CHAPTER 3 “กำแพง”

2719 คำ
“ธารรรรรรรรร” / “แกกกกกกกกก” เสียงนุ่นและข้าวหอมร้องลั่นรถ เมื่อสามสาวเข้ามานั่งประจำที่ในรถของธารเรียบร้อย “โอ๊ย.....เขินไม่ไหวแล้ว” ธารมุดหน้าลงไปกับพวงมาลัยรถ พร้อมเสียงร้องโอดครวญกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป “ขนาดนั้นไม่เขินยังไงไหว นุ่นยังเขินเลย” นุ่นที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง โผล่หน้ามาตรงกลางระหว่างธารและข้าวหอม ร้องโวยวายขึ้นอีกครั้ง “ข้าวหอมไม่เคยเห็นธารเป็นขนาดนี้เลย ตาย ๆ วันจันทร์จะมองหน้าพี่ ๆ ยังไงเนี่ย” ข้าวหอมยิ้ม “ทำไมอ่ะ พี่เค้าจะโกรธหรอ” ข้าวหอมส่ายหน้าตอบนุ่น “ข้าวหอมกำลังคิดว่า จะมองหน้าพี่ภูผายังไงไม่ให้หลุดแซว” ข้าวหอมและนุ่นพากันหัวเราะ “แล้วทำไมธารรีบกลับ นึกว่าจะอยู่จีบพี่ภูผาต่อ” “ไม่ไหว ใจบาง” ธารเงยหน้ามาตอบเพื่อน “เล่นไปร้องเพลงจีบขนาดนั้น จะให้นั่งอยู่ต่อยังไงไม่ให้เขินเล่า ไม่ได้ดิ เดี๋ยวเสียอาการต่อหน้าพี่เค้า แค่นี้ก็เขินจะตายแล้วเนี่ย” ธารโวยวายตอบ “ชอบมากหรอ ปกติไม่เคยเห็นเป็นขนาดนี้” นุ่นสะกิดถามเพื่อน “ชอบมาก พี่เค้าหล่อ หล่อมาก เห็นแล้วเหมือนโดนสะกด ละสายตาไม่ได้เลย พอพี่เค้ายิ้ม ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในหลุมสีชมพู มันเปล่งประกาย สว่างจ้า เต็มไปด้วยออร่าไปหมด” ธารเพ้อออกมา “โอ้โห อาการหนักจริง” นุ่นพยักหน้าเห็นด้วยกับข้าวหอม “แต่พี่เค้าดูไม่เล่นด้วยเลยนะ จริง ๆ พี่ภูผาเป็นคนที่ดูจริงจังมากอ่ะ จะเห็นมุมละมุน ๆ ก็แค่เวลาอยู่กับพี่ปัน เจ้านายเราแค่นั้นเอง” “เจ้านายข้าวหอมที่เล่าให้ฟังว่าเพิ่งแต่งงานกับประธานบริษัทไปอ่ะหรอ” ข้าวหอมพยักหน้าตอบนุ่น “ใช่ ๆ พี่เค้าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน กลุ่มนี้เค้าจะมีกัน 5 คน มีพี่ม่อนกับพี่ขิมอีกสองคน แถมสองคนนั้นก็เป็นแฟนกันด้วย จะเหลือแค่พี่ไผ่กับพี่ภูผานี่แหละที่ยังโสด” ข้าวหอมเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง “แล้วคนที่พี่ภูผาชอบล่ะ ข้าวหอมรู้เรื่องมั้ย” ข้าวหอมส่ายหน้าตอบธาร “ไม่เคยเห็นเลยอ่ะ ไม่เคยเห็นพวกพี่เค้าพูดถึงกันเลย แถมไม่เคยเห็นแซวอะไรกันด้วยนะ” ข้าวหอมตอบ “ไปสืบสิ สืบจากพี่ไผ่ก็ได้ รายนั้นดูน่าจะขอข้อมูลง่ายดี” นุ่นเสนอ “ข้าวหอมต้องช่วยธารนะ คนนี้ธารชอบจริง ๆ ไม่เคยตกหลุมรักใครตั้งแต่แรกเจอขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ” ธารหันมาอ้อนเพื่อนรัก “ได้เลย!! ข้าวหอมช่วยเต็มที่ เดี๋ยวจะไปสืบจากพี่ไผ่มาให้” ธารดึงเพื่อนรักตัวน้อยเข้ามากอด “เขินมากเลยอ่ะ มือไม้สั่นไปหมดเลย” ธารสะบัดมือรัว ๆ เพื่อให้สามารถบังคับรถกลับไปที่คอนโดได้ “อาการหนักมาก 555” ข้าวหอมหันไปหัวเราะกับนุ่น “ให้ข้าวหอมสืบอะไรบ้างดี แค่เรื่องผู้หญิงที่พี่ภูผาชอบหรอ หรือธารอยากรู้อะไรอีก” ข้าวหอมชวนเพื่อนคุยระหว่างทางกลับคอนโด “ทุกเรื่อง ธารอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพี่เค้าเลย ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร กิจวัตรประจำวัน สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ อยากรู้ทุกอย่างเลย ถ้าได้เฟส ได้ไอจี จะดีมาก” ธารรัวคำตอบกลับมาเป็นชุด “ระวังน้องธีรู้นะ รายนั้นหวงพี่สาวจะตาย ถ้ารู้ว่าพี่สาวตามจีบผู้ชายก่อน แกโดนธีบ่นเป็นชุดแน่ ๆ ธาร” นุ่นเอ่ยเตือนพร้อมเสียงหัวเราะ “แกก็ไม่ต้องไปบอก พวกเราไม่บอก ธีมันไม่รู้หรอก ปล่อยมันหมกตัวกับตำรายาล้านชนิดของมันไปเถอะ” สามสาวพากันหัวเราะ “พรุ่งนี้เจอกันสิบโมงนะจ๊ะ อย่าตื่นสายล่ะ” ธารเอ่ยทิ้งท้ายกับเพื่อน ๆ เมื่อขับรถมาถึงคอนโด ก่อนทั้งสามสาวจะแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันไป ธาร ข้าวหอม และนุ่น ซื้อคอนโดอยู่ที่เดียวกันแต่คนละห้อง โดยทั้งสามเลือกอยู่ชั้นเดียวกันและห้องติด ๆ กัน โดยห้องของธารจะเป็นห้องหัวมุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะมี 2 ห้องนอน ธารพักอยู่คอนโดนี้คนเดียว ส่วนห้องนอนอีกห้อง ถูกใช้เป็นห้องทำงานของทั้ง 3 สาว ที่มีธุรกิจขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับออนไลน์ที่ทั้ง 3 คนทำด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ส่วนธี ที่สาว ๆ พูดถึง คือน้องชายของธารซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ที่คณะเภสัชฯ ชั้นปีที่ 4 ที่เชียงใหม่ สองพี่น้องไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยนัก เพราะตั้งแต่น้องชายเธอสอบติดและย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอย้ายออกจากบ้านมาเช่าหออยู่กับเพื่อน ๆ เช่นกัน เมื่อธารอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอนเสร็จเรียบร้อย เธอก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปทิ้งตัวลงที่เตียง พร้อมกับเปิดโปรแกรมแชทไลน์ และกดเข้าไปที่โปรไฟล์ของ ภูผา ที่เพิ่งได้มา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธารเมื่อได้มองดูรูปโปรไฟล์ที่ภูผาตั้งไว้ ใบหน้านิ่งของภูผาในรูป มีรอยยิ้มมุมปากประดับอยู่บนใบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่รอยยิ้มนั้นมันกลับทำให้ธารหลงรักได้อย่างไม่น่าเชื่อ ธารรีบกดเซฟรูปโปรไฟล์นั้นไว้ในเครื่องทันที Line Phupha ธาร : ไม่รู้ว่าพี่กลับบ้านรึยัง : แต่ธารถึงห้องแล้วนะคะ กำลังจะนอน : ยินดีที่ได้รู้จัก และ ฝันดีนะคะพี่ภูผา ธารส่งข้อความหาภูผาทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะปิดโทรศัพท์และมุดหน้าลงกับหมอน แม้จะเขินกับการกระทำของตัวเองอยู่มาก แต่เธอก็คิดมาอย่างดีแล้วว่า เธอจะลองจีบภูผาดู ถึงในชีวิตนี้จะไม่เคยจีบใครมาก่อนแต่ลองดูซักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร “มึงจะพิมคุยอะไรกันเยอะแยะเนี่ยห๊ะ” ภูผาที่ยังคงนั่งดื่มกับไผ่อยู่ที่ร้าน หันไปถามเพื่อนที่นั่งจิ้มโทรศัพท์ไม่หยุดมาตั้งแต่ข้าวหอมและเพื่อน ๆ กลับไป “อะไรมึง กูเล่าจบตั้งนานแล้วเว้ย เลิกแชทกันไปตั้งนานแล้ว” ไผ่เงยหน้ามาตอบ “คนอื่นทักมารึเปล่า เอ๊ะ!! หรือว่าน้องธาร เอามาดูดิ๊” “เอ้า!! ยุ่งเชี่ยไรกับโทรศัพท์กูเนี่ย เอามาเลย” ภูผาแย่งโทรศัพท์คืนจากมือไผ่ทันที ก่อนจะกดเปิดดูข้อความที่สั่นแจ้งเตือนเข้ามาเมื่อซักพัก “ว้าว น้องเค้าเอาจริงว่ะ น่ารักนะเนี่ย ถึงห้องก็รายงาน จะนอนก็รายงาน” ไผ่ยิ้มแซว “กูไม่ได้อยากรู้ จะรายงานกูเพื่อ” ภูผาตอบปัดรำคาญ พร้อมเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “หรอ...แล้วทำไมไม่ตอบน้องเค้า อ่านแล้วไม่ตอบ เสียมารยาทนะครับ” ไผ่กระแซะถาม “ไม่ได้อยากตอบ คิดว่าทักมาได้ก็ทักไป แค่กูไม่ตอบก็จบ” ภูผาตอบโดยไม่ได้ใส่ใจ “มึงตั้งแง่อะไรนักหนาวะ มึงไม่ชอบน้องเค้าตรงไหน สวยก็สวย หุ่นก็ดี น่ารักด้วย แถมดูจะชอบมึงมาก ไม่ลองเปิดใจดูวะ อาจจะดีก็ได้นะเว้ย” ไผ่ยังคงยุเพื่อนต่อ “ยอมรับว่าหุ่นดี สวย ยิ้มก็สวย แต่แรงเกินไป” ภูผาตอบ “แค่นี้? แรงตรงที่เค้ามาจีบมึงก่อนแค่นั้น” ภูผาพยักหน้า “มึงลองคิดดูนะไอ้ผา ถ้าน้องเค้าไม่มาจีบมึง แล้วนั่งรอให้มึงไปจีบแทน ชาตินี้คงจะได้คบกันหรอก มึงไม่ได้สนใจจะจีบใครด้วยซ้ำ” “ก็ใช่ไง ก็กูไม่ได้สนใจใคร อีกอย่างกูชอบผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ใช่คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะจีบผู้ชายแบบนี้” ภูผายังคงเถียงต่อ “มึงไม่ได้ชอบผู้หญิงเรียบร้อย มึงแค่ชอบปัน และน้องธารไม่ใช่ปัน มึงเลยไม่สนใจ” ไผ่สวนกลับ และภูผาก็เถียงต่อไม่ได้ “เลิกจมอยู่กับสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ซะทีมึง เปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง อย่างน้อยก็แค่ให้โอกาสน้องเค้าและให้โอกาสตัวเอง” ไผ่พูดทิ้งท้าย ก่อนจะหันไปเล่นโทรศัพท์ต่อ ภูผานั่งมองแก้วในมือพลางใช้ความคิด ใช่...เค้ารู้ว่าเรื่องของเค้ากับปันมันเป็นไปไม่ได้ แต่เค้าลืมความรู้สึกที่มีให้ปันไม่ได้ เค้ายังคงหลงรักรอยยิ้มของปันอยู่ และเค้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจให้ใครเข้ามาแทนที่ปัน ภูผาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ธารส่งมาอีกครั้ง ก่อนจะกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของธาร เค้ายอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่สวยมาก แต่ธารต่างกับปันมาก ต่างจนภูผาไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ “แหน่ะ!! พิจารณาน้องธารอยู่หรอจ๊ะ” ไผ่ชะโงกหน้ามามอง