บทที่ ๑ คนมันซวยหรือชะตาเล่นตลก(๑)

1465 คำ
เมื่อห้าร้อยปีก่อนแคว้นเว่ยเทียนยังคงปกครองด้วยหนึ่งฮ่องเต้ผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม แต่หลายร้อยปีให้หลังฮ่องเต้กลับกลายเป็นทรราช เข่นฆ่าขุนนางทำร้ายราษฎรจนเลือดนองทั้งแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้จึงมีบัญชาสวรรค์จากเทพเซียนส่งเทพทั้งหกลงมาจุติยังโลกมนุษย์ เพียงไม่กี่สิบปีแคว้นเว่ยเทียนก็ถูกแบ่งการปกครองเป็นหกวังใหญ่ นั่นคือวังกลางยังคงเป็นที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ อีกห้าวังที่เหลือคือ วังอู่เทียน วังซานเทียน วัง ซื่อเทียน วังลิ่วเทียน และวังจิ่วเทียน         บัดนี้ผืนแผ่นดินกลับสู่ความสุขสงบ เทพทั้งหกหวนคืนสู่สวรรค์ ทิ้งให้ตระกูลเว่ยปกครองแคว้นเว่ยเทียนมานับสองร้อยปีแล้ว เพลานี้จึงอยู่ในยุคสมัยของเว่ยหนิงหวง ซึ่งพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์มาหลายสิบปี โดยตั้งชื่อรัชสมัยของพระองค์ว่าหวงหวังตี้         รัชสมัยหวงหวังตี้ องค์ฮ่องเต้มีโอรสและพระธิดารวมทั้งสิ้นแปดพระองค์ ทว่าโชคร้ายโอรสองค์ที่เจ็ดได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่สิบปีก่อน จึงเหลือโอรสอีกหกพระองค์และพระธิดาหนึ่งพระองค์ ทว่าโดยรวมแล้วรัชสมัยของพระองค์ก็ยังเรียกได้ว่ามีลูกมีหลานเต็มบ้านอยู่ดี         เมื่อสมควรแก่เวลา โอรสผู้ถูกเลือกทั้งห้าจึงถูกส่งไปประจำยังวังที่แวดล้อมเมืองหลวงทั้งห้าทิศทาง หลายปีมานี้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข แต่ในความรู้สึกของเหล่าราชวงศ์กับ  ขุนนางต่างรู้แก่ใจดีว่า ฮ่องเต้เริ่มแก่ชรามากแล้ว เจ้าของวังกลางแห่งแคว้นเว่ยเทียนจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใดล้วนขึ้นอยู่ในอำนาจขององค์ชายทั้งห้าที่ประจำอยู่วังนอกทั้งสิ้น         และเพื่อรักษาอำนาจของวังกลางให้คงอยู่ตลอดไป ไม่ว่ายังไงฮ่องเต้แต่ละยุคสมัยล้วนต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนทั้งสิ้น ดังนั้นจึงมีการพระราชทานสมรสให้กับโอรสธิดาในสายเลือดทุกพระองค์ โดยสตรีที่จะได้รับเลือกเข้าสู่เชื้อพระวงศ์นั้นต้องเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมสตรี ปฏิบัติตามหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมทั้งสิ้น สามเชื่อฟังคือ อยู่บ้านเชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี สิ้นสามีเชื่อฟังบุตร สี่คุณธรรมคือ ศีลธรรม ปิยวาจา อรรถจริยา และฝีมืองานบ้านการเรือน         ดังนั้นรัชสมัยหวงหวังตี้ปีที่ยี่สิบห้า วันที่หกเดือนหก จึงมีราชโองการไปยังหนึ่งในวังทั้งห้าอย่างวังอู่เทียน ให้เตรียมการพิธีมงคลสมรส จะมีการจัดพิธีตามธรรมเนียมของราชวงศ์เว่ยในอีกเจ็ดแปดวันข้างหน้า โดยสตรีที่ได้รับเลือกก็คือ ธิดาคนที่สามของอัครเสนาบีฝ่ายขวาอย่างใต้เท้าเซี่ยหลิว นางคือ เซี่ยอิงลั่วในวัยสิบหกปี         ข่าวคราวพระราชทานการสมรสในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้คนในวังกลางหรือวังนอกแตกตื่นเลยสักนิด หนำซ้ำทุกวังยังตระเตรียมพิธีการที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่าต่อให้มีพระราชโองการลงมาให้จัดพิธีในหนึ่งหรือสองวันก็ล้วนเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง         ทว่าแม้ภายในวังนอกหรือวังในจะเงียบสงบและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากเพียงใด ก็ไม่ใช่กับจวนตระกูลเซี่ยที่ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของเมืองหลวงเลยสักนิด เพราะบัดนี้พายุโศกสลดขนาดใหญ่กำลังพัดพาไปทั่วทั้งจวน ทำให้เรือนหลายสิบหมู่นั้นเงียบสงัดวังเวงนัก ข้ารับใช้ตั้งแต่ยศชั้นใหญ่หรือน้อยต่างระมัดระวังคำพูดและการกระทำ จะเดินจะทำอะไรก็ล้วนเงียบเชียบประดุจสายลม เหตุมาจากเรือนรองตะวันตกอย่างเรือนหงเซ่อของคุณหนูสามนั้นกำลังถาโถมไปด้วยความน่าหวาดหวั่น         ช่วงยามอู่ที่ผ่านมาคุณหนูสามพลัดตกน้ำ แม้จะได้รับการช่วยเหลือทว่าผ่านมาจนล่วงเลยย่างเข้ายามไฮ่แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลยสักนิด บัดนี้ภายในเรือนจึงมีท่านหมอมากฝีมือหลายคนเดินเข้าออก ใต้เท้าเซี่ยหลิวผู้เป็นบิดาเองก็ยังนั่งไม่ติดเก้าอี้ และด้านข้างๆ นั้นฮูหยินใหญ่กับฮูหยินรองต่างก็พากันนั่งซับน้ำตาไม่หยุด ถ้าสังเกตดีๆ ดวงตาของฮูหยินรอง หลี่ถงจือนั้นบอบช้ำเป็นอย่างยิ่ง แววตาแห่งความหวาดหวั่นแฝงเร้นด้วยความรักความเจ็บปวดตามประสาแม่ผู้ให้กำเนิดเอาแต่ลอบมองเข้าไปด้านหลังฉากไม้บังลมไม่หยุด ยิ่งเห็นท่านหมอหลายท่านผลัดเปลี่ยนกันตรวจจับชีพจรของบุตรสาวผ่านม่านมุกที่ทิ้งตัวลงมาแล้วพากันส่ายหน้ายิ่งทำให้หัวใจของนางเหมือนถูกปีศาจร้ายฉีกขาดเป็นชิ้นๆ         “ท่านพี่...” ในที่สุดหลี่ซื่อก็ทนไม่ไหว การเห็นลูกนอนไม่ได้สติด้วยใบหน้าซีดขาวเช่นนั้นทำให้นางใจจะขาด ทว่าสำหรับฮูหยินใหญ่อย่างเจี่ยมี่เหรินแล้วความรู้สึกของนางต่างกับหลี่ซื่อเป็นอย่างยิ่ง แม้ใจหนึ่งจะห่วงบุตรสาวคนนี้ แต่กลับห่วงชะตาชีวิตของทุกคนในจวนมากกว่า ช่วงเช้าเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส ยังไม่ถึงเที่ยงวันเซี่ยอิงลั่วก็พลัดตกน้ำนี่ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีพระราชโองการของฮ่องเต้หรือ การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลเซี่ยที่คงอยู่มาหลายสิบปีพังพินาศลงในชั่วพริบตาก็เป็นได้ ดังนั้นภายในใจของเจี่ยซื่อจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่แม้ในใจจะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังไม่อาจเผยท่าทีอื่นใดออกมา นอกจากปลอบประโลมสตรีอีกคนที่นอนกับสามีของตน มือเนียนนุ่มดุจต้นหอมนั้นวางลงบนหลังมือของฮูหยินรองแล้วตบเบาๆ “ถงจือ เจ้าอย่าคิดอะไรมากเลยนะ ข้าเชื่อว่าลั่วเอ๋อของพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร”  “พี่หญิงคิดเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “แน่นอน ลั่วเอ๋อเป็นเด็กดี เป็นเด็กเรียบร้อย สวรรค์ต้องคุ้มครอง” “น้องก็ปรารถนาให้สวรรค์คุ้มครองลั่วเอ๋อ ขอให้ลั่วเอ๋อ ปลอดภัย” “ถ้าอย่างนั้นเราสองคนไปสวดมนต์ไหว้พระดีหรือไม่ สวดภาวนาให้ลั่วเอ๋อปลอดภัย” “ดีเจ้าค่ะ” หลี่ถงจือได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลุกขึ้นยอบกายให้ใต้เท้าเซี่ยด้วยความอ่อนแรงแล้วปล่อยให้        ฮูหยินใหญ่เจี่ยมี่เหรินประคองออกจากเรือนหงเซ่อ ติดตาม     ฮูหยินใหญ่ไปยังเรือนไป๋เซ่อแล้วเอาแต่นั่งคุกเข่าสวดมนต์อยู่เช่นนั้น เพียงครึ่งถ้วยชาเสียงสวดอ้อนวอนต่อสวรรค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็พลันดังระงม ทำเอาทุกชีวิตภายในจวนใจไม่สู้ดีเลย แม้แต่สีหน้าและแววตาของอัครเสนาบดีอย่างเซี่ยหลิวผู้ไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใดยังถอดสีจนไร้เลือดหล่อเลี้ยง การเห็นบุตรสาวคนที่สามนอนซมไม่ได้สติเช่นนั้นทำให้ใต้เท้าเซี่ยดูแก่ชรามากกว่าอายุไปอีกนับสิบปี การถูกเคี่ยวกรรมอยู่ในวังวนอำนาจในหลายสิบปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะยังเทียบไม่ได้กับการเห็นบุตรสาวสุดรักคนนี้ล้มป่วยเลยสักนิด ผ่านการตรวจรักษาจากท่านหมอหลายคน แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถรักษาคุณหนูสามได้เลยสักผู้เดียว กระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ สตรีผู้ที่ท่านหมอหลายสิบท่านเอ่ยปากว่าไม่มีทางรอดกลับค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นในคราแรกนั้นจะว่ามีแววตาเหมือนเดิมก็ไม่ใช่ จะว่าไม่เหมือนเดิมก็ไม่รู้ว่าแตกต่างกันตรงใด ดูแล้วคนที่จะรู้ว่าต่างมากน้อยเพียงใดนั้นก็คือเจ้าของร่างเซี่ยอิงลั่วเท่านั้นกระมัง แต่ไม่ว่าคนในร่างจะแตกต่างหรือคงเดิมไม่ได้มีผลอะไรเลยสักนิด เพราะขอแค่คุณหนูสามฟื้นคืนสติก็นับว่าได้ช่วยชีวิตของคนในตระกูลเซี่ยเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นการที่นางลืมตาขึ้นจึงทำให้ทุกชีวิตกลับคืนสู่ปกติ และแน่นอนว่าด้วยอำนาจของอัครเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งราชสำนักแล้ว ข่าวคราวเรื่องคุณหนูสามตกน้ำเกือบตายในวันได้รับ    พระราชโองการพระราชทานสมรสนั้นย่อมต้องเป็นความลับ แม้ไม่ใช่ตลอดไป แต่ย่อมไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ในเร็วๆ นี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม