“ค่ะป้า” ยอดยาหยีตอบรับ ด้วยปราบพิชิตบอกไว้อย่างนั้น เธอเองด้วยความอยากไปเรียน ไปสอบให้เสร็จ จึงดีใจที่ชายหนุ่มบอกแบบนั้น จึงไม่ได้ขัดอะไรความดีใจทำให้เธอไม่คิดอะไรมาก
หรือว่าที่ยอดยาหยีหายไปเมื่อวานจะเกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะหญิงสาวน่ารักคนนี้เสร็จคุณปราบพิชิตไปแล้ว หรือว่า...จริงๆ แล้วชายหนุ่มอาจได้รับคำสั่งจากบิดาให้จัดคนไปส่งยอดยาหยีเป็นไปได้ ป้าหวินกำลังสับสนในความคิดสองขั้วของตัวเอง ในเมื่อปราบพิชิตหล่อร้ายกาจเสียขนาดนั้น แถมยังรู้กันอยู่ว่าเป็นคนทำมากกว่าพูด อาจจะไม่พูด ไม่แสดงออกทางความคิด หากแต่จัดการกับแม่นกน้อยพลัดกรงนี้ไปแล้ว
“ดูสิแม่นังนั่นขึ้นรถคุณๆ อย่างกับเป็นลูกเป็นหลานก็ไม่ปาน”
“ดูพูดเข้านังแหวว”
“ก็มันจริงนี่แม่ ฉันว่านะ” แหววหันมองรอบกาย ในเวลาต้องนินทาว่าร้ายใคร ส่วนหวินคอยฟังความลูกสาวจะพูดอะไรออกมา แหววรุ่นราวคราวเดียวกับยอดยาหยี เป็นพี่แค่สองสามปี แต่ปากสว่างไม่มีหูรูด ชอบพูดเรื่องคนอื่นสนุกปาก
“ว่าอะไรของแกนังแหวว” หวินตวาดลูกสาววัยกำลังแรด วันๆ หนึ่งไม่เห็นหัวไม่รู้ไปขลุกอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆ คงจะหลังตลาดสุมหัวกับลูกแม่ค้านั่นล่ะ
“ฉันรู้แม่ก็คิดเหมือนฉัน” แหววยัดเยียดให้แม่ของตนคิดแบบเดียวกับตน แม่เป็นผู้ใหญ่เลยไม่กล้าพูดอะไรออกไป แต่สำหรับหล่อน ไม่ใช่คนแบบนั้นรู้อะไรมาต้องมาบอก รู้มาเก้าก็เล่าบวกเพิ่มเข้าไป จะได้สนุกและมันส์เกินร้อย
“คิดอะไร ฉันคิดอะไรเหมือนแก” หวินเท้าเอวคั้นเอาความจริงจากลูกสาว ส่งให้เรียนไม่เรียน บอกว่าเรียนไปปวดหัวออกมาเอาผัวดีกว่า นี่ที่หายๆ ไปไม่ช่วยงานบ้านงานครัว ทั้งที่กินเงินเดือนเจ้านายเดือนหลายบาท คงอยากได้ผัวอย่างปากว่า
“นังนั่นเสร็จคุณปราบน่ะสิ จะอะไรซะอีก” แหววแสร้งกระซิบข้างหูแม่ ทว่าไม่ได้กระซิบจริง เพราะคนอื่นได้ยินประโยคที่แหววพูดอย่างชัดเจน
“แกทำไมคิดกับเจ้านายในทางไม่ดีอย่างนี้วะแหวว นรกจะกินกบาล” หวินจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากแหววจนหน้าหล่อนหงายไปตามแรงดัน
“ป้าหวินก็...นังแหววมันอยากกินคุณปราบน่ะสิ” ส้มก้าวออกมาสมทบ เพราะเฝ้าดูยอดยาหยีอยู่อีกมุมหนึ่ง บ้านนี้สาวใช้เยอะแยะ จนจำไม่หวาดไม่ไหว พอจ้างแม่แม่ไปชวนลูกมาทำงานด้วย ชวนญาติพี่น้องมาทำ บอกว่าเจ้านายเลี้ยงดี ส่วนคุณผู้หญิง ใครมาสมัครเข้าทำงาน ถ้าเป็นเครือญาติกันล้วนรับไว้ จนเต็มบ้านเห็นทีหลังจากนี้จะต้องลดคนงานลงซักหน่อย
“นี่อีส้มแม่ลูกเขาจะคุยกัน อย่าเสือก”
“หรือว่าไม่จริง”
“นั่นเรื่องของฉัน แกว่าฉันแบบนี้แกคงอยากกินคุณปราบด้วยสินังส้ม”
“โอ้ย...ฉันไม่บังอาจหรอก กาอยู่ส่วนกา หงส์ปล่อยให้อยู่ส่วนหงส์เถอะ ฉันน่ะมีพี่เชิดอยู่แล้ว”
“ชิ...ทำเป็นเจียมตัว ถ้าได้ก็อยากเหมือนกันล่ะว้า...เอ...ว่าแต่พี่เชิดใครล่ะ คุ้นๆ” เพราะผู้ชายที่หล่อนควบอยู่ชื่อเชิดเหมือนกัน หรือว่าเป็นเชิดคนเดียวกัน ในตลาดมีลูกแม่ค้าขายผักชื่อเชิดเพียงคนเดียวนี่นา
“ก็...” ขณะส้มกำลังจะบอกเกี่ยวกับพี่เชิด หวินจึงขัดจังหวะขึ้นซะก่อน ปากส้มที่กำลังอ้าจึงต้องค้างเติ่ง
“พอๆ เดี๋ยวคุณผู้หญิงมาได้ยินเข้าพวกเอ็งจะโดนไล่ออก” คนเราแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนานั้นแข่งไม่ได้ อีกอย่างยอดยาหยีไม่ได้เข้ามาที่บ้านนี้ในฐานะสาวใช้ ดังนั้นฐานะจึงต่างจากคนรับใช้อย่างพวกนางโดยสิ้นเชิง ต่อให้มาแบบไหนก็ตาม หากเมื่อเจ้านายบอกว่าไม่ใช่คนรับใช้ ก็ต้องตามนั้น
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดในบริเวณคณะบริหารธุรกิจที่ยอดยาหยีเรียนอยู่ เหตุที่เธอตัดสินใจเรียนคณะนี้ เพราะบิดาคอยพร่ำสอนเสมอว่า กิจการของครอบครัวจะต้องมีคนสืบทอดนั่นคือเธอเพียงคนเดียวนั่นเอง ความจริงเธอไม่ได้ฝักใฝ่ที่จะเรียนสายนี้ สาขาที่ชอบมากที่สุดคือหมอ เธออยากเป็นหมอรักษาคน ช่วยเหลือคนป่วย คนเจ็บ และถ้าไม่เพราะห่วงบิดา หากมีโอกาสได้เรียนตามที่ตัวเองชอบ เธอคงเดินทางออกต่างจังหวัด หรือไปอยู่บนดอยห่างไกลความเจริญ เพื่อเป็นหมออาสา ทำประโยชน์เพื่อสังคมมากกว่าอยู่ในเมือง แต่เมื่อบิดาประสงค์อย่างนั้นเธอจึงยอมให้กับท่านนั้น
ยอดยาหยีก้าวลงจากรถ โดยมีบอดี้การ์ดสองนายคอยคุมเชิง ดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด พวกเขาดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก แต่งชุดสูทสีดำสวมแว่นตาดำอำพรางใบหน้า
“พี่นก พี่อูฐ ถอดแว่นก่อนมั้ย หยีเป็นเป้าสายตาทุกคนแล้ว” หญิงสาวบอกสองบอดี้การ์ดที่เดินคุมเชิงขนาบด้านหลังราวกับกำแพงหนา แล้วยังวางมาดขรึมไม่ยิ้มไม่พูดไม่จา ตั้งแต่เดินทางมาจากคฤหาสน์ถึงมหาวิทยาลัย เธอยังไม่ได้ยินเสียงสองคนนี้พอสักคำ
ทั้งสองไม่ตอบรับไม่นำพา ยังคงเดินคุมหญิงสาวไปจนถึงตึกเรียน แต่เมื่อมีเพื่อนฝูงวิ่งกรูเข้ามาหา ด้วยความดีใจที่เห็นยอดยาหยีปรากฏกายหลังจากหายไปร่วมสัปดาห์ ทุกคนเฝ้าเป็นห่วง คอยโทร.เช็คโทรตาม ส่งการบ้านไปทางไลน์ พร้อมกับส่งงานช่วงสุดท้ายก่อนสอบ เพื่อจะได้ทำงานส่งเก็บคะแนน
“เอ่อ...นี่เพื่อนหยี แอน กิ๊ก มัดหมี่” ยอดยาหยีบอกแกบอดี้การ์ดที่ทำท่าจะไม่ยอมให้เพื่อนของเธอเข้าใกล้ตัวเธอ
“คุณหยีอาจไม่ปลอดภัย” พี่นกคนที่ผิวคล้ำกว่าพี่อูฐ สองคนนี้สีผิวสวนทางกันอย่างชัดเจน เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้ม ราวกับคุมนักโทษไปส่งเรือนจำอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรนี่เพื่อนหยี”
“ครับ” ทั้งนกและอูฐกล่าวสั้นๆ นี่เจ้านายสั่งไม่ให้พูดยาวหรืออย่างไร ทั้งสองจึงพูดได้แค่นี้ คงไม่ต้องสงสัย เพราะเจ้านายวันๆ พูดน้อยจนเข้าใจยาก
เพื่อนๆ ทุกคนต่างงงเป็นไก่ตาแตก นี่เพื่อนของพวกเธอกลายเป็นนักโทษ หรืออีกนัยหนึ่งดีหน่อยกลายเป็นซุป’ ตาร์ มีคนตามคุมกันไปซะแล้ว
ตอนนี้ยอดยาหยีมานั่งทำตัวลีบอยู่ในห้องทำงานปราบพิชิต ตั้งแต่เลิกเรียน ตลอดเวลารู้สึกอึดอัดมากที่พี่นกกับพี่อูฐ คอยตามประกบแจ ดีหน่อยที่ไม่ตามเข้าไปนั่งสิงร่างในห้องเรียน ห้องแลบ ห้องปฏิบัติการ ห้องแลคเชอร์ กระดิกตัวไปไหนก็ไม่ได้เอาซะเลย
“เจ้านายครับนี่ครับ” พี่นกส่งโทรศัพท์ให้กับผู้เป็นนาย
“มันเป็นคนของใครลองสืบให้ฉันหน่อย”
“คุณ...ปราบ เอ่อเฮียปราบ อะไรเหรอคะ” ยอดยาหยีอยากรู้เกี่ยวกับประเด็นที่เจ้านายกับลูกน้องกำลังคุยกัน จึงยื่นหน้าเข้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์ในมือเฮียปราบ
“พวกที่มันตามหยี”
“อะไรนะคะ ตกลงมีจริงอย่างที่ป๋าบอกหยีไว้อย่างนั้นเหรอ”
“จริง แต่เรายังไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนของใคร พวกปล่อยเงินกู้ พวกมาเฟียบ่อนพนัน หรือพวกไหนกันแน่ อ้อ อีกอย่างวันนี้หยีพยายามหนีเจ้าสองคนนี้ใช่ไหม แล้วเห็นกับตาหรือยังว่ามีคนตามหยีจริงๆ”
“เอ่อ...หยีไม่รู้ แค่หยีรู้สึกอึดอัดที่มีคนคอยจับตามอง” ตกลงที่บิดาเธอห้ามไม่ให้ไปไหน ให้อยู่แต่ในคฤหาสน์สกุลก้องพาณิชย์ นั้นเป็นความห่วงใจของบิดาจริงๆ แล้วถ้าเธอยังอยู่ในอันตรายแล้วบิดาของเธอล่ะ จะอยู่อย่างไร ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ยอดยาหยีรู้สึกเป็นห่วงท่านอย่างสลดหัวใจ
“อยู่กับเฮียที่นี่จนกว่าเฮียจะทำงานเสร็จ เราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน ไปออกไปได้แล้ว” เขาสั่งหญิงสาว แล้วพูดตบท้ายประโยคขึ้นมาลอยๆ ไม่รู้สั่งใครให้ออกไปจากห้อง
“ค่ะ” หญิงสาวหมุนตัวเตรียมก้าวออกจากห้อง
“หยี” เจ้าของเสียงทุ้มแข็งกร้าว เรียกคนที่กำลังจะก้าวออกจากห้องไว้
“คะ” หญิงสาวชะงักเท้า ที่กำลังจะก้าวก็เขาสั่งให้เธอออกไป กำลังจะออกไปอยู่นี่ไง ทำไมต้องเรียกตัวไว้อีกล่ะ
“ไม่ใช่หยี เป็นสองคนนี้ต่างหาก”
“เมื่อกี้ที่สั่งให้ออกไปไม่ใช่หยีเหรอคะ”
ปราบพิชิตแค่พยักหน้า เขาไม่ได้ตอบออกมาเป็นคำพูด สองบอดี้การ์ดที่ใช้ให้ตามติด อารักษ์ขายอดยาหยี ทุกฝีก้าว จึงเป็นฝ่ายก้าวออกไปอย่างรู้งาน
“ส่วนหยีมานี่” เขากระดิกนิ้วเรียกหญิงสาว ที่อยู่ในชุดนักศึกษาอันบริสุทธิ์ บอกตรงๆ เขาไม่เคยข้องแวะกับนักศึกษาสาวๆ มาก่อนเพราะถือว่าไม่เหมาะสม ทำลายอนาคตของชาติ และสร้างค่านิยมให้สาวพวกนี้ ไม่รักการเรียน หวังแต่สบาย ทว่า...ชุดนักศึกษาบนร่างอรชรที่อยู่ในห้องกับเขาตอนนี้ กำลังเปลี่ยนความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง หรือจะรับดูแลนักศึกษาสักคนดีนะ