พร้อมเอ่ยแซวเพื่อน “ไม่ต้องตอบกูหรอก ตอบตัวเองให้ได้ก็พอ” ทั้งสองนั่งดื่มกันต่ออีกพักใหญ่ ก่อนจะพากันนั่งแท็กซี่กลับบ้านพร้อมกัน ไผ่เดินแยกเข้าบ้านตัวเองซึ่งตั้งอยู่ติดกับบ้านของภูผา ในขณะที่ภูผาเดินเข้ามาในรั้วบ้านแต่เดินแยกออกไปทางสวนด้านข้างบ้านแทน “ไงน้องชาย กลับซะดึกเชียว ซักแก้วมั้ย” คีรี พี่ชายคนโตของบ้านที่ยึดพื้นที่ในสวนนั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวหันมาทัก เมื่อเห็นน้องชายคนเล็กของบ้านเดินเข้ามา “ไม่ดีกว่าพี่ ผมกินเหล้ามา เดี๋ยวได้ล้มพับไปตรงนี้แหละ” ภูผาหัวเราะ พลางทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พี่ชาย “เครียดอะไรวะ เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” คีรีหันมาสังเกตสีหน้าเครียด ๆ ของน้องชายก่อนจะตัดสินใจถามออกมาในที่สุด “ทำไมพี่คียังไม่มีแฟน ไม่เจอผู้หญิงที่ชอบมั่งเลยหรอ ผมไม่เห็นพี่จีบใครซักคน” ภูผาถามพี่ชายกลับไป “ไม่รู้สิ ยังไม่เจอใครที่ใช่มั้ง วัน ๆ ก็อยู่แต่บริษัท ถึงจะเจอคนเยอะเวลาไปสังสรรค์ตามงานเลี้ยง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าสะดุดตาใครเลย ทำไมคิดจะมูฟออนแล้วหรอน้องชาย” คีรียักคิ้วถาม ทุกคนในบ้านรู้เรื่องของภูผากันเป็นอย่างดี เพราะไผ่ชอบมาเล่าให้พี่ ๆ ของเค้าฟัง อีกอย่างพวกเค้าก็มีกันสามคนพี่น้อง และเป็นผู้ชายทั้งหมด รวมทั้งประมุขของบ้านก็เหลือเพียงพ่อเค้าคนเดียว เพราะแม่ของพวกเค้าเสียไปได้หลายปีแล้ว ทำให้เวลาพวกเค้ามีเรื่องอะไรก็มักจะปรึกษากันอยู่ตลอด แม้ช่วงสองปีหลังพี่ชายคนรองแต่งงานและพาแฟนเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย พวกเค้าก็ยังคงปรึกษากันอยู่เสมอ “มันยากว่ะพี่คี ทำไมผมถึงลืมเค้าไม่ได้ซักที” ภูผาระบายออกมาให้พี่ชายฟัง “อย่างที่ไอ้ไผ่มันชอบบ่นแกนั่นแหละ แกไม่จำเป็นต้องลืมหรอก ปันก็ยังคงเป็นเพื่อนแกอยู่ เพียงแต่แกต้องวางเค้าไว้ในฐานะเพื่อนเท่านั้น แกยังคงเป็นห่วงเค้าได้ อยากดูแลก็ดูแลเค้าได้ แต่ทุกการกระทำต้องให้มันพอดีในฐานะเพื่อนคนนึง ที่ผ่านมาแกก็ทำได้หนิ ทำไมถึงพยายามจะลืมล่ะ” คีรีถามน้อง “ไม่รู้ดิพี่ ผมแค่รู้สึกว่า อยากหลุดจากความเสียใจซ้ำ ๆ แบบนี้ให้ได้ซักที” ภูผาถอนหายใจอย่างหนัก “ไม่อยากเสียใจ ก็เลยอยากลืม พอจะลืมเลยใช้วิธีตีตัวออกห่างมาแบบนี้หรอ คิดบ้างมั้ยว่าเพื่อนจะรู้สึกยังไง” คีรีถามต่อ “นี่ตกลงผมเป็นน้องพี่ หรือไอ้ไผ่เป็นน้องพี่เนี่ย” ภูผาหัวเราะถาม “ผมรู้ว่าวิธีที่คิดมันผิด ผมยอมรับและจะปรับตัวแล้วกัน” คีรีส่งยิ้มกลับมาให้น้องชาย “แกต้องเลิกโฟกัสปัน” ภูผาขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชาย “เลิกพุ่งความสนใจไปที่ปันตลอดเวลา เลิกคิดว่าเช้านี้ปันกินข้าวรึยัง ป่านนี้ปันจะนอนรึยัง น้องฝนจะงอแงจนปันอดนอนมั้ย เลิกคิดเรื่องปันในหัวซะที” “พี่คีรู้ได้ไง” คีรีหัวเราะ “ผมรู้ว่าตอนนี้ปันมีคนดูแลแล้ว ทำใจได้แล้วแหละ แต่มันยังเสียใจอยู่” ภูผาตอบ “ลองเอาสมองไปคิดเรื่องอื่น แล้วมันจะดีขึ้น ปล่อยให้เวลามันรักษาตัวแกเอง พี่เชื่อว่าซักวันแกจะโฟกัสเรื่องอื่นมากกว่าปันได้เอง” คีรีปลอบ “แล้วพี่อยู่คนเดียวไม่เหงาบ้างหรอ ดูพี่ศิลาดิ แต่งแซงหน้าพี่ไปตั้งหลายปีแล้วนะ” ภูผาถามต่อ “ปล่อยมันไปเถอะ พี่ไม่รีบ” คีรีหัวเราะตอบ “ถึงพี่ไม่มีแฟน แต่ก็มีสาว ๆ มาจีบนะเว้ย ก็มีคุย ๆ อยู่บ้าง แต่พอมันไม่ใช่ก็เลิกคุยไปเอง เวลาไม่ตรงกันบ้าง นิสัยไม่ไปด้วยกันบ้าง เยอะแยะเหตุผล” คีรียักคิ้วอวด “พี่คีไม่รู้สึกว่า ผู้หญิงที่จีบผู้ชายก่อนมันดูไม่ดีบ้างหรอ” คีรีส่ายหน้าตอบ “ทำไมต้องดูไม่ดี ผู้หญิงผู้ชายมันก็เท่าเทียมกันหมดนั่นแหละ จะให้เหมือนสมัยก่อนนั่งรอผู้ชายมาจีบอย่างเดียว ได้ขึ้นคานพอดี ผู้ชายเดี๋ยวนี้ยิ่งเหลือน้อยอยู่” คีรีหัวเราะ “ทำไมผมรู้สึกว่า มันดูแรง ๆ เป็นผู้หญิงเที่ยวไปบอกว่าจะจีบผู้ชาย มันดูเหมือนเอาตัวเองไปประเคนให้ผู้ชายเกินไปป่ะ ไม่รักตัวเองเลย” คีรีปล่อยเสียงหัวเราะลั่น “แกเป็นคนหัวโบราณขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ฟังพี่นะน้องนะ เค้าเรียกแค่เปิดโอกาสให้ตัวเองเว้ย ไอ้ที่แกบอกว่าเอาตัวเองไปประเคนให้ผู้ชายเนี่ย มันต้องแบบรุกเบอร์แรง ขอนอนด้วย แบบนั้นอ่ะใช่ แต่ถ้าจีบคือเค้าก็แค่ขอโอกาสให้ตัวเอง ไม่ได้เอาตัวเข้าแลกขนาดนั้นซะหน่อย คิดเยอะ” คีรียังคงขำน้องชายไม่เลิก “เราจะรู้ได้ไง แต่งตัวโป๊ ๆ เดินมาบอกว่าจะจีบผู้ชาย มันก็ดูแรงหมดแหละ” ภูผาเอ่ย “แหน่ะ!! แสดงว่ามีสาวมาจีบ สวยป่ะ ได้แลกไลน์มะ ขอดูมั่งดิ” คีรีหันมาให้ความสนใจเรื่องของน้องทันที “ก็สวย แต่อย่างที่บอก เป็นผู้หญิงแรง ๆ พี่คีคิดดู ร้องเพลงจีบผู้ชาย ต้องใจกล้าขนาดไหน” ภูผาเล่า “เห้ย!! น่าสนใจนะเนี่ย เกิดมาสามสิบกว่าปีไม่เคยโดนผู้หญิงร้องเพลงจีบเลย น่ารักจะตาย ลองคุยดูก่อนดิวะ บางทีอาจจะคลิกกันก็ได้นะเว้ย” คีรีกระแซะไหล่แซว “ไม่มีทางเลยพี่ ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นหรอก ต่างกันกับปันลิบลับเลย” ภูผาส่ายหน้ารัว “อย่าเอาปันมาเป็นบรรทัดฐานในการมองใครนะภูผา ปันก็คือปัน ผู้หญิงคนนั้นก็คือผู้หญิงคนนั้น มันคนละคน อย่าคาดหวังให้มีปันอีกคนเดินเข้ามา เพราะเมื่อไหร่ที่แกคาดหวังแบบนั้น เท่ากับแกพยายามหาคนเข้ามาแทนที่ปันในใจ มันจะไม่ดีกับใครเลยซักคน แกต้องมองเค้าแบบที่เค้าเป็น มองตัวตนของเค้า ศึกษาตัวตนจริง ๆ ของเค้า โดยที่ตัดอคิติทุกอย่างออก เปิดใจมอง อย่าปิดหูปิดตา อย่าตั้งแง่ บางทีแกอาจจะเจอคนที่ใช่ของแกจริง ๆ ก็ได้ เผลอ ๆ คนคนนั้น อาจจะไม่มีอะไรเหมือนปันเลยด้วยซ้ำ จำคำพี่ไว้” คีรีสอนน้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม