ปราบหัวเราะ แล้วสองพี่น้องก็วิ่งลงไปที่ชายหาด เล่นน้ำ เก็บหอยวิ่งไล่จับกันเหมือนสมัยเด็ก ๆ ระลึกถึงความหลังกันจนชุ่มปอด ความสุขกลับคืนมาสู่นายหัวปราบผู้ไร้หัวใจ จากวันนี้ไปคงไม่มีสิ่งใดจะมาพรากจากพี่น้องทั้งสองไปได้อีกแล้ว
เมื่อเล่นน้ำจนจุใจ ทั้งสองกลับขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า ปราบนั้นพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาเดินตรงไปยังหัวเตียง หยิบกล่องแสตนเลสเล็ก ๆ ออกมาเปิด เผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ในนั้น
นั่นคือเปลือกหอยขาวสะอาดที่เด็กหญิงแก้มยุ้ยมอบให้เขาที่ริมชายหาด ขณะที่เขาไปนั่งร้องไห้เพราะความโศกเศร้าในวันที่แม่พาน้องชาย หนีไป เธอบอกให้เขาอธิษฐานกับเปลือกหอยถึงสิ่งที่ต้องการ แรก ๆ เขาเชื่อเป็นตุเป็นตะ เฝ้าแต่วอนขอกับเปลือกหอยทุกวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของแม่กับน้องเลย อีกสองปีให้หลังพ่อกลับต้องมาจากไปอีก เขาจะโยนเปลือกหอยทิ้งไปเสียแล้วในวันหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนใจเก็บมันไว้ ด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่คิดว่ามันอาจจะมีความมหัศจรรย์อยู่จริง จะสามารถทำให้น้องชายกลับมาหาเขาได้ และแล้ววันนี้มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ ปราณกลับมาหาเขาแล้ว
ชายหนุ่มหยิบเปลือกหอยขึ้นมาแล้วยิ้ม ยี่สิบกว่าปีผ่านไปแล้ว ถึงแม้เขาจะเกลียดผู้หญิงมากแค่ไหนก็ตามที แต่แปลก ที่เขายังจำชื่อเด็กหญิงที่ส่งเปลือกหอยให้มิรู้เลือน เขายิ้มแล้วเอ่ยถ้อยคำจากหัวใจออกมาเบา ๆ
“ ขอบใจมากนะ อันดา ”
***
“ ให้พี่ไปส่งไหม ” ปราบเอ่ยถาม วันนี้น้องชายจะไปเรียนวันแรก หลังจากที่ทำเรื่องโอนย้ายหน่วยกิตจากมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียมาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสงขลาเรียบร้อย ปราณหัวเราะ
“ โธ่ พี่ครับ ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลแล้วนะ ”
“ ก็นึกว่าอยากให้ไปส่ง ”
“ ไม่ต้องหรอก แค่ซื้อรถใหม่ให้ ผมก็ขอบคุณมากแล้ว ไปนะครับพี่ ” ปราบพยักหน้าพร้อมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ มองตามน้องชายที่ขับรถยนต์หรูที่เขาพึ่งซื้อให้เป็นของขวัญจนลับสายตา
ราวยี่สิบนาทีปราณก็ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัย เขาจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินหาตึกเรียน
“ ตึกไหนวะเนี่ย ” ปราณก้มลงมองตารางเรียนที่เขาพึ่งได้มาแล้วสอดส่ายสายตาหาตึกที่ว่า เพราะมัวแต่ก้มมองกระดาษ ขาก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้า ช่วงเลี้ยวมุมตึก ก็ชนเข้ากับร่างหนึ่งอย่างแรง
“ โอ๊ย ! ”
สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมกัน ชายหนุ่มนั้นแค่ตกใจ ข้าวของยังอยู่ครบ แต่อีกร่างที่ชนกับร่างสูงใหญ่ของเขานั้นกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้น ข้าวของกระจัดกระจาย ปราณเงยหน้าขึ้นมองก็พบหญิงสาวสวมเสื้อนักศึกษากับกระโปรงพลีทยาว เขารีบลงไปประคองร่างนั้นทันที
“ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็มัวแต่รีบ ขอโทษเช่นกันนะคะ ” เธอเงยหน้าขึ้นมอง ทำให้ชายหนุ่มได้สบตากับเธอเต็ม ๆ
หญิงสาวผิวขาวเหลือง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเข้ม ตาคมหวาน จมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากอวบอิ่ม เธอไม่ได้แต่งหน้าจัด เพียงมีแป้งกับลิปสติกประทินไว้บาง ๆ แต่แค่นั้นก็มากพอแล้ว เธอมีความสวยแบบมีเสน่ห์ สวยแบบเย้ายวน มีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดให้บุรุษเพศหลงใหล ปราณจ้องเธอจนลืมหายใจ
เมื่อถูกจ้องนาน คนถูกจ้องก็เริ่มอึดอัด เธอเรียกเขาพลางดันตัวออกจากแขนแข็งแรงที่ประคองไว้
“ เอ่อ คุณคะ ปล่อยฉันก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ” เขาจึงรู้สึกตัว แล้วรีบเก็บข้าวของส่งคืนให้เธอ
“ นี่ครับ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ” เธอลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มมาให้ที่ทำให้หัวใจชายละลาย
“ งั้น ขอตัวไปเข้าเรียนก่อนนะคะ ”
“ เอ่อ เดี๋ยวสิครับ คือว่า ผมพึ่งย้ายมาจากที่อื่น วันนี้มาเรียนวันแรก กำลังหาตึกเรียนอยู่ คุณพอจะรู้จักตึกนี้ ห้องนี้ไหมครับ ” พูดพลางส่งตารางเรียนให้เธอดู เธอทำตาโต
“ อ้าว นี่คุณเรียนบริหารปีสามเหมือนกับฉันเหรอคะ นี่เซคชั่นเดียวกัน ห้องเดียวกันเลยค่ะ ”
ชายหนุ่มยิ้มด้วยความดีใจ อะไรมันจะพอดิบพอดีขนาดนั้น แบบนี้ไม่เรียกบุพเพสันนิวาสแล้วจะเรียกอะไร
“ เหรอครับ ”
“ ค่ะ เดินไปพร้อมกันเลยนะคะ ”
“ ครับผม ”
เธอเดินนำ เขาเดินตาม เธอสูงราวร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร แม้เธอจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าฟิตอย่างสาวนักศึกษาทั่วไป เสื้อหลวม กระโปรงพลีทยาว กรอมเท้า แต่เขาก็ยังเห็นความซ่อนรูปและส่วนโค้งส่วนเว้าได้ชัดเจน เธอไม่ได้ผอมบางจนเกินไปแต่มีสัดส่วนอันเย้ายวนชวนให้มองอย่างละสายตาไม่ได้ ปราณกลืนน้ำลายลงคอ นี่เขาเป็นอะไรนะ เกิดมาไม่เคยรู้สึกถึงแรงดึงดูดแห่งสตรีเพศอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน
“ คุณชื่ออะไรเหรอคะ ” เธอชวนคุยเมื่อเข้าไปในลิฟท์แล้ว ปราณจึงดึงสติกลับมาได้
“ ผมชื่อปราณครับ คุณล่ะ ”
“ อันดามันค่ะ แต่ว่าส่วนมากจะเรียกกันแค่อันดา ”
“ ชื่อน่ารักจัง ใครตั้งให้ครับ ” เธอยิ้มอย่างร่าเริง
“ พ่อค่ะ พ่อเป็นชาวประมง ออกทะเลไปหาปลาเรื่อย ก็เลยเอาชื่อทะเลมาตั้งให้ แล้วชื่อคุณล่ะคะ แปลกดี ปราณ แปลว่าอะไร ”
“ แปลว่าลมหายใจครับ คุณแม่เป็นคนตั้ง ท่านบอกว่าเพราะผมเปรียบเสมือนลมหายใจของท่าน ”
“ ความหมายดีจังเลยค่ะ เป็นความรักที่ขาดไม่ได้ เปรียบได้กับลมหายใจเข้าออก แม่คุณน่ารักจัง ”
“ ครับน่ารัก แต่ท่านไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ” ชายหนุ่มพูดแล้วทำหน้าเศร้า
“ เอ่อ เสียใจด้วยนะคะ ขอโทษด้วยที่พูดถึงท่าน ”
“ ไม่เป็นสักหน่อยครับ คุณไม่รู้นี่ ผมแค่ยังทำใจไม่ได้แค่นั้นเอง อ่อนแอทุกครั้งที่นึกถึง ”
“ ฉันเข้าใจค่ะ ฉันก็ยังเศร้าทุกครั้งที่คิดถึงพ่อเหมือนกัน พ่อฉันก็เสียไปนานแล้ว ” ปราณมองหน้าเธอแล้วยิ้มเศร้า ๆ
“ เสียใจด้วยนะครับ พ่อผมก็เสียแล้วเหมือนกัน ”
ก่อนที่บรรยากาศในลิฟท์จะเศร้าไปกว่านั้นมันก็เปิดออกพอดีหญิงสาวรีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้ร่าเริงแล้วเดินนำเขาไปยังห้องเรียน
“ มาค่ะ ตามฉันมา เข้าห้องเรียนกัน ”