Devil monster Pee x Puifai 02
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองขับรถกลับยังไงด้วยซ้ำ ทันที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็คว้ากระเป๋าแล้วออกมาทันที พอถึงบ้านฉันก็ขังตัวเองอยู่ในห้องก่อนจะตัดสินใจออกมาคุยกับพ่อและแม่ ท่านนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกนอกจากนั้นยังมีคุณป้ากับคุณลุงด้วยรวมถึงพี่พี
“มาพอดีเลยลูก มานั่งนี่ก่อนแต่จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง” คุณป้าที่เป็นแม่พี่พีเอ่ยเรียกฉัน แค่เห็นเสี้ยวหน้าพี่พีก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดมากแค่ไหน ฉันเดินก้มหน้าไปนั่งข้างๆแม่ตัวเอง แม่เอื้อมมือมาบีบมือฉันแน่นอย่างให้กำลังใจ
“พี่เขาคงบอกเราแล้วใช่ไหมว่าทำไมหนูต้องแต่งกับพี่”
“เพราะพ่อหนูเป็นหนี้ครอบครัวคุณป้าใช่ไหมคะ หนูเลยต้องแต่งงานกับลูกชายคนป้า”
“ตาพี! พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามบอกน้องเรื่องนี้!!”
“ก็ยัยนี่จะได้รู้ไงครับ ว่าที่แต่งๆในฐานะอะไร” เสียงเข้มๆหยิ่งๆของผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันน้ำตาไหลลงมาในที่สุด เขาเก่งจริงๆนะ เก่งในเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจแบบนี้น่ะ ฉันก้มหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาแบบนั้น
“ตาพี!”
“ค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันอยากรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นหนี้คุณป้าเท่าไหร่คะ” ฉันเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้ามองพวกท่าน ฉันไม่มองหน้าคนที่เอ่ยพูดคำพูดพวกนั้นเลย คำว่าพี่น้องจากฉันเขาก็จะไม่ได้รับมันอีกต่อไป
“เอ่อ เรื่องนั้น่ะ”
“บอกหนูมาเถอะค่ะ ถ้ารู้ยอดหนี้หนูก็จะเริ่มเก็บเงินมาใช้คืนไงคะ”
“หน้าอย่างนี้จะไปหาเงินมาจากไหน คงจะมีแต่ขายตัวนั่นแหละถึงจะได้เงินมาเยอะขนาดนี้”
“ถ้ามันจำเป็นฉันก็คงต้องทำค่ะ อ้อ ส่วนเรื่องงานแต่งไม่ต้องมีการจัดงานนะคะถ้ากลัวเราชิ่งหนีก็จดทะเบียนก็ได้เพื่อความสบายใจของพวกคุณ รบกวนแจ้งยอดหน้าด้วยค่ะ” ให้ตายยังไงฉันต้องทำให้ตัวเองหลุดพ้นเรื่องบ้าๆนี่ให้ได้
“สิบสองล้าน เธอจะหาเงินมาจากไหนล่ะ” ฉันแอบใจกระตุกเมื่อรู้จำนวนหนี้
“ตอนนี้ฉันไม่มีนะคะ แต่ฉันจะรีบหามาให้เร็วที่สุด ถ้ายังไงหนูขอตัวก่อนนะคะคุณป้าคุณลุงสวัสดีค่ะ”
ฉันยกมือไหว้พวกท่านเร็วๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องแล้วล็อคอย่างแน่นหนา ฉันจะมัวแต่ร้องไห้เสียใจไม่ได้ฉันต้องหาเงินมาใช้หนีเขาให้เร็วที่สุด ฉันเดินไปลื้อของที่เป็นของฉันออกมาคำนวณราคารวมๆได้แค่สามล้านรวมเงินในบัญชีก็แค่สี่ล้านนิดๆ อีกแปดล้านอย่างนั้นเหรอถ้ารับถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันจะได้เยอะหรือเปล่านะ พอคิดได้แบบนั้นฉันส่งข้อความหาพอสทันทีบอกมันว่าถ้ามีงานที่เงินดีๆบอกฉันได้เลย
“วา พ่อกับแม่ขอคุยด้วยได้ไหม” เสียงสั่นๆของแม่ดังมาจากข้างนอกก่อนที่ฉันจะเดินไปเปิดประตูให้ท่านทั้งสอง พ่อกับแม่เดินมานั่งบนเตยงสายตาก็กวาดมองมองที่ฉันเอาออกมาเพื่อคำนวณเป็นเงิน
“แม่มีสี่ล้านที่จะเสริมเงินลูกแต่แม่ส่วนที่เหลือเราต้องสำรองของบริษัท” แม่บอกเสียงสั่นพ่อเดินเข้ามาโอบไหล่ท่านไว้ก่อนจะเอ่ยขอโทษฉันซ้ำๆอยู่แบบนั้น
“ถ้างั้นเราเหลือแค่สี่ล้านใช่ไหมคะ ฝ้ายขอเวลาหน่อยนะคะฝ้ายจะรับงานถ่ายแบบแล้วเก็บเงินตรงนั้นมาใช้หนี้”
“แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้หนูต้องลำบาก แม่ไม่คิดว่าพวกเขาจะยื่นข้อเสนอนี้มาให้เรา แม่ไม่รู้จริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ถ้าเราใช้หนี้หมดเราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันได้ไหมคะไปให้ไกลจากพวกเขา”
“ฝ้าย แกพักบ้างสิวะแกทำงานหนักแบบนี้มาเกือบเดือนแล้วนะเว้ย” ลูกอมกำลังนั่งบ่นเรื่องที่ฉันรับงานถ่ายแบบทุกวันรวมถึงยังมีงานเดินแบบด้วยแถมตอนกลางวันก็ต้องเข้าไปทำงานในบริษัทอีก
“ทำไงได้ล่ะ ฉันต้องรีบหาเงินไปใช้หนี้พวกเขา” เรื่องที่ฉันเป็นหนี้ครอบครัวคุณป้าพวกมันสองคนก็รู้แถมยังใจดีให้ยืมเงินอีกแต่ด้วยที่เป็นหนี้อยู่แล้วฉันไม่อยากยืมเพื่อนแล้วไปใช้หนี้พวกเขา เพราะถึงยังไงฉันก็ยังเป็นหนี้อยู่เหมือนเดิมสู้ให้เก็บเงินแล้วใช้หนี้พวกเขาไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ
“แต่แกทำงานหนักแบบนี้ทุกวัน แกจะไม่สบายเอาได้นะ” ลูกอมยังพูดต่อด้วยความเป็นห่วง พอสเดินมานั่งลงข้างๆพร้อมกับวางไก่ทอดลงบนโต๊ะ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก พอสพรุ่งนี้ถ่ายที่ไหนนะ” ฉันหันไปถามพอสเพราะพอสเปิดบริษัทโมเดลิงและฉันก็ทำงานกับมันนี่แหละดีหน่อยที่ลูกค้ามันเลือกฉัน ฉันเลยมีงานเยอะแม้เงินมันจะไม่เยอะแต่ฉันก็ต้องเก็บเงินไว้เพื่อที่จะเป็นอิสระเร็วๆ ที่จริงฉันจดทะเบียนกับพี่พีแล้วล่ะ แต่มันก็แค่แผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งอ่ะนะ เขาก็ยังคงไปทำงานไปทานข้าวกับแฟนเขาเหมือนเดิม ส่วนฉันก็เร่งหางานหาเงินอยู่แบบนี้ไงล่ะ
“พรุ่งนี้เดินแบบงานเปิดตัวเครื่องเพชรที่พัทยา”
“ไกลจัง ฉันไปดูไม่ได้นะต้องปั่นนิยายอ่ะ พี่บก.เร่งแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาไว้กลับมาจะแวะไปหาที่ร้านขนมหวานนะ” ฉันเอ่ยแซวเพื่อน เพราะกลัวมันจะเครียดเรื่องฉัน แต่มันกลับทำหน้าเบื่อใส่สะงั้น
“ฉันไม่ไปที่นั่นแล้วล่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ ช่างเถอะรีบกินรีบแยกฉันจะได้กลับไปทำงานต่อ”
“พรุ่งนี้เจอกันนะฝ้ายตีห้าจะไปรับ”
หลังแยกจากพอสฉันก็กลับบ้านทันที แม่ฉันทำขนมไปฝากขายที่ร้านเพื่อนแม่พอกลับมาฉันก็ช่วยแม่ทำขนมด้วยล่ะ บางคืนฉันก็เหนื่อยจนร้องไห้ออกมาเลยนะ มันเหมือนกับว่าพระเจ้ากำลังกลั่นแกล้งฉันให้เจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ฉันก็ต้องยอมรับสิ่งที่มันเกิด
“ฝ้าย ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะลูก”
“แค่นี้สบายมากค่ะแม่ พรุ่งนี้ฝ้ายมีงานที่ต่างจังหวัดอาจจะไม่กลับนะคะแม่ไม่ต้องเป็นห่วงพอสไปด้วยค่ะ”
“โทรหาแม่ด้วยนะ”
“ได้ค่ะแม่”
ฉันคุยกับพ่อแม่เรื่องที่หลังจากใช้หนี้จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นท่านไม่เห็นด้วยแล้วอีกอย่างบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงฉันเลยไม่ค้านอะไรไป เชื่อไหมหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลยไม่มีคำว่าคิดต่อขับรถผ่านบ้านเขาฉันก็ไม่มองด้วยซ้ำว่าเขาอยู่บ้านหรือเปล่า ฉันทำได้แล้วใช้ไหมฉันตัดเขาออกจากความรู้สึกได้แล้วใช่ไหม
“อ่า แต่งหน้าทำผมเลยนะเดี๋ยวจะได้ซ้อมรอบสุดท้าย”
ฉันยืนจ้องตัวเองผ่านกระจกนี่อยู่นานกว่าจะเดินออกไปซ้อมรอบสุดท้ายฉันกลับมาแต่งตัวอีกครั้งด้วยชุดราตรีสีขาวพร้อมทั้งเครื่องเพชร ชุดรัดรูปและเน้นโชว์เนินอกทำให้ทุกอย่างมันดูลงตัวหลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินไปแสตนบายรอหลังเวลา พอถึงคิวที่ฉันต้องขึ้นไปฉันก็ต้องสวมบทบาทเป็นนางแบบ ฉันรับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังมองมายังฉันจังหวะที่หมุนตัวกลับฉันก็เจอเข้ากับเจ้าของสายตาคู่นั้น ฉันเมินหน้าหนีเขาก่อนจะเดินกลับไปยังจุดที่แสตนบาย ฉันต้องอยู่บนเวทีจนการประมูลชุดเครื่องเพชรนี้เสร็จ ฉันยืนยิ้มอยู่บนเวทีนานมากกระทั่งถึงคิวที่ฉันต้องออกไปยังจุดโชว์เครื่องเพชร ไฟส่องมายังร่างฉันจนเกิดเป็นจุดเด่น
การประมูลเป็นไปอย่าดุเดือดแต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครที่เป็นคนประมูลได้เพราะหลังจากเสร็จการประมูลฉันก็ลงจากเวทีแล้วเปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับห้องพักพรุ่งนี้ฉันค่อยกลับ ระหว่างที่เดินเข้ากลับเข้าห้องพักก็เหมือนมีคนเดินตามอยู่ตลอดเวลาแต่พอหันกลับไปดูก็ไม่เห็นมีใคร ฉันเลยรีบเดินยิ่งขึ้นจังหวะที่กำลังเปิดประตูก็มีร่างสู.ๆของใครสักคนเข้ามาชิดแผ่นหลัง ฉันกลัวจนลนลานร้องไห้ออกมา
“ชอบเหรอโชว์นมให้คนอื่นดู” น้ำเสียงเย้ยหยันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง ลมหายใจร้อนๆของเขาเป่ารดต้นคอ ฉันหันหลังกลับไปผลักเขาออกห่างจากร่างก่อนจะตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้าเขา
“เธอกล้าดียังไงมาตบฉัน”
“โอ๊ะ ขอโทษนะคะพอดีตกใจ” ฉันผลักเขาออกห่างอีกครั้งเมื่อเขาก้าวเข้ามาชิดร่างฉันอีกครั้ง
“ทีแบบนี้ล่ะทำหวงตัว หึ เธอมันก็คงผ่านอะไรมาเยอะแล้วนี่ทำงานแบบนี้น่ะ”
เพี๊ยะ!!
ฉันตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้าเขาเต็มๆ ก่อนจะมองด้วยสายตาชิงชัง เขามองฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นหรอกเหรอ เขามองหน้าฉันโกรธๆก่อนจะผลักร่างฉันติดประตูแรงๆมือก็เปิดประตูห้องแล้วผลักฉันเข้าไป
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!”
“ทำไม นัดใครไว้หรือไงหนีผัวมาขายตัวเหรอ!!” สิ้นถ้อยคำร้ายกาจพวกนั้นฉันก็ตวัดฝ่ามือใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ ฉันร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเขา ก็รู้อยู่หรอกว่าโมโหที่ต้องจดทะเบียนกันฉันเบี้ยวหนี้แต่ถึงกับพูดถ้อยคำร้ายๆใส่กันแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยไหม
“ออกไปจากห้องฉัน”
“ฝ้าย...”
“จะด่าจะว่าอะไรฉันอีกล่ะ! แค่นี้ฉันยังเหมือนยัยงั่งไม่พอหรือไง!!” ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดัง ขาก้าวถอยหลัง ฉันไม่อยากจะอยู่ใกล้คนอย่างเขาฉันเกลียดเขา
“ฝ้ายพี่ขอโทษ”
“ฉันเป็นลูกคนโต ไม่เคยมีพี่! แล้วเก็บคำขอโทษของคุณไว้เถอะฉันไม่อยากฟัง ทนหน่อยแล้วกันฉันจะรีบหาเงินมาใช้หนี้พวกคุณแล้วจะรีบเซ็นใบหย่าให้”
“ฝ้าย ฟังพี่ก่อนได้ไหม!!”
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!” ฉันชี้นิ้วไปที่ประตูห้องก่อนจะตวาดใส่เขาเสียงดัง
ร่างสูงของเขาเข้ามาประชิดร่างฉันก่อนจะผลักลงบนเตียงแรงๆฉันลุกขึ้นก่อนจะพลิกตัวลงจากเตียงแต่เขาก็ยังตามมากระชากขาฉันไว้ก่อนที่เขาจะเข้ามาคร่อมร่างฉันไว้
“ปล่อยฉัน!!”
“ฟังหน่อยดิวะ”
“จะให้ฉันฟังอะไร! ฟังเรื่องที่คุณพูดจาดูถูกฉันน่ะอ๊ะ...”
เสียงฉันขาดหายไปเมื่อเขาโน้มลงมาจูบแรงๆ ฉันได้แต่ดีดดิ้นด้วยความรู้สึกขยักแขยง เขายกมือบีบที่ปลายคางฉันแรงๆมันเจ็บและปวดร้าวไปหมดน้ำตาฉันไหลลงมาอย่างน่าสมเพช เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันรวบแรงเฮือกสุดท้ายผลักเขาออกก่อนจะตวัดฝ่ามือใส่หน้าเขาสองครั้งติดด้วยความโมโห
“ฉันเกลียดนาย” ฉันเค้นเสียงสั่นๆบอกเขาไป ฉันไม่เคยรู้สึกเกลียดใครเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ
“เหรอ? แต่เธอน่ะรักฉันไม่ใช่เหรอ”
“เมื่อใช่ แต่ตอนนี้ไม่”
“หึ งั้นมาดูกันว่าเธอยังรักฉันอยู่หรือเปล่า”
เข้าก้มลงมาจูบฉันอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นและรสคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปาก มือใหญ่กระชากชุดฉันออกจากร่างไม่นานร่างฉันก็เปล่าเปลือยอยู่ตรงหน้าเขา ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกากริมฝีปากร้ายนั่นในห้องมีเพียงเสียงสะอื้นของฉันดังอยู่ ร่างสูงแทรกเข้าหาอย่างจาบจ้วงมันทั้งเจ็บและปวดไปในคราเดียวกัน ฉัน ฉันจิกมือลงบนหมอนจนแน่นกัดริมฝีปากจนเลือดซึม
“นี่เธอยัง...”
เขาพึมพำอะไรสักอย่างสะโพกยังขยับเข้าหาฉันจนมันเจ็บและเสียดไปหมด ฉันร้องไห้อยู่ใต้ร่างเขานานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้จากความเจ็บปวดมันแปลเปลี่ยนเป็นความเสียงซ่าน ช่องท้องฉันเริ่มบิดมวนไปหมดยามที่สะโพกใหญ่กระแทกเข้าหา เสียงครางต่ำในคอของเขายิ่งเร่งให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม เขายกมือเช็ดน้ำตาให้อย่างกระแทกกระทั้นใบหน้าหงุดหงิดนั่นจ้องมองฉัน
“มองฉันสิ ฉันเป็นผัวเธอนะ” เขาเอ่ยประโยคนั้นออกมาก่อนจะกระแทกเข้าหาฉันอย่างหนักหน่วง ตลอดทั้งคืนเขาบังคับให้ได้ในสิ่งที่อยากได้ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ที่รู้ฉันตื่นขึ้นมาภายในห้องที่ว่างเปล่าเพียงคนเดียว...