บทที่ ๑ คนมันซวยหรือชะตาเล่นตลก(๒)

1134 คำ
ไม่ว่าทุกชีวิตภายในตระกูลเซี่ยจะกลับคืนสู่ปกติแค่ไหน แต่ต้องไม่ใช่สำหรับเซี่ยอิงลั่วแน่นอน เพราะทันทีที่นางลืมตาขึ้นก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่า ที่นี่ไม่ใช่ ที่นี่ไม่เหมือนบ้านของนาง ไม่เหมือนโลกที่นางคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย ทั้งคำพูดของเด็กสาวที่อยู่ข้างเตียง ทั้งการตกแต่งภายในห้อง ม่านมุก ฉากบังลมไม้แกะสลักลายบุปผาโปรยปราย เตียงไม้หลังใหญ่สี่เสา กระจกทองแดงที่สะท้อนมุมหนึ่งของห้อง สภาพแววล้อมตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่นางเคยเห็นมาตลอดสิบเจ็ดปีเลย แต่ถึงแม้จะรู้สึกอย่างนั้นร่างกายนี้มันกลับไม่ยอมให้นางได้ทำตามใจปรารถนา ไม่อาจลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไปได้ กระทั่งจะยกแขนขึ้นเพียงเล็กน้อยยังเป็นเรื่องยากยิ่ง “คุณหนูเจ้าขา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ ดื่มยาบำรุงอีกสองสามเทียบ ร่างกายของคุณหนูจะกลับมาแข็งแรงดังเดิม” คนที่กำลังพูดกับนางในตอนนี้คือผู้ใดกัน อรัญญิกา วงศ์พรพิรุณ สาวน้อยชาวไทยในวัยสิบเจ็ดจากยุคปัจจุบันกำลังกะพริบตาปริบๆ ครุ่นคิดแล้วสิ่งที่ประเดประดังเข้ามาในหัวทำให้ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ไม่ใช่เมืองที่นางรู้จัก แต่คือแคว้นเว่ยเทียน แคว้นที่นางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แล้วยังไง เกิดอะไรขึ้น เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า พอครุ่นคิดย้อนกลับไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะเยาะตัวเองอยู่ในใจ เพราะสิ่งสุดท้ายที่จำได้คือ วันนั้นนางกับเพื่อนสนิทสองสามคนโดดเรียนไปเล่นเกมในห้างสรรพสินค้า เล่นเกมจนเหนื่อยเพื่อนคนหนึ่งก็ลากเข้าไปในร้านหนังสือ จากนั้นนางก็กลอกตาเบื่อหน่ายกับหนังสือหลายร้อยเล่มที่เห็น เพราะอรัญญิกา วงศ์พรพิรุณ นักเรียนมัธยมปลายคนนี้ไม่ชื่นชอบหนังสือหรือการเล่าเรียนเลยสักนิด แถมยังมีนิสัยดื้อด้านเป็นที่สุดอีกด้วย แต่แล้วกลับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาอย่างสนใจ มันคือหนังสือประวัติศาสตร์เล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น มันไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรเลยสักนิด สุดท้ายก็โยนมันกลับเข้าที่เดิม หลังจากนั้นก็...มาอยู่ที่นี่ อยู่ในร่างของคุณหนูสามเซี่ยอิงลั่วในวัยสิบหกปี อายุอ่อนกว่านางในยุคปัจจุบันปีหนึ่ง แต่เรื่องอายุมันไม่น่าตกใจเท่ากับนิสัยเรียบร้อยประดุจผ้าพับไว้ในตู้ของอีกฝ่าย รวมถึงโดดเด่นเรื่องกลอน พิณ ภาพวาด ร่ายรำ เป็นคุณหนูอันดับต้นๆ ของเมืองหลวงที่เหล่าแม่สื่อพากันย่ำจนธรณีประตูแทบพัง ทว่าอรัญญิกาคนนี้ คือเด็กมอปลายจากโรงเรียนมัธยมมีชื่อที่โดดเรียนเป็นประจำ สอบได้ลำดับท้ายๆ ของห้อง หนังสือไม่อ่าน การบ้านไม่ทำ กิจกรรมไม่เข้า จะให้นางทำตัวเรียบร้อยมีคุณธรรมจรรยาน่ะหรือ มันเป็นไปไม่ได้! อรัญญิกาอยากลุกขึ้นมาโวยวาย ด่าสาดเสียเทเสียตั้งแต่สวรรค์ยันนรกยิ่งนัก เหตุใดถึงได้ทารุณกรรมนางเช่นนี้เล่า ถึงแม้ในใจจะด่าเปิดเปิงตั้งแต่เทพเซียนกับฮ่องเต้ผู้ปกครองดินแดนรวมถึงโชคชะตาแค่ไหน นางกลับทำได้เพียงนอนนิ่งๆ ตัวอ่อนปวกเปียกประดุจเต้าหู้ต้ม แม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับปากเอื้อนเอ่ยออกมาสักคำยังไม่มีเลย ดวงตาแดงก่ำที่แฝงแววโศกเศร้าหวาดกลัวของคุณหนูสามในเวลานี้ทำให้สาวใช้คนสนิทอย่างเสี่ยวจือเจ็บปวดจนต้องปาดน้ำตาทิ้งนับสิบครั้ง จึงเอานั่งคุกเข่าเช็ดน้ำตาเรียกอยู่ข้างเตียงไม่หยุดหย่อน “คุณหนู...คุณหนู” อรัญญิกาอยากจะบอกสาวรับใช้ข้างเตียงเหลือเกินว่านางไม่ใช่คุณหนู นางเป็นผู้อื่น มาจากยุคสมัยอื่น ซึ่งห่างจากที่นี่หลายพันปีนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ทำได้เพียงกลอกตาแล้วทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเท่านั้น “คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ” แรงมือหยาบกระด้างจากการทำงานหนักแตะฝ่ามือเนียนนุ่มเบาๆ ราวกับกลัวจะแตกสลายทำให้อรัญญิกาต้องกลืนถ้อยคำทุกอย่างลงคอ นางทำได้เพียงนอนนิ่งๆ แล้วฝืนยิ้มให้กับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ครู่หนึ่งถึงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “เสี่ยวจือ ข้าไม่เป็นไรแล้ว” น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มซึ่งไม่เหมือนกับเสียงแหบห้าวในโลกปัจจุบันทำให้ต้องฝืนยกมือขึ้นมา ผิวขาวราวกับหยก เนียนนุ่มดุจปุยนุ่นพวกนี้ไม่ใช่ผิวของนางแน่นอน ผิวของนางนั้นต้องกระด่างกระดำเล็กน้อย ดูแดงๆ จากแดดเผาหน่อยๆ แล้วก็ถูไปคงมี ขี้ไคลหลุดออกมา ดังนั้นทันทีที่ดื่มยาบำรุงได้สามสี่เทียบ นางก็ให้เสี่ยวจือพยุงลุกขึ้นไปนั่งยังหน้าโต๊ะแป้ง พอเห็นรูปร่างหน้าตาร่างนี้ชัดเจนก็ถึงกับวิญญาณหลุดลอย ผู้หญิงอะไรสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ งดงามยิ่งกว่านางงามจักรวาลเสียอีก แม้จะป่วยอยู่ริมฝีปากก็ยังชมพูระเรื่อ ผิวแก้มราวกับถูกปาดด้วยเชอรี่สีแดงสด ดวงตากลมโตเหมือนพระจันทร์ จมูกรับกับดวงหน้างดงามเป็นอย่างยิ่ง จะว่าไปแล้วอย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้โชคร้ายทั้งหมด เพราะร่างนี้งดงามบาดใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าได้ใช้ร่างนี้ในยุคปัจจุบันละก็ ดาราดังๆ ต้องชิดซ้ายแน่นอน นางจะเป็นดาวดวงใหม่แห่งแวดวงบันเทิง ทว่ามันจะมีหนทางใดให้นางกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนบ้างกัน สุดท้ายอาจต้องใช้ชีวิตจนตายอยู่ที่นี่ก็เป็นได้ เพราะสีหน้าแววตาของคุณหนูมีแววปวดร้าว เสี่ยวจือจึงพยายามปลอบโยน “คุณหนูไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ ที่ผ่านมาในจวนของเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น นายท่านกับฮูหยินทั้งสองไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูต้องเป็นอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ” อรัญญิกาในร่างของเซี่ยอิงลั่วยิ้มฝืน ในเมื่อข้ามมาอยู่ในยุคสมัยนี้แล้วสิ่งที่ต้องทำก็คงมีเพียงทำใจและอยู่กับมันให้ตลอดรอดฝั่ง ส่วนนิสัยใจคอแก่นกะโหลกกะลาที่ติดมาในชาติก่อนนั้น คงต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทีละเล็กน้อย “ข้าดีขึ้นแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” “ดีจริงเจ้าค่ะ” ดวงตาสองข้างของเสี่ยวจือแดงก่ำ ขณะหยิบหวีที่แกะสลักจากหยกขาวมาหวีผมที่ทิ้งตัวราวกับม่านไหมสีดำให้ด้วยแรงมือนุ่มนวล “อีกสองราตรีคุณหนูของบ่าวก็ต้องขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว เห็นคุณหนูแข็งแรงขึ้นเช่นนี้บ่าวก็เบาใจ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม