ตอนที่ 5
อาคารใต้ดิน…คำจารึกที่ทุกคนแสวงหา
ฉันมาที่โรงเรียนนี้เพื่ออะไรกันเนี่ยยยย มาเพื่อเรียนหนังสือ? ไม่ใช่! มาเพื่อหาเพื่อนใหม่ๆ? ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ! มาเพื่อมีความรัก? ห่างไกลจากคำๆนี้แบบสุดๆ! ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้อะไรเลยจากการมาเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ แถมยังต้องมาเจอแต่เรื่องแปลกๆชวนให้ฆ่าตัวตายตั้งแต่วันแรกอีก T_T
“ไอ้ปิศาจไนท์แมร์น่ะเริ่มปรากฏตัวอาละวาดไปทั่วก็เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นใคร และทำอย่างนั้นทำไม”
ออร์คัสอธิบายขณะที่เขากำลังจะพาฉันไปที่ไหนสักที่ ซึ่งเขาบอกว่ามันคือสถานที่อันน่าสะพรึงกลัวที่สุดของโรงเรียนแห่งนี้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นต่ำกว่าสี่คนเลยสักครั้งเดียว แต่ว่าเขา…กำลังจะพาฉันไปที่แบบนั้นตามลำพังแค่สองคน TOT!
แน่นอนว่าฉันไม่สามารถมีปากมีเสียงได้ พอทำท่าจะอ้าปากปฎิเสธก็เจอสายตาปลิดชีพจรของเขา!
“เขาทำอะไรเหรอ?”
“ปลุกฝันร้ายของทุกคน”
“…”
“นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ทุกคน…ก่อนเข้าเรียนจะต้องถูกสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต เรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนอ่อนแอ ไอ้เจ้าบ้านั่นปลุกเอาฝันร้ายเหล่านั้นของทุกคนออกมา”
คำบอกเล่าของออร์คัสทำให้ฉันคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ผู้ชายในชุดสีดำทะมึนที่สวมหน้ากากผี…และฝันร้ายที่สุดในชีวิตของฉันเมื่อคืนนี้….
แสดงว่านั่น…ไม่ใช่ความฝันสินะ!
เมื่อคืนไนท์แมร์มาหาฉันจริงๆ!
“เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆถึงหน้าซีดล่ะ จะตายแล้วเหรอ O_o”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า! ฉันก็แค่คิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้เฉยๆ”
ไม่อยากจะเสวนากับคนแบบนี้เลยให้ตายสิ การคุยกับเขาหนึ่งนาที มันเหมือนฉันต้องสูญเสียพลังชีวิตไปหนึ่งวัน TOT
“คิดอะไร? อย่าบอกนะว่า…ปิศาจไนท์แมร์มาหาเธอแล้ว!”
“ก็…ประมาณนั้น”
“แล้วมันทำอะไรเธอหรือเปล่า ฮะ? มันทำร้ายเธอมั้ย”
ออร์คัสจับตัวฉันหมุนไปหมุนมาจนอ้วกเกือบจะพุ่ง หมุนซะมึนไปหมดเลย +__+
“เปล่าๆ มันไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก ก็แค่…ปลุกฝันร้ายของฉันขึ้นมาเท่านั้นเอง”
“คนอย่างเธอก็มีฝันร้ายด้วยเหรอ -*-“
ไอ้คำว่า ‘คนอย่างเธอ’ นี่มันหมายความว่ายังไง -_-+
“มีสิ! แล้วก็เป็นฝันที่ร้ายมากๆด้วย ร้ายซะจน…ฉันแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เลยล่ะ”
“อย่าพูดแบบนี้นะยัยบ้า! เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่อนุญาตให้เธอตาย”
“ออร์คัส…”
“…”
“…”
“จนกว่าฉันจะได้โรงยิม หลังจากนั้นถ้าเธอคิดจะตายก็ตามสบาย ฉันไม่สนใจหรอก ^^”
เพล้งงงง! ความฝันของสาวน้อยถูกหมอนี่ทำร้ายย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีเป็นรอบที่แปดร้อยล้าน TOT กำลังมโนเห็นเขามีปีกสีขาวอยู่กลางหลังและมีห่วงเทวดาสีทองอยู่บนหัวเชียวนะ แต่ดูเหมือนจะมโนผิดไป ไอ้ปีกที่อยู่กลางหลังเขามันสีดำชัดๆ! ดำเหมือนหัวใจเขานั่นแหละ ฮืออออออ
“แต่ว่า…ที่ฉันถามว่าหมอนั่นทำร้ายอะไรเธอมั้ยน่ะ ฉันเป็นห่วงจริงๆนะ”
“ออร์คัส…”
“เพราะถ้าหมอนั่นทำให้เธอหวาดกลัวจนต้องลาออกจากโรงเรียนไป ฉันก็ชวดโรงยิมน่ะสิ อุตส่าห์โชคดีฟ้าประทานให้เธอจับฉลากได้มาอยู่ในเขตแดนสีดำทั้งที”
เพล้งอีกแล้วจ้า TOT ไอ้คนบ้าเอ๊ยยยย ขยันทำให้คนอื่นใจเต้นแล้วก็มาทำร้ายฝันอันแสนหวานนั้นด้วยเวลาไม่ถึงสามวินาที คอยดูนะ ฉันจะไม่เชื่ออะไรคำพูดของเขาอีกแล้ว ฮึ่ยยยย
ทางไปอาคารใต้ดินค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อนจนฉันคิดว่าฉันเดินทะลุประเทศไทยออกมาหรือยัง -_-; ตรงหน้าตอนนี้เป็นโดมกระจกเก่าๆที่แผ่นกระจกหลุดแตกไปแล้วมากมายจนแทบจะเหลือแต่โครง ออร์คัสพาฉันมาที่แบบนี้ทำไมกันนะ -*-
“ที่นี่?”
“ทางเข้าอาคารใต้ดินไงล่ะ”
แล้วก็เดินหล่อเข้าไปข้างในหน้าตาเฉย ไม่คิดจะกลัวว่าไอ้แผ่นกระจกเหนือหัวพวกนั้นมันจะพังลงมาบ้างเหรอ ฉันไม่อยากกลายเป็นมินมินสับตอนอายุสิบเจ็ดหรอกนะ แฟนเฟินก็ยังไม่เคยมี T^T
“ตามเข้ามาสิ!”
“ค่าๆ TOT”
ฉันเคยปฏิเสธอะไรได้มั้ย ตอบบบบ!
ภายในโดมเก่าโคตรเก่า ที่พื้นห้องมีอะไรสักอย่างเหมือนกับประตูไม้สักเก่าๆถูกล็อกอยู่ ถ้าเดาไม่ผิดมันต้องเป็นทางเดินลงไปในชั้นในดินแน่ๆ เข้าใจละ เพราะอย่างนั้นถึงได้เรียกมันว่าอาคารใต้ดินสินะ ฉันว่าเรียกโดมใต้ดินมันจะดูเข้ากว่าตั้งเยอะ
กึกๆๆ
ออร์ตัสหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูออก ทันทีที่เปิดประตู กลิ่นอับชื้นเหมือนไม่มีใครเปิดมาชาติเศษก็ลอยฟุ้งไปทั่ว แค่กๆ! ใต้นี้จะมีผีอาศัยอยู่หรือเปล่าเนี่ย สภาพไม่น่าลงไปเลยสักนิดอ่ะ =O=;
“เอ้า! เข้าไปสิ”
“ฮะ? ฉะ…ฉันเหรอ ให้ฉันเข้าไปก่อนเหรอ O_O!”
“ก็ใช่น่ะสิ เอ้านี่! ไฟฉาย เดี๋ยวฉันจะระวังหลังให้เอง ^^”
หน็อยแน่ะไอ้บ้านี่ กลัวก็ไม่บอก จะได้ชวนคนอื่นๆมาเป็นเพื่อนด้วย ทำเป็นอวดเก่งมากันแค่สองคนแต่สุดท้ายก็มาให้ฉันออกหน้าซะงั้น ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นปรปักษ์กับสาวน้อยอย่างฉันจริงๆ
“เข้ามาได้”
หลังจากส่องไฟฉายไปทั่วทุกสารทิศแล้วไม่พบอะไร ฉันก็หันไปเรียกอีตาออร์คัสที่ยืนแป้นแล้นอยู่ตรงประตูไม่ยอมเดินลงบันไดมาสักที ภายในชั้นใต้ดินมืดสนิท แต่ถึงอย่างนั้นก็สะอาดไม่มีแม้แต่หยากไย่ราวกับว่ามีคนมาปัดกวาดเช็ดถูมันอยู่ทุกวัน ใครกันล่ะ? ที่รู้แน่ๆคือไม่ใช่ไอ้ผู้ชายที่เกาะหลังฉันแน่นตอนนี้แน่นอน
“นี่นาย…กลัวเหรอ -*-“
“พะ…พูดอะไรของเธอ! คนอย่างท่านออร์คัสไม่มีวันกลัวผีหรอกเว้ย!”
“ฉันยังไม่ได้พูดคำว่าผีสักคำเลยนะ -*-“
“กะ…ก็นั่นแหละ ฉันก็พูดแบบเหมารวมไง!”
“เฮ้ย! ผี!”
หมับ!
“ไหนๆๆ ไล่ไปนะเว้ย ไล่มันไปสิ!”
ออร์คัสกระโดดกอดเอวฉันดังหมับ เนี่ยนะสภาพของคนที่ไม่กลัวผี -_-; อยู่ด้วยแล้วอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ( ประชด! )
“ฉันล้อเล่นน่า ไหนบอกไม่กลัวไง”
“ว่าไงนะ บ้านเธอสอนให้ล้อเล่นเรื่องแบบนี้หรือไง!”
“ก็เห็นนายบอกไม่กลัวนี่ ฉันก็แค่พูดเล่นๆสร้างบรรยากาศไม่ให้มันเงียบก็เท่านั้นเอง”
“ไม่จำเป็น!”
ออร์คัสถลึงตาใส่อย่างน่ากลัวแล้วแย่งเอาไฟฉายไปถือเอง เขาเดินนำไปแผ่นหินขนาดเท่าฝ่ามือที่ถูกตั้งอยู่บนแท่นหินอีกทีตรงกลางห้อง เหมือนว่ามันจะเป็นของสำคัญไม่น้อยเลยนะ เพราะในนี้นอกจากแผ่นหินกับแท่นหินก็ไม่มีของอย่างอื่นอยู่เลย
“!!!”
ฉันหันขวับกลับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกขนลุกซู่ราวกับถูกใครจ้องมองอยู่กัดกินไปทั่วทั้งหัวใจ คะ…คงไม่ใช่ว่าไอ้ที่ฉันแกล้งพูดเล่นใส่อีตาออร์คัสไปเมื่อกี้จะมาจริงๆหรอกนะ TOT
“ดูนี่สิ นี่คือจารึกแผ่นหินที่สำคัญของโรงเรียน มันคือต้นกำเนิดของไพ่ทั้งสี่ที่พวกฉันถืออยู่ไงล่ะ”
ออร์คัสส่องไฟฉายไปที่แผ่นหิน ฉันเลิกสนใจความรู้สึกประหลาดๆที่อาจจะคิดไปเองก็ได้แล้วหันมาสนใจแผ่นหินแทน มีตัวอักษรสลักไว้ด้วย O_o
“ยามเมื่อไพ่ทั้งสี่รวมเป็นหนึ่ง ความยิ่งใหญ่จะบังเกิด…”
“มันหมายความว่ายังไงเหรอ”
ฉันหันไปถามคนข้างๆที่อ่านคำจารึกในแผ่นหินให้ฟัง ออร์คัสเปลี่ยนทิศของแสงไฟฉายหันไปทางกำแพงห้อง ซึ่งมีช่องสี่เหลี่ยมที่ภายในจะมีช่องเล็กๆขนาดเท่าไพ่เรียงกันอยู่อีกสี่ช่อง
“เมื่อยี่สิบปีก่อน นักเรียนในโรงเรียนนี้ค้นพบอาคารใต้ดินแห่งนี้เข้า เมื่อพวกเขาพากันมาดูก็พบจารึกแผ่นหินและ…ตรงนี้…มีไพ่ถูกวางไว้อยู่ในช่องนี้ทั้งหมดสี่ใบ ก็คือ…”
“ไพ่โพธิ์ดำแห่งความตาย โพธิ์แดงแห่งความรัก ดอกจิกแห่งเงินทองและข้าวหลามตัดแห่งความเฉลียวฉลาด…ใช่มั้ย?”
“ใช่ เมื่อมีไพ่อยู่ตรงนี้พร้อมกับคำจารึกบนแผ่นหินนั่น นักเรียนในตอนนั้นจึงได้ตีความหมายของแผ่นหินนี้ออกมาว่า หากมีใครสักคนได้ครอบครองไพ่ครบทั้งสี่ใบ คนๆนั้นจะเป็นใหญ่ที่สุดในโรงเรียน หลังจากนั้นนักเรียนทั้งหมดก็ต่อสู้กันเพื่อจะแย่งชิงไพ่ใบนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้มันไปครอบครอง มีเพียงนักเรียนสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดช่วงชิงมันไปได้คนละใบ”
“หรือว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของผู้ปกครองเขตแดนทั้งสี่!”
“ใช่ ตั้งแต่นั้นมาก็มีการแบ่งแยกโรงเรียนนี้ออกเป็นสี่เขตแดน และคนที่เป็นผู้ถือไพ่ก็จะได้เป็นผู้ปกครอง ส่วนธรรมเนียมค่ำคืนแห่งการล่าเนกไทก็ถูกนำมาใช้เป็นวิธีที่จะตัดสินใจหาผู้ปกครองเขตแดนคนใหม่ มันเป็นแบบนี้มารุ่นต่อรุ่นจนกระทั่งถึงรุ่นของฉัน เมื่อสองปีก่อนพวกฉันสี่คนสามารถล่าเนกไทมาได้มากที่สุดแล้วก็ดันฟลุ๊คชนะผู้ปกครองเขตแดนคนก่อนๆที่ตอนนี้เรียนจบไปแล้วด้วย แต่ว่าหลังจากนั้นก็ยังไม่มีใครโค่นพวกฉันได้จนถึงตอนนี้ล่ะนะ”
ผู้ชายหลงตัวเองแถมยังกลัวผีสุดๆอย่างหมอนี่แข็งแกร่งถึงขนาดไม่มีใครโค่นล้มได้เชียวเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ! ฆ่าฉันให้ตายฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย =O=;;
“อะไรวะ ทำไมทำหน้าตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อแบบนี้ล่ะฮะ -*-“
“ปะ…เปล่า ไม่มีอะไร -_-;”
“ทั้งหมดนี้คือที่มาของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นฮันเตอร์ไฮสคูลอย่างในทุกวันนี้ โรงเรียนนี้สอนให้ทุกคนเข้มแข็งขึ้นและกลายเป็นนักล่าที่ไม่กลัวใคร ความอ่อนแอ…ฝันร้าย…ทุกอย่างจะถูกกำจัดออกไปจนหมด”
“อ่า…ฉันก็พอจะเข้าใจจุดประสงค์คร่าวๆที่โรงเรียนถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้วล่ะนะ แต่ว่า…มันเกี่ยวอะไรกับไนท์แมร์เหรอ?”
“เปล่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไอ้ปิศาจนั่นหรอก ฉันแค่อยากเล่าเรื่องของโรงเรียนนี้ให้เธอฟังเฉยๆ”
ถ้าอย่างนั้นก็เล่ากันข้างนอกไม่ได้เหรอยะ ทำไมต้องถ่อกันมาถึงที่ที่น่ากลัวแบบนี้ด้วย TOT!
“แต่ว่าเรื่องของไอ้ปิศาจนั่นน่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นใคร และมันคิดจะทำอะไรกันแน่”
“พวกนายไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?”
“ถ้ารู้ก็คงจับตัวมันมากระทืบได้นานแล้วล่ะยัยบ๊อง ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้น่ะสิว่ามันเป็นใคร แล้วการที่มันเที่ยวปรากฏตัวขึ้นมาปลุกฝันร้ายในใจของทุกคนให้ตื่นขึ้นเนี่ย มันทำไปเพื่ออะไร”
“ฝันร้ายของทุกคน? นายกำลังจะบอกว่า…หมอนั่นไม่ใช่คนแต่เป็นปิศาจจริงๆใช่มั้ย O_O”
งั้นเมื่อคืนฉันก็คุยกับปิศาจน่ะสิ แถมยังมีการแนะนำตัวด้วยนะ โอ้ม่ายยยยยยย เขาคงไม่ได้จะมาเอาวิญญาณของฉันไปต้มยำทำแกงหรอกนะ TOT
“จะบ้าเหรอ! ขี้ขลาดแบบมันยังไงก็ต้องเป็นคนอยู่แล้ว”
“ขี้ขลาด? เขาขี้ขลาดตรงไหนเหรอ ฉันเห็นมีแต่คนหวาดกลัวเขาเต็มไปหมด”
“ขี้ขลาดสิ ถ้าไม่ขี้ขลาดมันจะใส่หน้ากากทำไม หนำซ้ำมันยังเอาฝันร้ายของคนอื่นมาใช้เป็นเครื่องมืออีก คนแบบมันน่ะ…เกิดเป็นหมาหมามันยังอายเลย!”
อุ๊ย แรงอ่ะ! ถ้าหากว่าไนท์แมร์คนนั้นอยู่แถวๆนี้คงโกรธจนไฟลุกท่วมตัวไปแล้วมั้ง การที่มาโดนคนที่กลัวผีสุดๆแบบออร์คัสด่าว่าขี้ขลาดนี่มันเจ็บร้าวไปถึงลำไส้เลยนะ -_-;
“แต่ถ้าเขาเป็นคน แล้วเขาสามารถปลุกฝันร้ายของคนอื่นๆได้ยังไง เขารู้ได้ยังไงว่าใครมีฝันร้ายอะไรอยู่ในจิตใจ!”
“เพราะเธอไม่ได้เข้าโรงเรียนนี้มาแบบคนอื่นๆแต่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็เลยไม่รู้สินะว่าการจะเข้าโรงเรียนนี้ได้น่ะ มันมีกฎข้อบังคับอยู่อย่างหนึ่ง”
“อะไรเหรอ?”
“นักเรียนทุกคนจะถูกให้เขาไปนั่งในห้องๆหนึ่งเพียงลำพังคนเดียวเพื่อพูดสิ่งที่เป็นฝันร้ายของตัวเองในวันสัมภาษณ์ สิ่งที่หวาดกลัวหรือว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราอ่อนแอจนถึงขั้นไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ฉันคิดว่าบางทีในห้องนั้นอาจจะมีใครติดเครื่องดักฟังเพื่อแอบฟังฝันร้ายของทุกคน หรือไม่ก็มีเครื่องอัดเสียงเก็บเอาไว้ในนั้นโดยที่นักเรียนไม่รู้”
“นายคงไม่คิดว่าไนท์แมร์ไปขโมยเสียงที่ถูกอัดไว้พวกนั้นมา หรือว่าหมอนั่นเป็นคนไปติดเครื่องดักฟังไว้เองหรอกนะ”
“ฉันไม่รู้หรอก แต่ที่ฉันพอจะเดาได้ก็มีแค่หมอนั่นจะต้องเอาฝันร้ายของทุกคนมาจากกฎข้อบังคับนี้แน่ๆ เพราะนอกจากในห้องนั้นแล้ว ไม่มีนักเรียนคนไหนพูดถึงฝันร้ายของตัวเองให้คนอื่นฟังทั้งนั้น”
แบบนี้ก็ยิ่งน่างงงวยมากขึ้นไปอีก ในเมื่อฉันไม่ได้เข้ามาเรียนที่นี่แบบปกติเหมือนนักเรียนคนอื่น ไม่ได้ไปพูดฝันร้ายของตัวเองให้ใครที่ไหนฟัง แล้วไนท์แมร์…ไปเอาฝันร้ายของฉันมาจากไหนกันล่ะ!
“นาย…เคยเจอไนท์แมร์หรือยัง”
“ไม่อ่ะ ก็ฉันไม่มีฝันร้ายอะไร แล้วไอ้บ้านั่นจะมาหาฉันทำไมล่ะ”
“แต่นายบอกเองนี่ว่ากฎข้อบังคับในการเข้าเรียนที่นี่…”
“อ๋อ…ฉันก็แค่อยากเข้าเรียนที่นี่ ก็เลยกุฝันร้ายมั่วๆขึ้นมาเท่านั้นแหละ ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ฉันอ่อนแอได้ทั้งนั้น ^^”
“ขี้โกงอ่ะ -_-;”
“เขาเรียกอัจฉริยะเฟ้ย ว่าแต่เธอเถอะ เจอกับหมอนั่นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“อื้อ”
มาคืนแรกก็เจอเลย ช่างเป็นการรับน้องที่น่าสยองขวัญสั่นประสาทเป็นที่สุด T^T
“แล้วมันปลุกฝันร้ายอะไรของเธอขึ้นมาล่ะ”
“อย่ามาหลอกถามให้ยากเลย ฉันไม่บอกหรอกย่ะ!”
“ฉันเป็นผู้ปกครองเขตแดนนะเว้ย! แถมยังช่วยชีวิตเธอเอาไว้ด้วย บอกแค่มันจะตารยหรือไง!”
“เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันย่ะ ถ้าอยากรู้มากนักก็ไปสืบเอาสิ หรือไม่ก็ทำให้ฉันหลงใหลนายจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วฉันจะยอมบอก โฮะๆๆๆ”
ฉันยกมือเท้าสะเอวแล้วหัวเราะปากกว้าง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองชนะอีตาบ้าออร์คัส จงอกแตกตายด้วยความอยากรู้ของตัวเองซะเถอะ ฮ่าๆๆๆ >O<
“งั้นเหรอ…แค่ทำให้เธอหลงใหลเท่านั้น เธอก็จะ ‘ยอม’ ทุกอย่างสินะ”
“ฉะ…ฉันหมายถึงแค่เรื่องฝันร้ายเฉยๆต่างหากล่ะ”
ฉันเอ่ยเสียงสั่นพลางถอยหลังหนีออร์คัสที่เอาไฟฉายไปวางไว้บนแท่นหินหันมาทางเราสองคน ส่วนตัวเองก็เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ พยายามที่จะเดินเข้ามาใกล้ฉัน TOT
“ถอยออกไปนะ…”
“ไม่ถอย”
“อย่าเล่นบ้าๆนะ TOT”
“หืม? ใครเล่น ฉันไม่ได้เล่นสักหน่อย คนอย่างท่านออร์คัสที่แค่กระดิกนิ้วกริ๊กเดียวสาวๆก็วิ่งมาตายอยู่แทบเท้ากำลังทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันกับเธอเชียวนะ”
จนแล้วจนรอดก็ไม่พ้นประเด็นหลงตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ ถ้าไม่เจอกับตัวจะไม่เชื่อเลยนะว่าบนโลกนี้จะมีคนอย่างเขาหลงเหลืออยู่ด้วย =O=;
“เอายังไงดีล่ะแม่ลูกแมวน้อย ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน…เธอต้องหลงฉันหัวปรักหัวปรำแน่ๆเลย ^^”
“ไม่มีทางหรอก! จะให้หลงนายน่ะเหรอ ฉันยอมแห้งเหี่ยวเป็นยายแก่เหนียงยานไปจนตายดีกว่าย่ะ!”
“ถ้างั้นเรามาดูกัน ว่าเธอจะทนต่อเสน่ห์อันล้นเหลือของฉันได้นานแค่ไหน”
วินาทีนี้บอกเลยว่ามินมินอยากหายตัวได้เจ้าค่า TOT// อีตาออร์คัสยังไม่ยอมหยุดแกล้งฉันง่ายๆ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันที่ถอยหลังติดกำแพงเรียบร้อยแล้วหมดทางหนี ริมฝีปากที่ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ ( เพราะเป็นจูบแรก T////T ) ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ตึกๆ…ตึกๆ…ตึกๆ…
“หึๆ ดูเหมือนว่าเราจะรู้ผลแล้วล่ะนะ”
ออร์คัสกระซิบที่ข้างหู ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาอย่างเจ็บใจ แต่ไอ้คนขี้แกล้งก็เดินถือไฟฉายเดินลิ่วๆกลับขึ้นไปด้านบนแล้ว ฮือๆๆๆ ฉันทำอะไรหมอนี่ไม่ได้เลยงั้นเหรอเนี่ย TOT
“รีบๆขึ้นมาสิ! เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ซะหรอก”
“รู้แล้วย่ะ T^T”
ฉันขานรับกลับไป พยายามตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับมา ลืมๆๆๆ ฉันต้องลืมใบหน้าหล่อๆของหมอนั่นให้หมด ไอ้น้ำเสียงทุ้มแสนเพราะที่กระซิบข้างหูเมื่อกี้ก็ด้วย ลืมให้หมดเดี๋ยวนี้นะ แง้ TOT
ปัง!!!
“เฮ้ยยยย O_O”
ฉันคลำทางเดินขึ้นบันไดไปหาประตูด้วยความตกใจ จู่ๆประตูมันก็ปิดลงมาซะอย่างนั้น นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยยย ในนี้มืดจะตาย มีออกซิเจนเพียงพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ T^T
ปังๆๆ!
“มินมิน! เป็นอะไรหรือเปล่า มินมิน!”
“ออร์คัส! ออร์คัสช่วยฉันด้วย ฉันกลัววว มันมืดเหมือนมีคนมาปิดตาเลยอ่ะ ฮือๆๆๆ TOT”
ฉันร้องตอบเขา ได้ยินเสียงเหมือนออร์คัสพยายามจะพังประตูเข้ามาแต่ก็ไม่เป็นผล แหงล่ะ ก็นี่มันประตูไม้สักอย่างหนาเลยนี่นา คนที่จะพังเข้ามาได้ถ้าไม่ใช่ยักษ์เขียวจอมพลังก็ต้องไอรอแมนแล้ว!
“เธอรออยู่ตรงนี้นะ ห้ามเดินไปไหนเด็ดขาด! ฉันจะหาอะไรมาพังประตู”
“ถึงอยากเดินก็เดินไปไหนไม่ได้หรอกน่า มืดขนาดนี้”
“ยังจะมากวนอีก มันน่าช่วยมั้ยเนี่ย -*-“
“ไม่นะ! นายต้องช่วยฉันนะ ขอร้องล่ะ T^T”
“เออๆ ขอไปหาอะไรมาพังประตูก่อน อย่าไปไหนล่ะ”
“ค่า TOT”
ฉันรับคำ ค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงบนบันได เสียงของออร์คัสเงียบหายไปแล้ว เขาคงไม่คิดจะทิ้งฉันไว้ที่นี่เพื่อแก้แค้นที่ฉันไม่ยอมบอกฝันร้ายของตัวเองให้เขาฟังหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะโกรธเขายันชาติหน้าจริงๆด้วย ฮือๆๆ ทำไมสาวน้อยบอบบางไม่สู้คน ไม่รังแกใครอย่างฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ( ยกเว้นรุ่นพี่ประธานไว้คนเดียว รายนั้นมันสุดวิสัยจริงๆ -_-; ) ในนี้มันยิ่งกว่าคำว่าน่ากลัวอีกนะ TOT
ตึก…ตึก…ตึก…
ขวับ!
“O_O”
ฉันก้มลงมองไปข้างล่างแม้ว่าจะเพ่งจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาแต่ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดก็ตาม มะ…เมื่อกี้มันเสียงฝีเท้านี่นา เหมือนคนใครบางคนกำลังจะเดินมาทางนี้เลย T^T
ตึก…ตึก…ตึก…
ไม่ผิดแน่ๆ มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว ในนี้ไม่มีคนอยู่ไม่ใช่เหรอ เพราะตอนเข้ามาอีตาออร์คัสก็เป็นคนไขกุญแจที่ล็อกประตูอยู่เองกับมือ แถมตอนส่องไฟฉายไปรอบๆฉันก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว ถะ…ถ้าอย่างนั้น…เสียงฝีเท้านี่ก็…อาจจะไม่ใช่ของคนงั้นเหรอ =O=;;
พรึ่บ!
“กรี๊ดดดดดด!”
ฉันกรีดร้องดังลั่น ความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจและสูบฉีดไปทั่วทั้งร่างกาย ฉันต้องตาย ฉันต้องตายอยู่ที่นี่แน่ๆ อ๊ากกกกก TOT
“เจอกันอีกแล้วนะแม่สาวน้อย”
“นะ…ไนท์แมร์ O_O”
สมองรีบทำการประมวลผลเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จู่ๆก็มีแสงไฟติดพรึ่บในระยะประชิด พร้อมกับใบหน้าของหน้ากากผีที่ไนท์แมร์สวมอยู่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเปิดไฟฉายส่องหน้าตัวเองนี่เอง ทำเอาใจหายไปเลย หายไปในอวกาศ TOT ( อากาศไม่ใช่เหรอ -*- )
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ ฉันมีเรื่องอยากจะตกลงกับเธอพอดี”
ความเงียบเข้ากลืนกินอีกครั้งเมื่อไนท์แมร์พูดจบ อีตาออร์คัสก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา แบบนี้ก็หมายความว่า… ณ ที่แห่งนี้ มีฉันกับเขาอยู่กันแค่สองคนเท่านั้นสินะ เขา…ที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือผี เขา…ที่เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ เขา…ที่เป็นคนปลุกฝันร้ายของฉันขึ้นมา…
อืม…โชคร้ายกว่ามินมินคนนี้มีอีกมั้ยยยยย TOT!