จนประกายปีติยินดีของเขานั้นกลับไปสร้างความขุ่นข้องเดือดดาลในใจของจอมภู ผู้เป็นพี่ชายเหมือนไฟไหม้ป่า เพราะเขายืนจังก้าอย่างไม่พอใจ จนขยับฝีเท้าหนีไปอย่างเงียบๆ หากแววตาครุ่นด้วยเคืองแค้นกับผู้หญิงคนนั้น ที่เขาต้องจัดการให้เด็ดขาด หล่อนมาอ่อยเหยื่อหว่านเสน่ห์ให้กับน้องชายของเขามากเกินไปแล้ว ฮึก็แบบนี้เหยื่ออย่างน้องชายของเขานั้นมันจะไม่ติดใจจนกลายเป็นเบ็ดกับดักที่หล่อนทำสำเร็จเชียวหรือ
และตามไล่ทันคนอื่นเสียที่ไหนเล่าน้องชายเขา มัวแต่เซ่อ แต่ผู้หญิงคนนี้เขามาครุ่นคิดอีกครั้ง เพราะนี่ไม่คิดจะหลับนอน แต่เที่ยวมาบริหารเสน่ห์ให้ผู้ชายคิดถึงก่อนนอนอย่างนี้นี่เอง ซึ่งมองดูลึกๆหล่อนก็ร้ายพอสมควรนี่ เขาคิดว่าคนเราถ้าอยากจะได้อะไร ที่มันเป็นความทะเยอทะยาน ใฝ่สูงเกินตัว เขาเปรียบหล่อนนั้นก็ไม่ต่างจากคนประเภทนี้เท่าใดหรอก
และจอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ และน้องชายนั้นสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย
“นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า”
จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก
“นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก”
“ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออกผมเคยบอกแล้วว่าพี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม” และเขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งๆที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น
“ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลยว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน”
นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย
หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ แต่จะทำอย่างไรได้ ทิฐิมันหนักและแน่นกว่า เลยตะบึงตะบอนดื้อดึงตามประสา และอยากเอาชนะพี่ชายจอมบงการตลอดเวลา เพราะเขาคิดว่าเขาโตแล้ว เขาต้องการอิสระ เขาไม่ใช่เด็กอมมือ
“ก็เลิกสนใจชีวิตของผมเสียที แล้วพี่จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” เอ่ยแล้วหรี่ดวงตามองพี่ชายบ้าง
“จะหาแฟนเพื่อหมั้นแต่งเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ ก็รีบหาไป..เดี๋ยวเถอะจะชวด กลายขึ้นคานเมื่อไหร่จะรู้สึกอายุพี่ก็มากขึ้นแล้ว”
นั่นกลับกลายเป็นว่าเจ้าน้องชายกระแทกเสียงผ่านมาทางเขา และเมื่อจอมภูฟังน้องชายแล้ว ก็สะอึกเหมือนกัน จนเขากัดฟันขบแน่น
“นี่ แกก็เหมือนกันนะ และไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นพี่แก ไอ้พล ไม่ใช่น้อง” เสียงเข้มตะคอกดังอีก
“ใช่ผมรู้ แต่ผมไม่อยากได้นักปฎิวัติบ้าอำนาจอย่างพี่ เป็นพี่ชายหรอก ที่เอะอะก็ตะคอกชี้หน้าสั่งตามใจชอบ”
ดูเหมือนภูวพลท้าทายอวดดีกับเขามากเกินไปแล้ว ถ้ามันไม่ใช่น้องชายคนเดียวเขาก็จะไม่คิดจะแยแสสักนิด
จอมภูจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือเบี่ยงตัวเองผลุนผลันออกไปจากที่นั่นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมที่ดูเหมือนจะบานปลายรุนแรงไปมากกว่านั้น
และเขาถอนหายใจอีกครั้งมันคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นแน่ ที่เสี้ยมสอนให้น้องชายของเขานั้นแข็งกร้าว มึนตึงใส่ แล้วก็เถียงคำชนิดไม่ตกฟาก..มันกำลังตาบอดเพราะความรัก..และเขาอยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้น หล่อนจะรักน้องชายของเขาจริงหรือเปล่า
ฝ่ายน้องชาย คือภูวพลก็ถอนใจออกมา เมื่อรู้สึกตัวเองเพราะคราวนี้เขาโต้คารมเถียงกับพี่ชาย ภูวพลไม่ค่อยที่จะใช้อารมณ์แบบนี้กับพี่ชายสักเท่าไหร่ ถ้าหากเขาไม่เหลือทนนั่นเพราะความยำเกรง แต่นี่ที่เขากล้าโต้ฝีปากข้นๆสดๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องมาหงอพี่ชายด้วย
บทที่ 5
แม้จะเป็นคำสั่งของบุพการี แต่เขาก็ควรจะมีขอบเขตในการดและตักเตือนว่ากล่าวสั่งสอนน้อง ไม่ใช่ ว่าพอมีอำนาจ ก็ใช้อย่างเต็มที่และควบคุมให้เขาอยู่ในมือ นั่นมันเผด็จการชัดๆ และนี่มันยามดึกแล้ว ภูวพลก็คงไม่ออกไปไหนหรอก นอกจากเข้าไปนอน เพื่อให้หลับฝันดี ฝันถึงสาวสวย ที่ชื่อ มณีรัชดาของเขาอีก
จอมภูยังครุ่นคิด ผู้หญิงคนนั้นทำให้น้องชายของเขายืดอก และเอ่ยปากกล้าต่อกรท้าทายพี่ชายอย่างเขา ภายในห้องเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจอมภูยังปากคอสั่น นึกถึงภาพกลางวันเมื่อช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้สักประมาณสองสามวัน ที่ผ่านมา ครั้นเมื่อเจอหล่อน เขานั้นไม่ได้มองหล่อนที่ความสวย แต่มองถึงจิตใจสกปรก ที่คิดใฝ่สูง อยากจะจับลูกชายมหาเศรษฐีมากกว่า
เพราะตัวหล่อนเองมีบ้านเหมือนอยู่ในสลัมหรือเรียกให้ดีหน่อยก็เป็นชุมชนค่อนข้างแคบเป็นบ้านเช่า อาชีพหาเช้ากินค่ำ ทำขนมขายจอมภูคิดอย่างนั้นเพราะเขาเดาเอาว่านี่เองเป็นเหตุผลของความทะเยอทะยานของหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าคนนั้นที่ไม่มีสมบัติพัสถานเหมือนผู้ดีมาแต่กำเนิดอย่างเช่นน้องชายของเขา
ดังนั้นหล่อนถึงต้องใช้วิธีแบบนี้เพื่อให้ตัวเองมีหน้ามีตาในสังคม และครอบครัวก็ลืมตาอ้าปากได้ เป็นการชุบตัวเองจากสลัมเป็นผู้ดี ฮึ นึกหรือไงว่า จอมภู จะรู้ไม่เท่าทันผู้หญิงพวกนี้ เพราะรู้เท่าทัน เขาจึงดักหล่อนเอาไว้ก่อน
และในรุ่งเช้าของอีกวัน จอมภูตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะทำธุระบางอย่าง เพราะว่าเขานั้น รอคอยหล่อนเนิ่นนาน จนแล้วจนรอดทั้งคืนก็ตาม หล่อนก็ไม่โทร.กลับมาหาเขา ด้วยซ้ำ มันเลยทำให้เขาต้องเดินออกจากบ้าน ตรงไปยังตู้โทร.สาธารณะ เพราะมันกลบเกลื่อนพิรุธและปิดบังได้ดีกว่าจะใช้เครื่องมือถือของตัวเอง และที่สำคัญสำหรับจอมภูแล้ว เขาคิดว่ามันเนียนที่สุด หล่อนคงไม่เป็นแม่สายบัวนอนเก้อ เพราะนี่มันสายแล้ว ตามประสาคนที่ไม่มีการงานซึ่งมันต้องกระวีกระวาดกระกระปรี้กระเปร่า
และนี่เวลาแปดโมงครึ่งแล้วหล่อนอาจจะคิดว่า เป็นเบอร์ของทางบริษัทที่สนใจเรียกตัวหล่อนเข้าไปทำงานแล้วก็เป็นได้ และจอมภูก็ตระเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว เป็นบริษัทเพื่อนสนิท เป็นเพราะเขาเตี้ยมไว้กับจราดลแล้ว ว่ามีนางแบบนู๊ดใจถึงคนใหม่สมัครงานเข้ามาผ่านเขา ส่วนถ้าสำเร็จ เขาก็จะขับรถตรงดิ่งไปรอทันที พร้อมกับดีดนิ้วเปาะแล้วฟังเสียงรอสายจากโทร.ของหล่อน แต่รู้สึกชวนหงุดหงิดรำคาญใจเหมือนกัน รับเสียทีสิ เขาต้องการให้รับหล่อนเดี๋ยวนี้