ตอนที่2

1727 คำ
“ไม่อ่ะ เหมือนจะไม่อยู่ในประวัติศาสตร์จีนด้วยซ้ำนะ ดีเทลอื่นๆ ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน” “เฮ้ออ~ ช่างเถอะแกก็อย่างคิดมากเลย ฉันแค่ถามเผื่อจะได้อะไรเป็นไอเดียมาทำโปรเจกต์ของเราบ้างเฉยๆ น่ะ” “จ้ะ เอานี่เงินค่าเกี๊ยวจ่ายเสร็จแล้วตามฉันมานะ” แล้วฉันก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นต่อยื่นเงินให้หล่อนก่อนออกมาเดินเล่นแถวๆ ร้านนั้นรอฝ้าย รออยู่นานก็ไม่เห็นฝ้ายเดินออกมาสักที ฉันกลับเข้าไปในร้านก็ไม่เจอ ขนาดรอหน้าร้านยังพลัดหลงกันได้อีก จำต้องกดโทรศัพท์โทรหาแต่ปลายดันสายปิดเครื่อง ฉันพยายามเดินตามหาฝ้ายก็ไม่เจอสื่อสารกับคนจีนก็ไม่ได้ คิดว่าควรกลับไปรอที่จุดจอดรถน่าจะดีกว่า ถ้าฝ้ายตามหาฉันไม่เจอหล่อนก็คงไปรอที่รถเหมือนกันแหละ ฉันยืนรอสัญญาณไฟข้ามถนนสักพักเพื่อไปอีกฝั่ง ไม่นานก็ได้ข้ามมาถึงฝั่งที่จอดรถ เสียงแตรรถยนต์ดังเป็นระยะๆ ฉันกลับเพราะได้ยินเสียงคนเรียกจากข้างหลังว่า “ใยริน” ฝ้ายยืนตะโกนเรียกชื่อฉันอย่างไม่อายคน แถมโบกมือไปมาส่วนอีกข้างก็ถือขนมถังหูลู่สองไม้ติดมือมาด้วย ที่หายไปนี่แอบไปซื้อขนมสินะ ไหนบอกว่าอิ่ม เจ้าเพื่อนคนนี้นี่ ฉันโบกมือเป็นการตอบกลับ ส่งยิ้มหวานสื่อความสุขให้กันและกัน ฝ้ายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ฉันดีใจมากที่มีเพื่อนแบบฝ้ายเพื่อนที่อยู่พร้อมไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็จะอยู่เคียงข้างกัน เมื่อตกอยู่ในห้วงความคิดก็นึกถึงเรื่องราวที่เราสองคนช่วยกันฟันฝ่า ไม่ว่าเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องอื่นๆ พวกเราอยู่ข้างกันมาตลอด ทว่าตอนนี้ทำไมฉันกลับรู้สึกกลัวว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ นี่มันจะหายไปกันล่ะ เอี๊ยดดดดด! เสียงรถยนต์คันหนึ่งเบรกแตกขับมาอย่างรวดเร็ว ผู้คนกลางถนนตื่นตกใจวิ่งหนีหลบรถทำให้เบียดกันไปมา วินาทีนั่นเองฝ้ายถูกเบียดมาอยู่จุดเสี่ยงที่สุด เมื่อรถคนนั้นพุ่งเข้ามาชนกลุ่มคนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคือ.. “ฝ้าย!” ฉันตะโกนสุดเสียง หัวใจเต้นกระหน่ำรู้สึกหน่วงกับเห็นภาพทุกอย่างตรงหน้า ด้วยความเป็นห่วงกลัวเพื่อนสาวจะเป็นอะไรไป มือบางปิดปากกลั้นเสียงกรีดร้องน้ำตาไหลล้น ฉันก้าวเท้าจะวิ่งเข้าไปหาฝ้ายที่นอนจมกองเลือดอยู่ ทว่าไม่ถึงครึ่งก้าวร่างฉันก็ทรุดลงกับพื้น ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเหมือนถูกบีดรัดและถูกเข็มแทงทีละนิด ฉันมองหาฝ้ายพยายามลุกขึ้นแต่ความเจ็บปวดนี้เริ่มรุนแรงขึ้นจนหายใจไม่ออก ความเย็นยะเยือกเข้าถึงกระดูกใบหน้าขาวซีดเผือดคิ้วขมวดแน่นด้วยความทรมาน ฝืนร่างกายลุกขึ้นจนเห็นเส้นเลือดบนหน้าผาก พยายามเคลื่อนตัวไปหาฝ้ายที่จุดเกิดเหตุแต่ว่าความรู้สึกที่ถูกบีบรัดและถูกแทงที่กลางอกบริเวณนั้นทำให้ฉันเริ่มหมดกำลังสายตาพร่ามัวเห็นร่างฝ้ายนอนราบ ฝ้ายค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองมาทางฉันเป็นภาพสุดท้าย ก่อนทุกอย่างจะดับมืดไปหมด … ดวงตากลมโตกะพริบตาถี่เพื่อปรับความสว่างจนต้องใช้มือบังแสงอาทิตย์ที่ส่องใส่หน้า ครั้งลืมตาขึ้นก็จำได้ว่าเพื่อนรักเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนที่จีน ตอนนั้นตัวเองก็เกิดอาการประหลาดๆ เจ็บหน้าอกราวกับจะขาดใจตายทั้งที่อยากวิ่งเข้าไปหาร่างของเพื่อนรักแต่ดันหมดสติซะก่อน แล้วตอนนี้ฝ้ายเป็นยังไงบ้าง ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายระบมไปหมด พอสังเกตรอบห้องแล้วประโยคเด็ดในนิยายทะลุมิติส่วนมากที่ตัวเอกตื่นขึ้นมาพบตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นตาคือ ‘ที่นี่ที่ไหน’ “ไม่น่าใช่โรงพยาบาล ฉันอยู่ที่ไหนว่ะเนี่ย” มองโดยรอบจนทั่วห้อง มีแต่ของใช้โบราณของจีนสมัยก่อนไหนจะชุดที่ฉันใส่อีก นี่มันอะไรกัน! ความสงสัยทำให้เกิดมีเรี่ยวแรงยันร่างกายตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะออกไปดูข้างนอก เผื่อเจอคนจะได้ถามเรื่องราวและไปตามหาฝ้าย พอยืนขึ้นเท่านั้นรู้สึกตัวเองเตี้ยลงเยอะหลายเซนติเมตรหรือว่าหลังคาที่นี่มันสูงเฉยๆ มือก็ดูเหมือนจะเล็กลงด้วยฉันเลื่อนประตูไม้ให้เปิดออก ดวงตากลมเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน อ้าปากค้างเลยทีนี้รีบปิดประตูหันหลังกลับมามองภายในห้องอีกครั้ง เมื่อครู่ทิวทัศน์ข้างนอกนั่นให้คำตอบแก่ฉันทันทีที่เปิดประตูก็รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหนเพราะฝันจนจำภาพได้ขึ้นใจก็ว่าแหละทำไมภายในห้องมันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็น “ไม่นะไม่จริงใยรินนี่แก โอ้ย~ไม่!มันเป็นไปไม่ได้ ใจเย็นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องจริงแกแค่ฝันอยู่ ใช่ต้องฝันแน่ๆ” ทำไมเหมือนจริงจังว่ะ ฉันหลับตาตั้งสติเรียกสมาธิ แล้วหยิกตัวเองแรงๆ หวังให้ตื่นจากฝันเหมือนจริงบ้าๆ นี่เสียที มันไม่ใช่เวลามาฝันถึงเรื่องคนอื่นไหม ทันใดนั้นเสียงคนเดินมาทางนี่กำลังจะเปิดประตูที่ฉันยืนพิงอยู่ ฉันหันกลับไปมองคงเป็นสาวใช้ประจำตัวของ ‘หลี่เหมยซิน’ สตรีในฝัน ‘ไม่!อย่าพึ่งเข้ามาฉันยังไม่พร้อมเจอหน้าใครทั้งนั้น’ กึก กึก ฉันรีบวิ่งไปที่เตียงนอนห่มผ้าแบบเดิม หลับตาลงนอนให้ตัวนิ่งที่สุดปรับลมหายใจให้ปกติไม่ตื่นเต้นจนมีพิรุธทำเหมือนกับว่าฉันยังไม่ฟื้น ได้ยินเสียงคนทำนู่นนี่ในห้องแต่ไม่ได้เข้ามาใกล้เตียง เหมือนสาวใช้ผู้นี้พยายามจัดการทำความสะอาดห้องให้เบาที่สุดด้วยกลัวจะรบกวนนายของตน ส่วนฉันผู้นอนเกร็งร่างกายอยู่บนเตียงนานสองนานสาวใช้ในห้องก็ไม่ออกไปสักทีขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปตะคิวถามหาแน่ “อาอิง ฮูหยินเรียกเจ้าเข้าพบที่ห้องโถงใหญ่” เสียงสตรีมาใหม่เรียกสาวใช้ของหลี่เหมยซินาง “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เสียงเปิดประตูออกไปแล้วในห้องก็เงียบเหมือนเดิม แต่เสียงสาวใช้ประจำตัวที่พึ่งออกไปกับนามที่ได้ยินทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนใจจนไม่กล้าขยับ จำได้ว่าในฝันอาอิงเสียชีวิตเพราะเสี่ยงอันตรายช่วยหลี่เหมยซินทำตามแผนลอบเข้าจวนศัตรูเพื่อหาหลักฐานบางอย่าง ตั้งแต่วันนั้นอาอิงก็หายตัวไปหนึ่งเดือนต่อมา ศพของนางถูกโยนมาหน้าเรือนหลี่เหมยซินด้วยสภาพทั่วร่างเป็นรอยแผลเหวอะหวะจากการทรมานทั้งเฆี่ยนตีแท่งเหล็กร้อนแนบผิวถลกหนังออกบางส่วน รอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าขาวซีดของสาวใช้ร่างสาวใช้ไร้วิญญาณอยู่ตรงหน้าหลี่เหมยซินกรีดร้องดังลั่นนางสติแตกทันทีที่เห็นทรุดตัวลงร้องไห้เสียใจอย่างหนัก อาอิงคนสนิทของหลี่เหมยซินตายอย่างอนาถ นัยน์ตาแดงก่ำความเสียใจและโกรธแค้นอย่างเอ่อล้นจนนางคิดจะถือกระบี่ไปไล่ฆ่าคนชั่วพวกนั้นให้สิ้นชีพตามสาวใช้โดยเร็ว ฉันนึกถึงฉากตอนนั้นแล้วน่าสะเทือนใจมากจริงๆ ขนาดฉันยังร้องไห้ตามหลี่เหมยซินเลย แม้จะมีความรู้สึกร่วมกับหลี่เหมยซินอยู่บ้างแต่ฉันยังรู้ผิดรู้ถูกและมีสติมากกว่าหลี่เหมยซิน แต่ไม่สามารถช่วยพูดปลอบอะไรนาง ทำได้เพียงยืนมองดูทุกอย่างอยู่ข้างหลังแบบไม่มีตัวตนมาตลอด อาอิงยังไม่ตายนางยังมีชีวิตอยู่ ภาษาจีนที่ฉันควรฟังไม่รู้เรื่องกลับเข้าใจทุกคำ ร่างกายย่อส่วนลงเยอะมากเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน แถมหยิบจับนู่นนี่ได้ไม่เหมือนตอนฝัน เป็นไปได้อย่างเดียวคือ… ฉันรีบลุกขึ้นไปหากระจกส่องหน้าตัวเอง ดวงตากลมเบิกกว้างตกลึงเป็นครั้งที่สอง ถ้าคนเป็นโรคหัวใจเจอเรื่องแบบนี้คงช็อกตายไปแล้ว นี่มันหน้าฉันตอนอายุสิบหกชัดๆ หน้าเด็กลงไปหลายปีเลยนะ เดี๋ยวสินี้มันน่าจะเป็นร่างหลี่เหมยซินตอนเด็กมากกว่า ใบหน้ากลมไม่ถึงกลับสวยคมแต่ออกแนวน่ารักพวงแก้มน่าหยิก จมูกโด่งสวยผิวหน้าเรียบเนียนไร้สิวเสี้ยนจากฮอร์โมนวัยรุ่น ริมฝีปากนกกระจิบอมสีเลือดจาง หน้าตาดูดีกว่าฉันสมัยม.ปลายอีกนะเนี่ย มือบางจับผ้าสีขาวพันรอบหัว ลูบเบาๆ แต่รู้สึกเจ็บจนต้องซูดปาก แสบ! ไปโดนอะไรมาเนี่ยทำไมเจ็บหนักขนาดนี้ห้ะหลี่เหมยซิน ฉันสำรวจตัวเองในกระจกไม่รับรู้ว่ามีคนมาข้างหลัง “คุณหนู” เสียงอาอิงเรียกจากข้างหลัง สีหน้าตกใจและดูจะดีใจมากในเวลาเดียวกันที่เห็นนายหญิงของตนฟื้นแล้ว แต่ฉันกลับสะดุ้งตัวโยนกระโดดตัวหลบหนีอาอิงที่ทำท่าจะวิ่งเข้ามา นัยน์ตาของอาอิงฉงนใจขึ้นยามมองฉัน ความคิดและความรู้สึกฉันตอนนี้ตีกันไปมาจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ฉันก็ดีใจนะที่อาอิงยังมีชีวิตอยู่แต่ฉันเคยเห็นอาอิงตายอนาถมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้กลับยืนอยู่ตรงหน้าต้องมีกลัวบ้างล่ะ ส่วนกรณีของฉันมาอยู่ในร่างหลี่เหมยซินได้อย่างไรนั่นไว้ค่อยคิด ดวงตากลมโตจ้องมองอาอิงสาวใช้คนเดียวในห้องอย่างไม่วางตา “คุณหนูระวังค่ะ” อาอิงพยายามเดินช้าๆ เพื่อเข้าใกล้ แต่ฉันก็ถอยหนีอย่างเดียว “ยะ..อย่าเข้ามานะ” เสียงแข็งติดสั่น จ้องอาอิงอย่างไม่วางใจ ขอเวลาทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหน่อยสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม