Devil Monster กลรักนายปีศาจ 3

2357 คำ
Devil monster Pee x Puifai 03 เตียงนอนที่ยับยุ่งหยดเลือดสีแดงประปรายไปตามผ้าปูที่นอน บ่งบอกได้อย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ฝันร้ายแต่มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันรับไม่ได้ เขาทำกับฉันไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว เงินแบงค์สีเทาวางอยู่หัวเตียงนับสิบนั่นทำให้ฉันดูด้วยค่ามากยิ่งขึ้น ฉันเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมในตอนหกโมง พอสก็รออยู่ที่รถแล้วทันทีที่ขึ้นรถฉันก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ความน้อยใจที่ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา “ฝ้าย มึงเป็นอะไรบอกกูมาสิ มึงอย่าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้” พอสถามเสียงกังวล “พอสกูเกลียดเขา กูเกลียดตัวเองที่ยอมเขาฮื่อ!” “มึงร้องออกมาให้พอฝ้าย พรุ่งนี้มึงห้ามร้องไห้เพราะถ้ามึงร้องกูเชื่อได้เลยว่าไอ้อมได้ตามไปฆ่ามันแน่” “ช่วงนี้ไปพักกับกูก่อนแล้วกัน ทำใจได้ค่อยกลับ” ฉันร้องไห้ตั้งแต่ขึ้นรถกระทั่งถึงกรุงเทพฉันมาพักที่ห้องพอส่วนพอสก็ไปค้างกับแฟนที่อยู่ห้องตรงข้าม ฉันเล่นมือถืออยู่จู่ๆก็มีสายเข้ามา มันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ ฉันลังเลใจอยู่นานว่าจะรับดีหรือเปล่ากระทั่งสายตัดไปและโทรกลับมาใหม่ฉันเละตัดสินใจรับ “ค่ะ” (ฝ้ายอยู่ไหน พี่มาหาเราที่บ้านไม่เจอกลับวันนี้ไม่ใช่เหรอแล้วตอนนี้อยู่ไหน) “โทรผิดหรือเปล่าคะ ฉันไม่รู้จักคนชื่อฝ้ายนะคะ” ฉันเอ่ยบอกปลายสาย น้ำตาก็ไหลลงมา เขามันบ้าไปแล้วเขาไม่เคยโทรหาฉันแต่ตอนนี้เขาโทรหาฉันแถมยังพูดอะไรแปลกๆอีกด้วย (เอ่อ น่าจะใช่ขอโทษนะครับ) ฉันตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที เขาโทรมาทำไมกันแถมยังไปหาฉันที่บ้านอีก ฉันปิดมือถือตั้งแต่ช่วงบ่ายลากยาวมาถึงช่วงค่ำลูกอมเข้ามาค้างเป็นเพื่อนนางก็ไม่ลืมหอบเอางานมาทำด้วย หลังจากทานข้าวเสร็จฉันก็นั่งคุยกับลูกอมส่วนพอสกลับห้องไปพาแฟนแล้ว เกือบหนึ่งเดือนที่ฉันไม่ได้กลับบ้านแต่ก็ยังติดต่อกับพ่อแม่อยู่ ฉันยังไม่อยากกลับไปรับรู้อะไรแล้วตอนนี้ “ดีขึ้นหรือยัง” จู่ๆลูกอมก็ถามขึ้นมา มันมองหน้าฉันก่อนจะยื่นมือถือมันมาให้ฉันดู พอรับมาก็ต้องขอบตาร้อนอีกครั้งเมื่อสิ่งที่โชว์อยู่บนหน้าจอมือถือ เขาบอกว่ากำลังจะมีข่าวดีกับแฟนเขา หึหึ น่าสมเพชตัวเองจังเลยฉันนี่มันโง่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังทำใจไม่ได้แถมยังปล่อยตัวปล่อยใจหลงละเลิงไปกับเขาอีก “อม **เซกะ** โทรมา” “หือ? รับให้หน่อยบอกว่าฉันไม่อยู่” “ค่ะ” (เอ่อ ลูกอมอยู่หรือเปล่าครับ) ปลายสายถามกลับเสียงเกรงใจ “อยู่ค่ะ” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนก่อนจะยื่นมือถือให้มันไป มันมองฉันตาค้างเลยล่ะแต่ก็ยอมรับมือถือไป มันกดเปิดลำโพงแล้วคุยกับปลายสายฉันก็นอนฟังพวกเขาสองคนคุยกัน เพลินดีเหมือนกันนะทำไมฉันไม่มีโมเม้นแบบนี้บ้างนะ สงสัยต้องรับหาแฟนแล้วล่ะ (แล้วนี่กินข้าวยัง) “กินแล้ว” (อยู่ห้องไหมจะเข้าไปหา) “อยู่ข้างนอก” (จะกลับกี่โมง) “ไม่กลับ” พวกเขาคุยกันสั้นมากจริงๆนะ ก็พอจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองไม่ชอบคุยโทรศัพท์แต่เหมือนอีกฝ่ายพยายามชวนคุย ส่วนเพื่อนฉันน่ะเหรอถามคำตอบคำบางคำถามมันไม่ตอบ ฉันล่ะเหนื่อยแทนผู้ชายคนนั้นจริงๆ (ตอนนี้อยู่ไหน) “ห้องเพื่อน” (ก็รู้ว่าห้องเพื่อน แต่ห้องเพื่อนมันอยู่ตรงไหน) “ถนน A32” (เดี๋ยวเข้าไปหา เอาอะไรไหม) “เค้ก” (ได้ แล้วเพื่อนเอาอะไรไหม) ลูกอมหันมามองหน้าฉันๆเลยส่ายหน้าแทนคำตอบ หลังจากทั้งวางสายลูกอมก็นั่งให้ฉันซักถามเรื่องมันกับผู้ชายคนนั้นซึ่งมันก็ไม่ได้แน่ใจหรือมั่นใจในความสัมพันธ์เท่าไหร่ ยัยลูกอมนั่งแต่งนิยายไม่สนใจโลกปล่อยให้ฉันนั่งเหงาอยู่นาน พอมีเสียงเคาะห้องมันก็ไล่ฉันไปเปิดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนฉันเลยหยิบหมอนแล้วฟาดใส่มันแรงๆ มันก็หันมาด่าฉันด้วยถ้อยคำดอกไม้ ฮ่าๆๆ ได้แกล้งเพื่อนแบบนี้มันก็สนุกเหมือนกันนะ “เอ่อ ลูกอมอยู่ไหมครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าประตูถามเสียงเกรงใจ “อยู่ค่ะ เข้ามาก่อนค่ะ” “รบกวนด้วยนะครับ” ผู้มาเยือนถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปหายัยลูกอมที่นั่งแต่งนิยายของมันอยู่หน้าโซฟา ฉันตัดสินใจเดินเลี่ยงกลับเข้าห้องนอนเพราะไม่อยากเป็นก้างขวางคอเพื่อน ฉันเดินไปนั่งที่ระเบียงห้องก่อนจะมองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่นี้ ทำไมมันเหงาแบบนี้นะ... “ฝ้ายไปเดินเล่นกันไหม” ลูกอมเดินมาพิงกรอบประตูก่อนจะมองฉันด้วยสายตาเป็นห่วง ฉันยิ้มให้เพื่อนก่อนจะพยักหน้าตอบรับถึงแม้จะไม่อยากไปแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงเลยตอบตกลง เราออกมาเดินตลาดตอนกลางคืน เซกะดูแลลูกอมอย่างดีพอสก็เดินคู่กับแฟน ส่วนฉันเดินคนเดียวรั้งท้ายพวกเขาทั้งสี่คน “เดินช้าขาสั้นเหรอเจ๊” เสียงแซวของลูกอมดังมาฉันเลยเงยหน้ามองก็เห็นลูกอมกับพอสยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆกันนั้นก็มีผู้ชายสองคนยืนขนาบข้างอยู่ ฉันยิ้มก่อนจะก้าวไปหาเพื่อน พวกมันสองคน เราเดินกินช็อปอยู่ทั้งคืน เซกะถ่ายรูปแล้วแท็กฉันมาด้วยล่ะรวมถึงคนอื่นๆด้วย เราทานข้าวกันอีกรอบแล้วก็เกิดสงครามขนาดย่อมเมื่อลูกอมกับพอสเถียงกันเรื่องอาหาร “ฉันอยากกินส้มตำ!” “ก็ฉันอยากกินปลาเผา” “สั่งสองอย่างก็ได้ไหมละ” แฟนพอสเสนอความคิดเห็นก่อนจะลากพอสเข้าไปในร้านตามด้วยลูกอมที่ดึงมือฉันเข้าไปในร้าน “ฝ้ายแกจะแต่งงานเหรอ” พอสหันมาถาม แต่ฉันถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงงงวย “ขอดูหน่อยสิ” ฉันรับมือถือพอสมาดูก็เข้าใจว่าพอสพูดถึงอะไร ผู้ชายคนนั้นโพสรูปแหวนแล้วบอกว่าการแต่งงานที่เกิดจากการบังคับ หึ ฉันคืนมือถือให้เพื่อนแล้วนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ฉันควรจะใช้เงินพวกเขาไปก่อนสักครึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงาน “ฝ้าย แกเอาเงินจากฉันไปจ่ายให้พวกเขาก่อนก็ได้นะ ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้เลย” ลูกอมบอกเสียงจริงจัง “อย่าไปกดดันเพื่อนสิลูกอม” “นายน่ะหยุดพูดไปเลยนะ! เพราะเพื่อนนายนั่นแหละกลับไปเลยฉันไม่อยากเห็นหน้านาย” “อ้าว ได้ไงอ่ะโกรธมันแล้วพาลมาลงที่ฉันเนี่ยนะจะบ้าหรือไง” “ก็พวกนายเป็นเพื่อนกัน ฉันเกลียดพวกนาย!!” “อมใจเย็นๆ กินก่อนนะเขากับผู้ชายคนนั้นคนละคนกันจะเหมารวมไม่ได้” ฉันเตือนเพื่อน เซกะก็มองแล้วยกนิ้วให้ฉันพรางยิ้มขอบคุณ ฉันยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆแต่ในหัวกลับคิดว่าฉันจะเริ่มต้นคุยกับผู้ใหญ่ยังไง ต้องหาเงินจากไหนถึงจะครบใช้หนี้พวกเขา “พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านนะขอไปเคลียเรื่องงานแต่งก่อน” “แกจะแต่งไหมฝ้าย” “ไม่อ่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขา” “สุดยอดเพื่อนฉัน อย่าไปใจอ่อนกับผู้ชายเลวๆแบบนั้น” ลูกอมเน้นคำว่าเลวๆใส่หน้าเซกะก่อนจะยิ้มพริ้มให้เซกะ ร้อยทั้งร้อยถ้าให้ยัยนี่ยิ้มให้ผู้ชายเชื่อได้เลยว่าต้องมีใจสั่นบ้างล่ะ ยัยนี่น่ะยิ้มทีไรมีคนเข้ามาขอเบอร์ทุกทีแต่มันไม่ค่อยยิ้มหรอกมันชอบทำหน้าบึ้งหน้าเหวี่ยงไหนจะชอบใส่แว่นอีก “ถอดแว่นทำไม ใส่เหมือนเดิมเลยนะ” “อย่ามาบ้าแถวนี้นะ” “อย่ายิ้มด้วย!!” เอาแล้วไงลูกกับกับเซกะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว กว่าเราจะกลับกันได้ก็ปาเข้าไปตีสามเราเดินทานอาหารจนอิ่มไปหลายรอบเลยล่ะ ตอนเช้าฉันกลับบ้านเพราะจะเข้าไปคุยเรื่องงานแต่งอะไรนั่น หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็แต่งตัวแล้วลงมาคุยกับพ่อแม่เรื่องเงินที่จะเอาไปใช้คืนพวกเขาก่อน พ่อกับแม่ยังรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นท่านเลยขอไม่มาฉันขับรถจากบ้านเพื่อมาพบคุณลุงกับคุณป้า หลังคุยเสร็จฉันก็จะออกไปทำงานด้วยเลย “เรามีเก้าล้านแล้วค่ะ หนูจะขอใช้ก่อนส่วนที่เหลือหนูจะหามาคืนให้เร็วที่สุดค่ะ” “ฝ้าย เรื่องเงินเอาไว้ก่อนได้ไหมลูก หนูหายไปไหนมาตั้งนานป้าไม่เห็นหนูเลย” คุณป้าเข้ามากอดฉันไว้แน่น ก่อนจะมองอย่างเอ็นดู แต่ฉันแค่ยิ้มแล้ววางเช็คลงบนโต๊ะกระจกข้างหน้านี้ “ตาพีมาพอดีเลย พวกเราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่านะลูก” คุณป้าท่านชวนฉัน “ขอโทษนะคะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่าส่วนเรื่องงานแต่งอะไรนั่น...” “ว้าว เข้ามาคุยเรื่องงานแต่งเองซะด้วยใจร้อนจริงนะ” น้ำเสียงเย้ยหยันดังจากนอกห้องรับแขก ฉันพอจะรู้อยู่แล้วล่ะเลยไม่หันไปมอง “จะไม่มีงานแต่ง ส่วนเงินที่เหลือหนูสัญญาหนูจะรีบหามาใช้” “ฝ้าย หนูอย่าไปฟังลูกชายป้าพูดนะ” “หนูรู้เรื่องทุกอย่างดีค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้ท่านทั้งสองก่อนจะลุกแล้วเดินออกมาแต่ไม่คิดว่าเขาจะกระชากแขนฉันแรงๆด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ฉันเซไปชนแจกันตกแจกหนำซ้ำฉันยังล้มทับเศษแจกันพวกนั้นอีก ตอนนี้ทั้งมือทั้งขาของฉันเต็มไปด้วยเลือด หึ คงสมใจเขาแล้วสินะ “ตาพี! พอกันทีฉันจะไม่ยุ่งกับชีวิตแกแล้วคุณคะพยุงหนูฝ้ายแล้วไปหาหมอกันค่ะ” ฉันไม่รู้แล้วว่ารอบข้างกำลังเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันพยุงตัวเองให้ลุกยืนอย่างทุลักทุเล ฉันลุกขึ้นยืนได้ก็เดินออกจากที่นั่นไปที่รถตัวเองทันที ทันทีที่ปิดประตูรถร่างสูงๆของพี่พีก็วิ่งมาตามด้วยร่างของคุณลุงกับคุณป้า ฉันถอยรถแล้วขับออกจากบริเวณบ้านเขาทันที เขาไปหาหมอที่คลินิกแถบชานเมือง “ทำไมคุณปล่อยให้เลือดออกเยอะแบบนี้” คุณหมอวัยสูงอายุดุฉันมา ตลอดเวลาที่คุณหมอทำแผลและคีบเศษแก้วออกฉันเอาแต่นั่งร้องไห้ “มาล้างแผลด้วยนะ แผลลึกอยู่เหมือนกันเดี๋ยวหมอจะเย็บให้นะ” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” “หนูท้องหรือเปล่า?” จู่ๆคุณหมอก็ถามเสียงเรียบ “คะ? ไม่ค่ะหนูไม่ได้ท้อง” “จริงเหรอ หมอแค่สงสัยน่ะเพราะหนูเหมือนคนท้องเลยเอ่อ จะว่าอะไรไหมถ้าหมอจะขอตรวจเลือดหนูน่ะ” “ได้สิคะ เพราะหนูไม่ได้ท้องจริงๆสักหน่อย” ฉันยิ้มให้คุณหมออย่างจริงใจ ระหว่างพยาบาลกำลังเจาะเลือดไปตรวจหมอก็กำลังเย็บแผลที่ขา ทั้งตั้งสองเท่าสามเท่าแต่มันก็คุ้มนะกับการได้เห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น “พรุ่งนี้ตอนเย็นอย่าลืมมาล้างแผลนะ” “ขอบคุณค่ะ” “พรุ่งนี้มาฟังผลตรวจด้วยนะ รับยาข้างนอกได้เลยนะ” “ค่ะ” ฉันเดินกะเผลกออกมาจากห้องตรวจแล้วรอรับยาฉันรับยาแล้วขึ้นรถก่อนจะนั่งสงบสติอยู่นาน ฉันเลือกที่จะขับรถไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับคลินิก สวนสงบๆยามบ่ายแบบนี้มันทำให้ให้ฉันได้มีเวลานั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ “พี่พีคะ พี่พีจะไปไหนเหรอ” ฉันเดินเข้าไปคล้องแขนพี่พีก่อนจะเดินไปพร้อมกับเขา “พี่ว่าจะไปทานข้าว เราไปกับพี่ไหม” พี่พีหันมาถามอย่างอารมณ์ดี ฉันเลยยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ “ไปค่ะ” “พี ยัยนี่ใคร?” ผู้หญิงคนสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาเกาะแขนพี่พี พี่พีดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉัน “น้องข้างบ้านน่ะ” “งั้นเหรอคะ เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” “เอ่อ ฝ้ายเธอกลับก่อนเลยนะพี่จะไปทานข้าวกับแฟน” “แล้วฝ้ายล่ะ” “ก็กลับไปก่อนไง” “แต่ฝ้ายมาก่อนผู้หญิงคนนี้นะ” “ฝ้าย! นี่แฟนพี่ทำไมเราพูดแบบนั้น” “ฝ้ายชอบพี่ ได้ยินไหมฝ้ายชอบพี่!” “พอเถอะฝ้าย พี่ต้องไปแล้ว” เขาเดินจากไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น และวันต่อมาความสัมพันธ์เราก็ไม่เหมือนเดิมเขาเลี้ยงฉันทุกทีที่มีโอกาสบอกไม่ว่างเวลาชวนไปกินข้าวโทรหาไม่เคยรับจากนั้นเขาก็ตัดขาดจากฉันทุกช่องทาง มีเพียงฉันที่อยากเห็นเขาคอยพาตัวเองเข้าไปใกล้เขาทั้งที่รู้ว่าเขารำคาญมากแค่ไหน “เลิกยุ่งกับพี่สักทีเถอะ พี่รำคาญพี่มีแฟนแล้วเข้าใจไหม!!” “ให้ตายยังไง พี่ก็ไม่มีทางชอบเธอจำไว้!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม