างบางสวมชุดจีนโบราณสีขาวสว่างผิวขาวมีออร่าในตัวราวกับเทพธิดาบนสวรรค์ ดวงตาเรียวหงส์มีไฝแดงเม็ดเล็กใต้หางตานางสบตาฉันพลางเดินเข้ามาหา “ทำไมล่ะคะ” ฉันถามขึ้นความสงสัยเต็มอกเพราะถึงฉากนี้ทีไรก็เหมือนมีอะไรมาปิดบังไม่ให้ฉันรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้อีก ‘เพราะมันส่งผลต่อเสียดวงจิตของเจ้าที่พึ่งย้อนเวลากลับมา’ นางตอบพลางใช้สะบัดแขนหนึ่งภาพทิวทัศน์ในงานที่ค้างเหมือนมีคนกดปุ่มสต็อปเพื่อหยุดเล่นวิดีโอแล้วหน้าจอก็หายไปในพริบตา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม