จัดฉาก

3699 คำ
“ นี่...เดี๋ยวฉันมานะ”ฉันหันไปบอกเพื่อนที่กำลังทำความสะอาดก่อนที่จะวิ่งออกไปจากห้องเรียน ฉันอยากรู้จะแย่ว่าเจ้าของการ์ดมันเป็นใคร วันนี้ใช่ไหมที่ฉันจะได้รู้ความจริงสักที และจะได้บอกเขาคนนั้นด้วยว่าฉันมีแฟนแล้วเขาควรตัดใจจากฉันแล้วก็เลิกส่งการ์ดมาหาฉันอีก แต่พอมาถึงหน้าห้องซ้อมของวงซีเคร็ตโค้ดก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเลย หรือว่า จะเป็นคนในวงซีเคร็ตโค้ด พอนึกได้ดังนั้นฉันก็เปิดประตูเข้าไปในห้องซ้อมทันที แอ๊ด!! ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้อง ด้วยอาการที่ลุ้นระทึกสุดขีด คนคนนั้นเขาจะเป็นใครนะฉันอยากรู้จังเลย แต่เอ๊ะทำไมห้องไม่เปิดไฟนะ แล้วสวิตซ์ไฟอยู่ไหนล่ะเนี้ย ฉันค่อยๆเดินคลำหาสวิตซ์ไฟเพื่อที่จะเปิดแต่เมื่อเจอแล้วก็ดันเปิดไม่ติด นี่ไฟดับหรอเนี้ย “เอ่อ...มีใครอยู่หรือเปล่า”ฉันลองถามท่ามกลางความมืด เผื่อว่าจะมีเสียงตอบรับแต่ก็ไม่พบว่าจะมีใครตอบรับเสียงฉันกลับมาเลย พรึบ! อยู่ๆไฟทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยดี “ซัน!!” “อ้าวเธอมาแล้วหรอ มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา” “พูด...พูดอะไรของนายฉันไม่เข้าใจ”ฉันถามด้วยความมึนงง “เอ้าก็เธอเป็นคนส่งการ์ดมาให้ฉันที่ห้องนี่ บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยไม่เชื่อก็อ่านดูสิ”พูดจบซันก็ยื่นการ์ดใบนั้นมาให้ฉันอ่าน ‘ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายฉันจะรอที่ห้องซ้อมนะ...มิวนิค’ “นายจะบ้าหรอ ฉันไม่ได้เขียน อีกอย่างฉันขอถามนายหน่อย...นายเป็นคนส่งการ์ดนี่มาให้ฉันหรือเปล่า”ฉันยื่นการ์ดให้เขาดูเช่นกัน “ฉันก็เปล่า...” “แล้วใครล่ะเป็นคนส่งมา...” “ฉันว่าเราโดนจัดฉากแล้วล่ะ รีบออกไปจากห้องนี้เถอะ”ซันพูดพร้อมกับจูงมือฉันให้ออกจากห้อง ครืด! เพล้ง! “ระวัง...”ซันไม่พูดเปล่าแต่กลับดึงฉันให้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาเพื่อที่จะไม่ให้ฉันโดนไอ้แจกันที่ตกลงมาโดนหัวฉัน “กรี๊ด!”ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ พรึบ! ตุ๊บ! ซันที่ตอนนี้เริ่มทรงตัวไม่ได้เลยเสียหลักล้มลงไปโดยที่ไม่ลืมดึงฉันลงไปด้วย ร่างของฉันล้มลงไปกระแทกกับพื้นโดยมีร่างสูงโปร่งของซันล้มตามลงมาด้วย ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่สายตาก็บังเอิญไปจ้องเข้ากับสายตาของซันที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้วเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อสายตาฉันจ้องเข้าไปในดวงตาดำสนิทของเขามันถึงทำให้หัวใจเต้นแรงแบบนี้ ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ ดวงตาของเขาช่างมีแรงดึงดูดยิ่งนักทำไมฉันถึงไม่สามารถระสายตาไปจากเขาได้เลยนะเหมือนกับว่าฉันถูกต้องมนต์สะกด แต่เมื่อฉันคิดได้ว่าตัวเองมีคนรักอยู่แล้วสติของฉันก็ประมวลผลอย่างเร็วพร้อมกับผลักร่างสูงนั้นให้ออกห่างอย่างเร็ว พรึบ!! “เอ่อ ขอโทษนะ”ซันกล่าวอย่างตะกุกตะกักก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปที่โซฟา “ช่างเถอะ ขอบใจนะที่ช่วยน่ะ”จากนั้นฉันก็เดินออกไปจากห้องทันที รู้สึกหน้าเริ่มร้อนแปลกๆแหะ “มิว...มาทำอะไรที่นี่หรอ” “พอร์ช!...อ๋อ..คือ...มิวมาหาพอร์ชนั่นแหละ”ฉันตอบพอร์ชด้วยเสียงตะกุกตะกัก โอ๊ยมิวนิค นี่เธอจะลนลานทำไมนะ “มาหาพอร์ช...อ๋อคงจะมารอกลับบ้านพร้อมพอร์ชล่ะสิ^o^” “อื้อ...งั้นเดี๋ยวมิวขึ้นไปเก็บกระเป๋าก่อนนะ” “โอเค...แล้วเจอกันนะมิวเดี๋ยวพอร์ชจะรีบซ้อม” “มิวแกไปไหนมาเนี้ย คิดจะอู้ไม่ยอมทำเวรใช่ไหม”>พิกเล็ทถามฉันระหว่างที่กำลังทำความสะอาดลางช็อค “ไปที่ห้องซ้อมของพอร์ชน่ะ-_-” “แกไปทำไมอ่ะมิว”น้ำขิงถามต่อ “ฉันไปตามหาเจ้าของการ์ดนี่ไง”ว่าแล้วฉันก็ชูการ์ดให้เพื่อนดู “แล้วแกเจอป้ะ แล้วรู้ยังว่าเป็นใคร”พิกเล็ทถามต่อ “ฉันโดนหลอก” “ว่าไงนะ!” เพื่อนๆทั้งสามคนตะโกนออกมาพร้อมกัน “ในการ์ดบอกว่าให้ฉันไปหาเขาที่ห้องซ้อมซีเคร็ตโค้ด แต่พอฉันไปถึงก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย พอฉันเข้าไปในห้องก็เจอแต่ซัน...” “ซันเป็นคนส่งการ์ดให้เธอหรอ”ปาร์ตี้ถาม “เปล่า...แล้วซันก็ได้การ์ดมาเหมือนกัน แต่ในการ์ดมันเขียนเป็นชื่อฉัน”ฉันอธิบายให้เพื่อนๆฟัง “ฉันว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนะมิว”พิกเล็ทเตือนฉันอย่างเป็นห่วง “ซันบอกว่าเราถูกจัดฉาก แต่ดีนะที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น” “ดีแล้วล่ะที่ไหวตัวทัน...เออ...ฉันว่าเรากลับบ้านกันเถอะ”>พิกเล็ท “อ้าว...ทำเวรเสร็จแล้วหรอ”รู้สึกผิดจังที่ไม่ได้ช่วยเพื่อนทำเวร T^T “ก็เสร็จแล้วน่ะสิ สบายเลยนะแกวันนี้”>น้ำขิง “ไม่ต้องห่วงหรอกน้ำขิง...อาทิตย์หน้าก็ให้มิวทำเวรคนเดียวไง^o^”พิกเล็ทกล่าวอย่างอารมณ์ดี “พูดจาดีนะคุณเพื่อน” หลังจากที่พวกเราปิดห้องเรียนเราก็เดินลงมาจาดตึกเรียน น้ำขิงและปาร์ตี้แยกกลับบ้านไปอีกทาง ส่วนฉันกับยัยพิกเล็ทก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ ฉันและพิกเล็ทคุยกันเรื่อยเปื่อยสักพักแม่ของพิกเล็ทก็มารับ “แม่ฉันมาแล้วล่ะ...ฉันกลับบ้านก่อนนะ” ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันแล้วสินะ เมื่อไหร่พอร์ชจะซ้อมเสร็จสักทีก็ไม่รู้ ท้องฟ้าก็เริ่มมืด ครึ้มเข้าไปทุกที รถบนท้องถนนที่วิ่งผ่านไปมาก็เริ่มค่อยๆน้อยลง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพอร์ชจะมา แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องทำใจ เพราะมันก็ใกล้วันแล้ว เขาก็ต้องเลิกเย็นเป็นธรรมดา “มิวนิค...เธอยังไม่กลับบ้านอีกหรอ”อีกแล้วสินะ “อ๋อ...ฉันรอพอร์ชน่ะ แล้วนายล่ะยังไม่กลับบ้านอีกหรอ”ฉันตอบคำถามเอพริลพร้อมกับถามเขาอีกหนึ่งคำถาม “เพิ่งเลิกซ้อมน่ะ...^_^” “อ๋อ...”พอร์ชหักโหมมากเกินไปหรือเปล่านะ วงอื่นก็เลิกแล้ว แต่ทำไมวงพอร์ชถึงทุ่มเทจัง ทุ่มเทมากไปหรือเปล่านะ “นี่ก็...6โมงเย็นแล้ว...ฟ้าก็มืดแล้วด้วย...ให้ฉันนั่งรอเป็นเพื่อนไหม”ไม่เอาหรอก ขืนนายอยู่กับฉันมีหวังพอร์ชได้เข้าใจผิดพอดี “เอิ่ม...ไม่เป็นไรหรอกฉันอยู่รอคนเดียวก็ได้เกรงใจนายน่ะ” ฉันปฏิเสธอย่างมีมารยาท (มั้ง) “คงกลัวพอร์ชเข้าใจผิดล่ะสิ...ไม่เป็นไรเพื่อความสบายใจของเธอ...งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ” “อื้อ...”เอพริลลุกขึ้นพร้อมสะพายกระเป๋าเป้และเดินออกไป พรึบ! พรึบ! พอเอพริลเดินออกห่างจากป้ายรถเมล์ที่ฉันนั่ง อยู่ๆก็มีผู้ชายร่างสูงท่าทางไม่น่าไว้ใจ2คนมานั่งขนาบข้างฉันทั้ง2ข้าง ฉันพยายามไม่สนใจและทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนีไปจากบริเวณนี้ด้วยท่าทางที่สั่นด้วยความกลัว หมับ! แต่เท้าของฉันก็ต้องหยุดลงเมื่อแขนของฉันได้ถูกหนึ่งในนั้นคว้าเอาไว้ซะก่อน “จะไปไหนหรอจ๊ะ...คนสวยยยย”คนที่คว้าแขนฉันกล่าวขึ้นด้วยคำพูดที่ยียวน เมื่อพูดจบเขาก็กระชากให้ฉันนั่งลงไปยังที่เดิม “ปล่อยฉันนะ!!”ฉันพยายามสะบัดมือของฉันให้หลุดออกจากการเกาะกุมของไอ้บ้าที่จับแขนฉันเอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ “ไม่ปล่อย...ถ้าฉันปล่อยฉันก็โง่น่ะสิ” “กรี๊ด! …ชะ...ช่วยด้วย!!”สุดท้ายฉันก็ร้องออกมาและตะโกนขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่ฉันหวังว่าเขาจะได้ยินฉัน “เห้ย!!...ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ”คุณพระช่วยพระเอกขี่ม้าขาวมีจริง แต่ทำไมต้องเป็นเอพริลด้วยล่ะ ใช่สิก็เอพริลเพิ่งเดินออกไป เขาคงได้ยินก็เลยวิ่งกลับมาช่วย ตอนนี้ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นคนช่วยฉันจากไอ้สองคนนี้ ฉันขอแค่ฉันปลอดภัยและกลับบ้านโดยที่ความบริสุทธิ์ของฉันยังอยู่ก็พอ “ยุ่งอะไรด้วยวะ”ไอ้คนที่จับแขนฉันพูดขึ้นพร้อมกับปล่อยมือออกจากฉัน พลั๊ก! ตุบ! ตั๊บ! โคร้ม! “อั๊ก...” เอพริลจัดการกระโดดถีบไปที่ยอดออกของผู้ชายที่เพิ่งปล่อยมือฉันไปจนเขาไปนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บ และต่อด้วยอีกคนที่วิ่งเข้าใส่และดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้เฉียดกายเข้าไปทำอะไรเอพริลด้วยซ้ำแต่กลับโดนหมัดหนักๆของเอพริลพุ่งเข้าใส่ที่ใบหน้าเข้าอย่างจัง และยังไม่พอแค่นั้นเอพริลยังคงเข้าไปเตะเข้าที่ท้องซ้ำอีกด้วย จนตอนนี้สภาพสองคนมีเลือดออกมาตามใบหน้าพร้อมกับรอยฟกช้ำต่างๆ “ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้...ฉันแนะนำให้พวกแกไสหัวไปซะ” “ไปเถอะลูกพี่...ฝากไว้ก่อนนะแก”ชายคนหนึ่งลุกขึ้นพร้อมกับพยุงคนที่เรียกว่าลูกพี่ให้ลุกขึ้นโดยที่ไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับเอพริลอีกว่า ‘ฝากไว้ก่อนนะแก’ “เออ..รีบกลับมาเอาคืนด้วยล่ะ” “...”>ฉัน “เธอ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมมิว”เอพริลหันมาถามฉันที่กำลังตกตะลึงอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ “อื้อ...ขอบใจนะที่นายมาช่วยฉัน...นายทำไมถึงกลับมาล่ะ” “ฉันเดินไปไม่ไกลก็ได้ยินเสียงเธอร้องน่ะ...เลยย้อนกลับมาดู”เอพริลพูดพร้อมกับนั่งลงข้างฉัน “ถ้าเมื่อกี้นายไม่ช่วยฉัน...ฉันคงแย่...โชคดีของฉันสินะ^_^”ฉันพูดและยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ “ไม่มีอะไรแล้ว...งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ”เอพริลทำท่าจะลุกขึ้นอยู่ๆมือของฉันก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “-__-”เอพริลชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะหันมามองฉันที่กำลังจับแขนของเขาเอาไว้ “เอ่อ...ขอโทษนะ”พอนึกได้ว่าฉันจับแขนเขาเอาไว้ฉันก็รีบปล่อยอย่างลืมตัว “นาย...อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม”นี่ฉันขอร้องคนอย่างเขางั้นหรอ มิวนิคเขาเป็นตัวอันตรายนะ แต่มันก็จำเป็นนี่นา “ก็ได้...แล้วเธอไม่กลัวพอร์ชเขาเข้าใจผิดหรอ”เอพริลถาม “เขาคง...ไม่ว่าอะไรฉันหรอกมั้ง...เขาคงมีเหตุผลพอ” “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีเหตุผลอยู่อีกหรือเปล่า”เอพริลพึมพำจนฉันที่ฟังไม่ค่อยถนัดถามซ้ำขึ้นมา “นายว่าไงนะ” “อ๋อเปล่า...ฉันถามเธอว่าตัวอะไรเกาะเสื้อเธอน่ะ” “อะไรอ่ะ...ไหนๆ...”ฉันมองซ้ายมองขวาดูตามเสื้อเพราะกลัวว่าจะเป็นแมลงที่เป็นพิษ “เดี๋ยวฉันปัดออกให้”พูดจบเอพริลก็เอื้อมมือมายังไหล่อีกด้านของฉัน ตอนนี้ใบหน้าของเขาใกล้กับฉันมาก ฉันจึงเอนตัวออกนิดหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่ใกล้กันมาก ดูเหมือนกับว่าตอนนี้เราสองคนกำลังโอบไหล่และหอมแก้มกันยังไงยังงั้น ~~ ฉันรีบดันตัวของเอพริลออกและรีบรับโทรศัพท์ที่ตอนนี้มันดังจนฉันตั้งสติผลักร่างเอพริลให้ออกห่างจากตัว สงสัยพอร์ชจะโทรมาแน่ๆเลย ติ๊ด! “ฮัลโหล” (มิว...วันนี้พอร์ชเลิกดึกน่ะ...ยังไงมิวไม่ต้องรอพอร์ชแล้วนะกลับบ้านไปได้เลย)ไม่รู้ทำไมฉันถึงอารมณ์เสียที่ได้ยินพอร์ชพูดแบบนั้น “แล้วทำไมพอร์ชไม่บอกมิวให้เร็วกว่านี้ล่ะ...รู้ไหมมิวนั่งรอพอร์ชมาสองชั่วโมงกว่าแล้วนะ”ฉันพูดใส่อารมณ์ เพื่อให้ปรายสายรู้สึกว่าฉันกำลังอารมณ์เสีย (ก็พอร์ชเพิ่งนึกได้...ว่าวันนี้ต้องเลิกดึก) “ แล้วทำไมถึงเพิ่งคิดได้ล่ะพอร์ช พอร์ชไม่ห่วงมิวบ้างหรอที่ต้องมานั่งรอพอร์ชคนเดียวมืดๆแบบนี้...ถ้าเกิดมิวเป็นอะไรไปเพราะการที่พอร์ชเพิ่งนึกได้จะเป็นยังไง...ถ้ามิวโดนฉุดพอร์ชไม่คิดบ้างหรอ” (พอร์ชขอโทษนะ...แต่พอร์ชทำใจกลับตอนนี้ไม่ได้จริงๆ) ติ๊ด!! นี่เขากล้าตัดสายฉันทั้งที่ยังคุยกันไม่จบเนี้ยนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยสินะที่เขากล้าทำแบบนี้กับฉัน แล้วที่บอกว่าทำใจกลับตอนนี้ไม่ได้นี่คืออะไร อ๋อคงจะซ้อมจนปลีกตัวออกมาไม่ได้เลยสิ แล้วไหนล่ะที่บอกว่าจะให้เวลาฉัน...หึ!! ...คงเป็นแค่คำพูดของเขาที่ไม่อยากให้ฉันโกธรล่ะสิ โอเค!! ฉันเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแล้วจริงๆ “เอ่อ...เอพริลฉันต้องกลับบ้านก่อนนะ...ขอบคุณนะที่อยู่เป็นเพื่อน”ฉันหันไปกล่าวลาเอพริลพร้อมกับคำขอบคุณ “เอ้า...ไม่รอพอร์ชแล้วหรอ...” “ไม่ล่ะฉันจะกลับเลย...” จากนั้นฉันก็โบกรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกลับบ้าน “เอ่อ...กลับบ้านดีๆนะ...ระวังตัวด้วยล่ะ”เอพริลโบกมือลาฉันด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม พอร์ชนะพอร์ช คอยดูนะฉันจะงอนไม่รับโทรศัพท์นายคืนนี้ จะไม่รับโทรศัพท์ โทษฐานที่ปล่อยให้ฉันรอนาน2ชั่วโมง แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายฉันก็ต้องโบกรถเมล์กลับบ้านเองจนได้ ชิ!! ให้มันได้อย่างงี้สิ “แม่คะ...วันนี้มิวไม่ทานข้าวเย็นนะคะ”ฉันบอกแม่ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้าที่เซงๆ “อ้าว...ลูกสาวแม่เป็นอะไรไปครับนั่น”พี่มาร์ชถามแม่อย่างงงๆ “สงสัยทะเลาะกับแฟนมั้ง...”แม่ตอบพี่ชาย “ที่ชื่อพอร์ชอะไรนั่นอ่ะนะ...” ฉันไม่ฟังบทสนทนาของแม่และพี่ชาย แต่กลับเดินขึ้นไปยังห้องนอนและโยนกระเป๋านักเรียนลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปที่เตียงนอนแล้วชักดิ้นชักงอเหมือนคนที่กำลังจะบ้า สักพักก็เด้งตัวลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป 21.30น.(โทรศัพท์เงียบ) 22.0น.(ไม่มีทีท่าว่าเขาจะโทรมา) 23.00น.(เริ่มง่วงแล้ว แต่รอสักหน่อยเขาอาจจะโทรมาตอนดึกก็ได้) 23.55น.(คงกำลังกดโทรหาเราอยู่แน่ๆ) 24.00น.(ไม่ไหวแล้วโว้ย ไม่โทรก็ไม่ต้องโทร งอนเพิ่มไปอีกหนึ่งกระทงก็แล้วกันพรุ่งนี้มีเคลียร์แน่พอร์ช!!) เช้าวันต่อมา... หลังจากที่เมื่อคือนั่งรอ นอนรอ ตีลังการอ เอ้ยไม่ใช่ ฉันก็ได้นอนหลับไปเพราะรอไม่ไหว ใช่สิขนาดเพื่อเช้ายังไม่มารับเลย เป็นเหมือนเดิมอีกแล้วสินะ ชิ! ฉันเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องซ้อมของวงซีเคร็ตโค้ดด้วยอารมณ์โกธร ดูสิเข้าไปหาถึงที่แล้วจะแก้ตัวว่ายังไง คราวนี้จะงอนสัก2วันเลยคอยดู “พอร์ช!!” ฉันตะโกนเรียกพอร์ชอย่างโมโห “…”พอร์ชหันมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา ทำเอาฉันที่โมโหอยู่นั่นรู้สึกแปลกๆ “มิว...ฉันว่าแกออกไปก่อนไหม^____^”ปอร์เช่กล่าว พร้อมกับยิ้มแหยๆ “ฉันไม่ไป...ฉันจะมาคุยกับพอร์ชให้รู้เรื่อง” “งั้น...ก็ขอให้โชคดีนะ...ไอ้เอสไอ้ซัน...ออกไปข้างนอกกันเถอะ”ว่าแล้วปอร์เช่ก็เรียกเพื่อนๆอีก2คนออกไปด้วย แต่พอเอสกับซันลุกขึ้นจากโซฟา “ซัน! แกอยู่ก่อน”อ้าว...แล้วเรียกซันทำไมล่ะเนี้ย “เออ...ฉันรู้แล้ว”ซันตอบพอร์ชแต่หันมามองฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “อ่ะนี่...เอาไปดูซะแล้วก็ตอบมาว่าทั้งหมดมันคืออะไร”พอร์ชเขวี้ยงรูปประมาณสี่ห้าใบใส่ฉันและซันก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนกับว่าระงับความโกธรอยู่ นี่ฉันควรโกธรเขาไม่ใช่หรอ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ “เธอเก็บแล้วก็ดูเองนะ...เพราะฉันเห็นแล้ว”ซันกล่าวก่อนที่ฉันจะก้มลงไปเก็บรูปที่ล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมาดู ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นรูปเหล่านี้ มันมีทั้งรูปที่ฉันอยู่กับซันแล้วก็ล้มทับกันตอนที่ซันดึงฉันให้หลบจากแจกัน แล้วก็มีทั้งรู้ที่เอพริลโอบฉันตอนที่เขาพยายามจะปัดแมลงออกให้ฉัน นี่มันอะไรกันน่ะ รูปพวกนี้ใครเป็นคนถ่ายกัน แล้วมุมมองจากรูปนี้ดูเหมือนกับว่าฉันกับซันกำลังจูบกัน ส่วนรูปที่อยู่กับเอพริลก็ดูเหมือนกับว่าเอพริลโอบไหล่ฉันและหอมแก้มฉัน “นี่มันอะไรกัน...”ฉันอุทานออกมาเสียงแผ่ว “ฉันควรถามเธอมากกว่านะมิวนิคว่ามันเกิดอะไรขึ้น”แววตาของพอร์ชตอนนี้ต่างไปจากเดิม จากที่เป็นคนร่าเริงตอนนี้กลับไม่มีหลงเหลือพอร์ชคนเดิมที่ฉันรู้จักอยู่เลย จะมีก็แต่ใบหน้าเย็นชาเยือกเย็นนั่น “มันไม่ใช่อย่างที่นายเห็นนะ รูปที่ฉันอยู่กับซันในห้องซ้อมมันเป็นอุบัติเหตุ” “ตอบสคิปเดียวกับไอ้ซันเลยนะ...แหมใจตรงกันซะด้วย...ไหนลองบอกมาสิว่าอีกรูปล่ะ^^*”พอร์ชพูดพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน “เอพริลแค่มานั่งเป็นเพื่อน...”ฉันยังไม่ทันที่จะพูดต่อก็ถูกพอร์ชพูดแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดที่เจ็บแสบซึ่งฉันไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลย “โอบกันหอมกันขนาดนั้นไม่เรียกว่าอยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ”คำพูดที่เขาพูดมันเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจฉัน ไม่นึกเลยว่าคำพูดแรงๆแบบนี้มันจะออกมาจากปากของเขา ฉันเข้าใจความรู้สึกของพิกเล็ทแล้ว ฉันรู้ซึ้งกับคำพูดแบบนี้แล้วจริงๆ “พอร์ช!!...มันจะมากเกินไปแล้วนะ”และความอดทนฉันก็ขาดลงจนได้ เขาจะดูถูกฉันเกินไปแล้ว “มิว...ฉันควรเชื่อคำพูดของเธอไหม...รูปของซันกับเธอตอนแรกฉันไม่แน่ใจและแทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเธอกับมันทำอะไรกัน...แต่...รูปของเธอกับเอพริลฉันทำใจไม่เชื่อไม่ได้หรอก...เพราะฉันเห็นกับตาของฉันจนฉันต้องปักใจเชื่อว่าเธอกับซันไปถึงไหนต่อไหนกัน...คนรักกันเขาทำกันแบบนี้หรอ!!”พอร์ชเดินมาพ้นคำพูดแรงๆพวกนี้ใส่ฉันพร้อมกับเขย่าร่างฉันไปมาตามอารมณ์โกธรของเขาจนร่างฉันเซ แต่ซันก็มาห้ามบังร่างฉันไม่ให้พอร์ชเข้ามาทำรุนแรงกับฉัน “อ๋อ...นี่ถึงขนาดปกป้องกันเลยหรอ...คนทรยศ!”ฉันทนกับคำพูดของเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ พรึบ!เพี๊ยะ!! ฉันผลักร่างของซันที่บังร่างของฉันเอาไว้ออก ก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามือและตบเข้าไปที่ใบหน้าของพอร์ชอย่างเต็มแรง “นายดูถูกฉันเกินไปแล้วนะพอร์ช”และนาทีนี้ก็ทำให้น้ำตาฉันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่แน่ใจว่าที่น้ำตาของฉันไหลออกมาเพราะเสียใจที่ตบเขา หรือว่าผิดหวังที่เขาดูถูกฉันด้วยคำพูดพวกนี้ของเขากันแน่ “คิดว่าเธอตบฉันแล้วฉันจะจูบเธอแบบในละครหรอมิวนิค...สกปรก!!” พรึบ! พูดจบพอร์ชก็ ผลักร่างฉันให้ล้มลงไปกองที่พื้นอย่างแรง เขาโมโหฉันโดยที่ไม่ฟังคำอธิบายของฉันเลยหรอ เขาทำรุนแรงกับฉันแบบนี้ได้ยังไง “พอร์ช...นายจะไปไหน”ฉันพูดพร้อมกับดึงขาของฉันเอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้เขาไป “ฟังฉันอธิบายก่อนพอร์ช!!”ฉันขอร้องให้เขาฟังทั้งน้ำตาที่ตอนนี้มันไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “กลับมาพูดกับฉันก่อนว่าจะเอายังไง...มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะToT” “...”พอร์ชหยุดเพราะแรงดึงของฉันแล้วค่อยๆนั่งลงตรงหน้าฉัน เขาค่อยๆปาดน้ำตาของฉันออกก่อนที่จะสะบัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี “ขอบคุณสำหรับความทรยศที่มีต่อฉันนะที่รัก...เราเลิกกันเถอะ” พูดจบเขาก็แกะมือของฉันที่เกาะขาเขาไว้ออกพร้อมกับเดินออกไปอย่างไม่ใยดีต่ออะไร คำพูดของเขามันทำให้ฉันยิ่งร้องไห้ออกมา ไม่จริงใช่ไหม ฉันแค่นอนหลับแล้วฝันไปเท่านั้นใช่ไหมT^T มันเป็นแค่ฝันร้ายพอฉันตื่นมันก็จะกลายเป็นเหมือนเดิมใช่ไหมT^T “อ้อ...ขอบคุณแกด้วยนะ...ไอ้เพื่อนทรยศ” พลั๊ก! ตุ๊บ! ผั๊วะ!! ซันที่ยืนฟังพอร์ชพูดจนจบพุ่งเข้าไปต่อยหน้าพอร์ชอย่างโมโหกับคำพูดของเขา พอร์ชไม่ตอบโต้อะไรเพียงแค่มองหน้าซันอย่างเคืองๆก่อนที่จะผลักร่างของซันให้ออกจากตัวแล้วเดินออกจากห้องซ้อมไป แล้วภาพที่ฉันเห็นสุดท้ายก็ดับวูบลงไปพร้อมกับสติที่หลุดออกไปเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม