CHAPTER 4 “ทำความรู้จัก”

2664 คำ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...เสียงเคาะประตูห้องพักของธารดังเป็นสัญญาณให้เจ้าของห้องรับรู้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องทักของเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคนที่วิ่งตามกลิ่นอาหารเข้ามาหาธารในครัว “คุณแม๊....หอมจังเลยค่ะ” นุ่นชะโงกหน้าสูดกลิ่นข้าวต้มในหม้อที่กำลังเดือด “เดี๋ยวน้ำลายหก ไปนั่งรอดีดีเลย ทำไมมากันแต่เช้าได้เนี่ย” ธารยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูพร้อมเอ่ยถามเพื่อน ๆ เมื่อเห็นว่า ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเท่านั้น “กลิ่นข้าวต้มลอยไปถึงห้อง เลยรีบวิ่งผ่านน้ำมา” ข้าวหอมเป็นคนตอบ “อ่อ งั้นวันหลังทำข้าวต้มทุกวันดีมั้ย จะได้ตื่นเช้าแบบนี้ทุกวัน วันทำงานนี่ตื่นกันสายเชียว” ธารหันมาเหน็บเพื่อน ๆ ทั้งสองคน “อุ๊ย!! ไม่ดีหรอก เปลี่ยนบ้าง เดี๋ยวคุณแม่จะเหนื่อย” นุ่นและข้าวหอมพากันหัวเราะ สำหรับเพื่อนสาวทั้งสองคน ธารถือเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมในแบบฉบับที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนชอบแทบทุกกระเบียดนิ้ว ธารตื่นแต่เช้าทุกวัน เพื่อทำอาหารและกาแฟให้เพื่อน ๆ กินทุกเช้า แต่ถ้าวันไหนมีเวลามากกว่าปกติ ก็จะมีข้าวกลางวันใส่กล่องสำหรับให้ทุกคนติดตัวไปด้วย งานบ้านทุกอย่างธารก็ทำได้อย่างดี แม้แต่ในห้องทำงานที่มีบรรดาสินค้าเก็บอยู่แทบจะเต็มพื้นที่ของห้อง ก็ยังถูกจัดไว้อย่างเข้าที่เข้าทางเสมอ โดยเฉพาะเสื้อผ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ชุดทำงานของธารทุกชุด จะถูกรีดเรียบกริบจนทุกคนชอบแซวว่าจีบคมแทบบาดมือ ธารเป็นผู้หญิงที่สามารถแบ่งเวลาทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แม้จะทำทั้งงานประจำและงานพิเศษ แต่ธารก็มีเวลาสำหรับการดูแลงานบ้านและทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเสมอ “เชิญจ่ะสาว ๆ” ธารยกหม้อข้าวต้มตั้งลงบนที่วางของร้อนบนโต๊ะอาหาร ในขณะที่สองสาวลุกจากเก้าอี้แทบจะในทันที พร้อมกับยื่นมือมาแย่งทัพพีในหม้อเพื่อจะตักข้าวต้มให้ตัวเอง “อย่าแย่งกัน!! บอกไม่รู้จักฟัง” ธารตีมือเพื่อนทั้งสองคนเบา ๆ พร้อมเอ่ยเสียงดุ “แหะ ๆ ข้าวหอมตักก่อนก็ได้” นุ่นยิ้มให้เพื่อน เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสามก็พากันกินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อยจนข้าวต้มที่เต็มหม้อในตอนแรก หมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้อย “อิ่มมาก อร่อยมาก ธารไปเปิดร้านอาหารดีมั้ย” ธารส่ายหน้าขำ เพราะไม่นุ่นก็ข้าวหอมต้องพูดแบบนี้ทุกครั้งหลังจากกินข้าวอิ่ม “ไม่ใช่แนว เอาไว้ทำให้พวกแกกับเจ้าธีกินก็พอแล้ว” ธารยิ้มตอบ “ไม่ ๆ เดี๋ยวอีกหน่อยก็เอาไว้ทำให้พี่ภูผากินอีกคนไง อิอิ” ข้าวหอมเอ่ยแซวเพื่อน “จะมีวันนั้นมั้ยก่อน” ธารหัวเราะ “เมื่อคืนส่งไลน์ไปก็แค่อ่าน แต่ไม่ตอบอะไรเลยซักนิด” “วันเดียวเอง ท้อแล้วหรอ” นุ่นชะโงกหน้ามายิ้มถามเพื่อน “ไม่ท้อหรอก แต่พวกแกก็รู้ว่าธารไม่เคยจีบใครมาก่อน อาจจะแค่ไม่รู้จะไปต่อยังไงดีมั้ง” ธารตอบเพื่อน “ยังมีเวลาอีกชั่วโมงก่อนเริ่มลุยงาน มาระดมสมองช่วยชีวิตรักเพื่อนกันดีกว่า” ข้าวหอมลุกลากแขนเพื่อนทั้งสองคนไปนั่งลงที่พื้นล้อมโต๊ะกลางโซฟาไว้ “เราต้องจริงจังกันขนาดนี้เลยใช่มั้ย” ธารหัวเราะถามเพื่อน “ใช่ เมื่อคืนข้าวหอมไปสืบข้อมูลมาจากพี่ไผ่แล้วเรียบร้อย” ธารและนุ่นหรี่ตามองหน้าเพื่อนทันที “อะไร!! จ้องอะไรขนาดนั้น นี่ข้าวหอมช่วยเพื่อนอยู่นะ” “หรอ...ใช่หรอจ๊ะ” นุ่นยิงคำถามพร้อมสายตาจ้องจับผิด ส่วนธารก็ได้แต่หัวเราะกลับไป เพราะเธอเองก็สงสัยตั้งแต่เมื่อคืน ที่อยู่ ๆ ข้าวหอมก็ชวนย้ายโต๊ะแล้ว “เอาน่า เรื่องข้าวหอมปล่อยไปก่อนเถอะ มาเรื่องธารดีกว่า” ข้าวหอมเบี่ยงประเด็น “เท่าที่ถามพี่ไผ่มาเมื่อวาน พี่ภูผาเป็นน้องชายคนเล็ก อยู่กับพ่อและพี่ชายสองคน ส่วนแม่เสียไปได้หลายปีแล้ว บ้านอยู่ติดกับบ้านพี่ไผ่ สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย พี่เค้าเป็นคนจริงจังแบบที่เราเห็นกันนั่นแหละ แต่ชีวิตส่วนใหญ่ก็ง่าย ๆ ไม่มีอะไรแปลกจากผู้ชายทั่วไปมากนัก ชอบออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ ไม่ชอบเข้ายิม ส่วนนี่เฟสกับไอจี ข้าวหอมขอมาให้แล้ว” ข้าวหอมยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้ธาร “แล้วกิจวัตรประจำวันล่ะ ชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร สีที่ชอบอะไรพวกนี้ล่ะ” นุ่นถามต่อ ขณะที่ธารกำลังตั้งใจกดหาเฟสและไอจีของภูผาดู “สีที่ชอบพี่ไผ่บอกว่าไม่รู้ เพราะพี่ภูผาเป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ ใช้ได้ทุกอย่างนอกจากสีหวาน ๆ อ่ะ ส่วนชีวิตประจำวัน ก็ตื่น ไปทำงาน กลับบ้าน นอน จะมีเที่ยวบ้างแต่ไม่บ่อย เมื่อก่อนก็จะชอบไปหมกตัวกันที่บ้านพี่ปัน แต่พอพี่ปันแต่งงานแล้วก็ไม่ค่อยได้ไป วันหยุดก็อยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นพี่ไผ่ลากไปไหนก็ไปด้วยแค่นั้น” ข้าวหอมเล่าต่อ “อ่ะ คนนี้ก็เงยหน้ามาบ้างก็ได้มั้ย” นุ่นหันไปสะกิดเรียกธาร “เฟสพี่ภูผามีรูปผู้หญิงคนนี้เยอะมากเลย” ธารเลื่อนดูเฟสบุ๊คของภูผา “น่าจะเป็นเพื่อน ๆ ป่ะ ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเท่าไหร่เลย สองคนนี้พี่ม่อนกับพี่ขิมใช่ป่ะ” ธารยื่นกลับมาให้ข้าวหอมดู “ใช่ ๆ อันนี้พี่ม่อน อันนี้พี่ขิม ส่วนคนนี้พี่ปัน” ข้าวหอมชี้ให้ธารและนุ่นดู “เหมือนพี่เค้าจะสนิทกันมากนะ ถ้าพี่ปันไม่ได้ไปกินข้าวกับท่านประธาน ก็จะไปกับพี่ภูผาแล้วก็พี่ไผ่นี่แหละ” ธารพยักหน้ารับ “อืม มีรูปพี่ปันเยอะจริง ๆ ด้วย” นุ่นออกความเห็น “คนนี้ลูกพี่ปันหรอ” นุ่นชี้ถามข้าวหอม “ใช่ ๆ น้องฝน ข้าวหอมเคยเจอที่งานแต่ง น่ารักมาก พูดเก่ง ยิ้มเก่ง” ข้าวหอมตอบ “เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะ” ธารมองภาพถ่ายของภูผาที่ถ่ายกับปันและน้องฝนตอนไปเที่ยวทะเล “ถ้าไม่ติดว่าพี่ปันแต่งงานแล้ว ธารคงคิดว่าเค้าเป็นครอบครัวเดียวกัน” ธารหัวเราะ “พี่ภูผาจะอ่อนโยนกับเพื่อนผู้หญิงแบบนี้แหละ เพราะในกลุ่มก็มีผู้หญิงตั้งสองคน แต่อาจจะสนิทกับพี่ปันมากกว่า เพราะพี่ขิมก็มีพี่ม่อนคอยดูแลอยู่แล้ว” ข้าวหอมแสดงความเห็น “อ่อ เพิ่งนึกได้ พี่ไผ่บอกว่า สิ่งที่พี่ภูผาไม่ชอบกินคือ ต้นหอม” ข้าวหอมเอ่ยขึ้นหลังจากพยายามนึกเรื่องที่จะเล่าให้เพื่อนฟังต่อ “เท่าที่ถามมา พี่ภูผาชอบกินอาหารไทย แต่ไม่ชอบต้นหอมที่ใส่และโรยอยู่ในอาหาร” “ทำไมอ่ะ คือถ้าใส่แล้วจะไม่กินเลย หรือแค่ไม่ชอบเฉย ๆ” ธารเงยหน้ามาถามด้วยความสนใจ “ประมาณว่า ผิดสีจะไม่กิน” ธารทำหน้างง “คือต้นหอมมันจะมีส่วนสีขาวกับสีเขียวใช่ป่ะ คือถ้าเริ่มเขียวอ่อนลงไปคือไม่กินและ ถ้าเจอใส่มาในอาหารคือกินได้ แต่เขี่ยทิ้ง แต่ถ้ามีอย่างอื่นให้เลือก ก็จะไม่กินเลย” ธารพยักหน้าคิดตาม “ผลไม้หรือของหวานล่ะ ชอบป่ะ” ธารถามเพื่อนต่อ “ผลไม้ไม่กินเงาะ ส่วนของหวานกินได้ แต่ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ” ข้าวหอมตอบคำถามเพื่อนต่อ “ทำไมไม่กินเงาะอ่ะ กลัวขนแบบพวกดารางี้ป่ะ 555” นุ่นหัวเราะถาม “บ้า ใครจะกลัวขนเงาะ” ข้าวหอมขำ “ที่ไม่กินเพราะไม่ชอบเปลือกข้างในแข็ง ๆ ที่มันติดกับเม็ดอ่ะ ก็เลยไม่กิน” ธารและนุ่นพยักหน้าตามด้วยความเข้าใจ “แล้วปกติพี่ภูผากินข้าวเช้ามั้ย ชอบกินกาแฟอะไรอ่ะ” ธารถามต่อ “ไม่ค่อยเห็นกินข้าวเช้าที่ทำงานเท่าไหร่นะ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นมาพร้อมแซนวิชอันนึง กับกาแฟแก้วนึงแค่นั้น ส่วนกาแฟนี่ชอบกินอเมริกาโน่เย็นเพิ่มช็อต ไม่ใส่น้ำเชื่อมเลย ต้องกินทุกวัน เพราะเห็นบนโต๊ะไม่เคยขาดกาแฟเลยทั้งเช้าทั้งบ่าย” ข้าวหอมเล่า “ข้าวหอมเป็นเลขาพี่ไผ่พี่ภูผา หรือเลขาพี่ปันอ่ะ รู้เยอะจัง” นุ่นแซวเพื่อน “อะไรเล่า ก็เวลาพี่ ๆ ไปคุยงานกับพี่ปัน ข้าวหอมก็ต้องไปซื้อกาแฟให้บ่อย ๆ อีกอย่างโต๊ะพวกพี่เค้าก็ต้องเดินผ่านหน้าโต๊ะข้าวหอมอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องรู้” ข้าวหอมแย้ง “จ้า แล้วเมื่อคืนนอนกี่โมง” ข้าวหอมหันมามองธารงง ๆ กับคำถามที่เพื่อนถามออกมา “ก็น่าจะเที่ยงคืนครึ่งมั้ง ทำไมอ่ะ” ธารเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมายิ้ม “อ่อ คุยกับพี่ไผ่นานขนาดนั้นเลย มิน่าถึงได้คำตอบมาเยอะขนาดนี้” ธารเอ่ยแซวส่วนนุ่นก็ได้แต่ส่งเสียงแซวเพื่อนด้วยอีกคน “อะไรเล่า!! ก็หาข้อมูลมาให้ธารจีบพี่ภูผานี่ไง ไม่ต้องมาแซวข้าวหอมเลย” ข้าวหอมหน้าแดง “ธารรู้น่า ไม่งั้นเมื่อวานข้าวหอมจะอยากย้ายโต๊ะทำไม จริงมั้ยจ๊ะ” ธารยังคงเดินหน้าแซวเพื่อนต่อ “ไม่คุยด้วยแล่ว ไปทำงานกันดีกว่า” ข้าวหอมลุกหนีเพื่อนทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนนุ่นและธารก็พากันเดินหัวเราะตามหลังข้าวหอมไป “วันนี้อัพเสื้อผ้าลงก่อนนะ เดี๋ยวนุ่นคีย์รหัสลงระบบให้ ส่วนธารกับข้าวหอมก็ถ่ายรูปไป” นุ่นเริ่มแบ่งงาน “ธารทำข้อมูลราคาขายของแต่ละรหัสไว้ให้แล้ว อยู่ในโฟลเดอร์ล่าสุดเลย นุ่นใช้จากตรงนั้นเลยก็ได้” ธารหันไปบอกเพื่อน ขณะที่มือก็เตรียมกล้องสำหรับถ่ายภาพสินค้าไปด้วย สามสาวทำธุรกิจขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับในหน้าเพจเฟสบุ๊ค โดยจะใช้วิธีสลับกันเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้าที่ขายและอัพภาพลงในหน้าเพจ พร้อมกับเปิดระบบให้ลูกค้ากดจองรหัสใต้คอมเม้นท์ ทั้งสามคนไม่เลือกใช้วิธีไลฟ์สด เนื่องด้วยอาชีพหลักของทั้งสามคนคือ ‘เลขา’ ผู้บริหาร บวกกับเสื้อผ้าบางชุดค่อนข้างโชว์เนื้อหนัง การถ่ายภาพเฉพาะช่วงตัวลงขายสินค้า จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเธอเลือกใช้มาตั้งแต่สมัยเรียน อีกอย่างพวกเธอทำงานขายเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น การขายผ่านการไลฟ์สดส่วนใหญ่ต้องอาศัยความถี่ในการไลฟ์ และใช้เวลาในการไลฟ์ค่อนข้างมาก ดังนั้นพวกเธอจึงเลือกวิธีลงสินค้าแบบนี้แทน อีกอย่างพวกเธอมองว่าลูกค้าจะได้มีเวลาในการตัดสินใจเลือกสินค้า และไม่ต้องมาเสียเวลายกเลิกกันให้วุ่นวายเหมือนที่เพจไลฟ์สดใหญ่ ๆ เจอปัญหากัน “เออ...ใช่ เครื่องประดับล็อตใหม่จะเข้าโกดังช่วงอาทิตย์หน้านะ จะให้เค้าส่งที่ไหน” นุ่นเงยหน้ามาถาม “ของพวกเรามีประชุมกันนะ น่าจะวุ่น ๆ ส่งที่ข้าวหอมได้มั้ย” ธารหันไปถามข้าวหอม ที่ทำงานอยู่คนละบริษัทกับเธอและนุ่น “ได้ ๆ อาทิตย์หน้าที่ออฟฟิตไม่มีตารางเท่าไหร่” ข้าวหอมตอบตกลง หลังเรียนจบ ทั้งสามคนพากันตระเวนสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ พร้อมกัน แต่การที่จะได้ทำงานที่เดียวกันทั้งสามคนในแผนกเลขานุการนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ทำให้เหลือเพียงธารและนุ่นที่ได้ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ส่วนข้าวหอมนั้นแยกไปสมัครงานที่ TWK แทน ทั้งสามคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เข้ามหาลัย หลังจากสนิทกันมาตั้งแต่รับน้อง พอขึ้นปี 2 พวกเธอก็พากันออกมาเช่าหอพักอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเรียนจบ ระหว่างเรียนพวกเธอก็เริ่มลงทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับออนไลน์ ด้วยความชอบของพวกเธอบวกกับความใส่ใจในการเลือกหาสินค้า และความละเอียดรอบคอบในการคิดราคาสินค้าของธาร ทำให้ธุรกิจของพวกเธอไปได้ดีตั้งแต่เริ่มเปิดร้านได้ปีแรกเท่านั้น รถที่ธารและเพื่อน ๆ ใช้ เรียกว่าเป็นทรัพย์สินชิ้นแรกของทั้งสามคนจากธุรกิจนี้ พวกเธอนำกำไรที่ได้จากการขายของ ไปซื้อรถคันนี้มาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับธุรกิจและชีวิตประจำวัน ส่วนคอนโดนี้ พวกเธอเพิ่งตกลงซื้อหลังจากเข้าทำงานประจำได้เรียบร้อย และที่เลือกซื้อไว้คนละห้องไม่อยู่ด้วยกันเหมือนตอนอยู่หอ เพราะพวกเธอมองว่าในอนาคตถ้าใครคนใดคนนึงมีแฟน การอยู่รวมกันทั้งสามคนจะค่อนข้างไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นัก ทุกเช้าธารจะเป็นคนเตรียมอาหารเช้าและกาแฟไว้สำหรับตัวเธอและเพื่อน ๆ เสมอ หลังจากพวกเธอกินอาหารเช้าด้วยกันเสร็จ ก็จะพากันออกเดินทางไปทำงานพร้อมกัน พวกเธอจะแวะส่งข้าวหอมที่ทำงานก่อนที่ธารและนุ่นจะขับรถต่อไปที่ทำงานของตัวเอง และหลังจากเลิกงานธารและนุ่นก็จะขับรถมารับข้าวหอมกลับ เป็นประจำแบบนี้แทบทุกวัน “พรุ่งนี้ธารว่าจะไปซื้อของเข้าห้องหน่อยนะ ของสดสำหรับทำอาหารใกล้จะหมดแล้ว ไปด้วยกันมั้ย” ธารเอ่ยชวนเพื่อน เมื่อทั้งสามคนกลับมานั่งพัก หลังจากถ่ายรูปงานไปได้กว่าครึ่ง “ไป ๆ เดี๋ยวข้าวหอมไปจดรายการของก่อน ไปกี่โมงอ่ะ” ข้าวหอมถามกลับ “หลังกินข้าวเช้ามั้ย เผื่อจะกลับมาเก็บของ จะได้ไม่ดึกมาก” นุ่นเสนอ “ตามนั้น งั้นสองคนทำต่อนะ ธารไปทำกับข้าวก่อน” เมื่อข้าวหอมและนุ่นพยักหน้าตอบ ธารก็ลุกเดินเข้าครัว เพื่อเตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวันให้ตัวเองและเพื่อน ๆ เมนูวันนี้ธารเลือกทำต้มข่าไก่ ตามรีเควสของนุ่นที่อ้อนขออยากกินมาหลายวัน รวมถึงซี่โครงหมูอบที่หมักไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน ระหว่างนั่งรอกับข้าวสุก ธารจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเฟสบุ๊คและไอจีของภูผาดูต่อ เธอกด Follow ไอจีของภูผาทันทีที่กดเข้ามา พลางเลื่อนดูภาพในไอจีไปเรื่อย ๆ ภูผาไม่ใช่คนที่อัพภาพลงไอจีบ่อย ๆ แน่นอนเท่าที่เธอเลื่อนดู ส่วนมากน่าจะเล่นเฟสบุ๊คมากกว่า หลังจากเปลี่ยนกลับมาที่หน้าเฟส ธารจึงกดปุ่มส่งคำขอเพิ่มเพื่อนไปทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด แม้ข้อมูลในเฟสส่วนใหญ่จะแสดงให้เห็น แต่เธอเชื่อว่าทุกคนต้องมีโพสที่เห็นได้เฉพาะเพื่อนซ่อนอยู่เช่นกัน ดังนั้นการขอเพิ่มเพื่อนไป จะทำให้เธอ สามารถติดตามภูผาได้ใกล้ชิดกว่าเดิม แม้เธอจะไม่มั่นใจนักว่าภูผาจะกดรับการเพิ่มเพื่อนนี้ให้เธอรึเปล่าก็ตาม “ธารจะรอพี่ตอบรับธารนะคะ พี่ภูผา” ธารมองภาพภูผาในโทรศัพท์ พลางเอ่ยกับตัวเองพร้อมรอยยิ้ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม