หล่อนคิดว่าน่าจะต้องเอาอะไรบางสิ่งเข้าแลกด้วยต่างหาก เคยอ่านข่าวซุบซิบในวงการบันเทิง หญิงสาวใจกล้าเหล่านั้นมีเปอร์เซ็นต์ส่วนมากที่จะได้อวดโฉมบทบาทในวงการบันเทิง คงเป็นเพราะหล่อนคงทั้งกล้าได้กล้าเสียกระมัง และถึงมณีรัชดาเป็นคนสวยแต่หล่อนไม่เลือกความเสื่อมเสียเป็นของรางวัลให้แก่ตัวเองหรอก เก็บหย่อนนามบัตรใส่กระเป๋าตามเดิม
และในเวลานั้น ใครว่าชายหนุ่มรีบกลับเขาซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้นั่นนานพอ ที่จะเห็นความพึงพอใจจากดวงตาของหล่อน ถึงกับดีดนิ้วเปาะ งั้นแสดงว่าหล่อนเริ่มเดินเข้ามาหลงเป็นเหยื่อในกับดักที่เขาพยายามวางต้อนให้เต็มที่
และในเวลาต่อมา มณีรัชดาได้นั่งรถเมล์เพื่อกลับไปบ้านอีกครั้ง ไม่อยากให้ค่ำมืดนักก่อนเวลาที่ผู้คนส่วนมากจะเลิกงานด้วยเพราะหล่อนกลัวรถติดเสร็จธุระในสวน
หากเขานั้น เมื่อได้พบเจอหล่อนเสร็จเรียบร้อย กับแผนการขั้นที่หนึ่งจากนั้นจอมภูก็โผล่หน้าเข้าไปในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้ามของเพื่อน
“เฮ้ย ไอ้เสือ บอกว่าจะเข้ามาตั้งนาน แกไม่โผล่มาซักที โทร.มาบอกแค่ครั้งเดียวแล้วหายต๋อม”เพื่อนรักบ่น
คำทักของสหายเพื่อนสนิทที่มีออฟฟิศอยู่ย่านสุรวงศ์พระรามสี่ชื่อจตุทิศเขามีเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัทอีกคนชื่อสถากรไม่ได้ไปหา แต่ตั้งใจมาหาจตุทิศมากกว่า เขายิ้มเพื่อน
“เผอิญฉันเจอผู้หญิงที่น่าติดตามคนเดิมว่ะถือว่าหล่อนก็สวยนะแต่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่กับการที่มาคบกับน้องชายของฉัน”
เขาคิดว่าผู้หญิงประเภทนี้ ฐานะก็ดูออกหล่อนอาจจะเห็นเงินแล้วรีบกระโดดใส่ เพราะมณีรัชดาตั้งหวังในการมองครั้งแรกสำหรับเขา ถึงหล่อนก็ดูไม่สวยโสภาอยู่แล้ว
เห็นเพื่อนสีหน้าตึงอย่างนี้แล้วจตุทิศเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว
“งั้นก็เท่ากับหล่อนจะกลายเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของนายล่ะสิ”
เลยทำให้อีกฝ่ายกลับเหยียดริมฝีปากบิดเบ้ใต้กรอบดวงหน้าคมคายหล่อเหลา จนเพื่อนรับรู้เมื่อเขาย้อนคำเหยียด
“เป็นน้องสะใภ้นะหรือเฮอะฝันไปไกลแล้วมั้ง ไม่มีทาง ฉันนี่ละ จะกีดกันผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เข้าใกล้น้องชายฉัน” และจอมภูก็เผลอเสียงเข้มประกาศออกมาให้เพื่อนช่วยรับรู้
ครั้นเมื่อจตุทิศรู้ว่าอารมณ์ที่ฮึดฮัดของเพื่อนรักในยามนี้นั้นมันประจุด้วยไฟแค้นที่โชนลึกในดวงตายามแสดงออกมาแววตาเขาแดงก่ำและ ถมึงทึง
“หล่อนชื่ออะไร”
“มณีรัชดา”
“ชื่อเพราะนี่”เพื่อนรักนึกชม
“ชื่อเพราะแต่จิตใจไม่เพราะเหมือนชื่อก็ได้..พอเห็นน้องชายฉันมีเงินก็เอาตัวเองมาหว่านเสน่ห์ใกล้ๆแต่นายรู้มั๊ยฉันมีแผนแล้ว” หันมาตอบเพื่อนแล้วมุมฝีปากขยับยิ้มเหยียด ก่อนหรี่ดวงตาหันมามองเพื่อนอีกครั้ง
“ฉันจะให้เจ้าดลช่วย”
ทำให้เพื่อนสนิทเลยอุทานออกมา
“เฮ้ยไอ้ดล นั่นถนัดภาพนู๊ดนะเว้ยจอม”
จอมภูยังเอ่ยตอบสีหน้าเหยียดหยันได้
“เฮอะ ใช่ แล้วมันจะแตกต่างอะไรกันล่ะ ก็ให้พี่ปันช่วยดูแลอีกคน คนตกงาน อยากได้งาน”
และเขาหมายถึงพี่สาวของจราดลอีกคน
“ก็รู้หรอกเขาก็เป็นนักปั้นศิลปินอยู่แล้วเป็นออแกไนเซอร์รับจัดงานแล้วพวกเด็กสาวๆหนุ่มๆที่ชอบคลั่งไคล้ดารา ฮึ ..มันอยากจะพาตัวเองมามีชื่อเสียงจะตายพวกนี้” และจอมภูกระแทกเสียงเหมือนตัวเองรู้ตื้นลึกบางหนาในวงการนี้พอสมควรล่ะ ถึงกล้าพูด
“แล้วเจ้าหล่อนจะยอมหรือยังไงวะ ก็นายเล่นไม่บอกหล่อนล่วงหน้าก่อน” และสีหน้าของจอมภูนั้นเครียดอย่างไม่พอใจ เอ่ยตอบเหมือนกับคำรามตะคอกใส่
“ฮึ เรื่องอะไรจะบอกหล่อนล่ะ ขืนบอกก็จบเห่สิไม่งั้นฉันจะคิดแผนพวกนี้เพื่ออะไรล่ะ ถ้าไม่คิดจะต้อนเหยื่อเพื่อให้ติดกับเท่านั้น” จตุทิศก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเขาจะร้ายกาจเพียงนี้ แต่ก็ต้องปล่อยวางเพราะไปชี้แจงเพื่อนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ลองจอมภูปักใจอย่างนั้นจนหัวชนฝาแบบนี้ ใครก็ค้านไม่ได้แล้ว และเมื่อแวะมาหาเพื่อนได้ชั่วโมงเดียว จากนั้นจอมภูก็เดินทางกลับ
ฝ่ายมณีรัชดานั้น เมื่อกลับถึงบ้านก็เข้าช่วยทำขนมต่อ และบรรดาน้าเขยกับน้าสาวกำลังยกซึ้งนึ่งฟักทองไส้สังขยา กับฟักทองเชื่อม ส่วนมารดา กับไพจิตรน้าสาวอีกคนกำลังปั้นแป้งเป็นลูกวงกลมเพื่อทอดไข่นกกระทากับบัวลอยไข่หวาน จึงทรุดนั่งไหว้ทักพ่อแม่แล้วก็น้าๆแล้วขยับตัวเข้ามาช่วยปั้นแป้ง นางรัชนีเอ่ยถาม
“ได้งานทำแล้วหรือยังล่ะลูก” สีหน้าเซียวซีดบวกกับเหนื่อยเพลียที่เพิ่งกลับมาลดสายตาลงต่ำอย่างรู้สึกไม่ดีนัก เอ่ยตอบเสียงอ่อย
“ยังจ้ะแม่” คำตอบของบุตรสาวทำให้นางรัชนีเงยหน้ามองด้วยความรู้สึกและสายตาที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนก่อนเอ่ย
“แม่เข้าใจดี ลูกเอ้ย งานการมันก็หายากธรรมดาล่ะ ..ถ้างั้นก็อยู่ช่วยแม่ทำขนมขายขนมไปก่อน”
และมารดานั้น ไม่มีอะไรนอกจากเอ่ยคำนี้
มณีรัชดาก็พยักหน้า ใจเธอเองอยากจะทำงานในบริษัท ที่พึ่งพาความสามารถของตัวเองมากกว่าจะอยู่ช่วยผลาญเงินทองของพ่อแม่ เพราะยามอยู่กับบ้าน ไม่มีอะไร มณีรัชดาจึงขอเงินกับพ่อแม่มาใช้จ่าย
แต่ว่าการหางานทำได้แสดงว่าจะได้งานและได้เงิน สิ่งนี้น่าจะทำให้มารดาปลื้มใจมากกว่า หล่อนแบมือขอ
“แม่จ๋าณีขอโทษนะจ้ะ ที่ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ณีก็ยังหางานทำตามที่รับปากกับตัวเองไม่ได้เลย”
นางรัชนีเงยสีหน้ามองบุตรสาวอีกครั้งอย่างเข้าใจ สีหน้าคลายลง “ไม่เป็นไร แม่เข้าใจลูก ก็อย่างที่แม่บอก งานการมันไม่ได้หาง่ายเหมือนขายขนมอย่างเรา”
เมื่อรู้ว่าหล่อนทำไม่ได้ ไม่อยากให้มารดาผิดหวังในตัว และมณีรัชดาก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“เอ้อ แต่หนู สัญญากับแม่และกับทุกคนไว้แล้ว”
ทำไมหนอก็หล่อนอุตส่าห์เรียนจนกว่าจะจบใช้เวลาสองสามปีเสียทั้งเวลาและเสียเงินค่าเทอมแต่ไม่มีงานการเข้ามารองรับ เป็นหลักประกันได้เลย เป็นโครงการนโยบายขายฝันของรัฐบาลผู้นำประเทศทุกปีตลอดศกก็ว่าได้