ตัวตนของคนงาม

1777 คำ
ตำหนักซ้าย... “พวกเจ้ารีบร้อนเข้ามาเช่นนี้ทางสะดวกแล้วหรือยังไง” เสียงแหลมตวาดลั่นดังไปทั่วตำหนักซ้ายชนิดที่ใคร ๆ ก็นึกไม่ออกว่านี่คือเสียงของหวางเฟยผู้อ่อนโยนและงดงามยามที่อยู่เคียงข้างจ้าวโม่หยางชินอ๋องแน่หรือ นางกำลังใส่อารมณ์กับกลุ่มคนของท่านตาที่จัดหามาให้นางได้ใช้สอยหลังจากที่แต่งเข้าวังอ๋องเพียงไม่นาน “หวางเฟยอย่าได้ห่วงเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาออกไปได้สองวันแล้วไม่หลงเหลือร่องรอยเลยสักนิด ท่านอ๋องคงจะวางพระทัยแล้วจึงได้เรียกพวกมันกลับไป” หัวหน้าชายชุดดำกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จู่ ๆ กลุ่มเงาของท่านอ๋องก็พากันจากไป “วางพระทัยแน่หรือ ถึงขั้นส่งคนมาสอดส่องตำหนักของข้า ท่านอ๋องไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนคิดจะทำสิ่งใดพระองค์ต้องแจ้งให้ข้ารับรู้อยู่เสมอแต่นี่กลับเงียบเฉย” หลินกุ้ยฮวายังคงระแวงต่อการกระทำของพระชินอ๋อง ใจของนางจึงไม่ค่อยเป็นสุขเท่าใดนัก “ท่านอ๋องคงระแวงชายารองมากกว่าพ่ะย่ะค่ะเพราะหวั่นเกรงว่าหวางเฟยจะมีภัยที่เกิดจากนาง” “เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นแน่หรือ ให้มันจริงเถอะแล้วจับตาดูนางให้ดีล่ะ” พอได้ยินคำตอบที่นางเองก็อยากจะฟังเสียงแหลมเล็กจึงหายไปกลับกลายเป็นนุ่มนวลทันทีทันควัน “พ่ะย่ะค่ะหวางเฟย” “ยังต้องจับตามองอะไรอีกเพคะ ยาบำรุงที่ให้ไปก็ทำให้นางแทบลุกไม่ขึ้นแล้ว ต่อให้ฉุกใจคิดได้ถึงตอนนั้นคงจะก้าวขาออกจากตำหนักไม่ไหวหรอกเพคะ” แม่นมหยูยิ้มร้ายให้กับแผนการที่นางและหมอเยี่ยได้วางเอาไว้สำชายารองที่กำลังตั้งครรภ์ “แล้วแน่ใจหรือว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก” จำเอาไว้ว่าองค์รัชทายาทจะพิการร่างกายไม่สมประกอบไม่ได้เป็นอันขาด “ไม่เป็นอันตรายถึงขั้นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะหวางเฟยโปรดวางพระทัย” หมอเยี่ยกล่าวเพื่อให้หวางเฟยวางใจกับยาที่เขาปรุงซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะปลอดภัยเต็มสิบส่วนหรือไม่สำหรับทารกในครรภ์ แต่ใครสนกันเด็กนั่นหาใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของคนสกุลหลิวเสียเมื่อไร หึ ๆ ๆ หลิวเยี่ยก็หัวเราะร้ายในใจไม่ต่างกับแม่นมหยูเช่นกัน พวกเขาไม่ได้สนใจว่าเด็กจะเกิดมาสมบูรณ์และแข็งแรงหรือไม่ขอเพียงแค่ให้มีชีวิตรอดจนถึงวันคลอดก็เพียงพอแล้วสำหรับแผนการนี้ ในตอนกลางวันของวันหนึ่ง เป็นเวลาที่เหล่าคนชุดดำไม่ได้เคร่งครัดกับการดูแลตำหนักซ้ายเท่าใดนัก “นี่เจ้ามาทำอะไรแถวนี้” เสียงชายที่อยู่ในชุดดำถามขึ้นจนชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเก่าสีซีดสะดุ้งโหยง “นะ นายท่านข้าแค่มาส่งฟืนขอรับและกำลังจะกลับพอดี” “แล้วไป คราวหลังส่งของแล้วก็รีบกลับซะหากของหายข้าจะกล่าวโทษเจ้า” “ขะ..ขอรับ” หนุ่มน้อยในชุดเก่าก้มหัวผงก ๆ แสดงอาการสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นก็รีบวิ่งแจ้นออกไปอย่างเร็ว โชคดีนักที่ทางไปโรงครัวจำเป็นต้องเดินผ่านแถวนี้ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องมีงิ้วบทใหม่มาให้แสดงอีกแน่ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ “กลัวจนหัวหดเลยนะไอ้เด็กขอทาน” ชายชุดดำที่มีหน้าที่ดูแลบริเวณนี้หัวเราะร่าอย่างพอใจที่วาจาของตัวทำให้คนสั่นกลัวได้ ทางฝั่งของตำหนักเล็ก... ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ “พี่ใหญ่หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่ก็รู้ว่าข้าไม่ได้กลัวมันก็แค่การแสดงงิ้วเท่านั้นแหละ” “ข้าหัวเราะเจ้าที่ไหนเจ้าเด็กโง่ งานของเจ้ายังไม่จบคืนนี้เอายานี่ไปให้หมอหลี่ตรวจสอบและขอยาบำรุงครรภ์ตัวใหม่มาด้วย รีบไปรีบกลับชีวิตของพระชายาหลินหลานและบุตรของท่านอ๋อง อยู่ในมือเจ้าแล้ว” “พี่ใหญ่พูดเสียน่ากลัว” เอ้อสงที่ยังอยู่ในชุดเก่าคร่ำครึของคนส่งฟืนรับห่อยาจากพี่ชายแล้วก็จากไปทันที “เจ้าเด็กบ้า ไปชุดนั้นจวนของหมอหลี่คงได้วุ่นวาย” อี้สง บอกน้องชายไม่ทันเพราะเด็กหนุ่มจากไปไวจนไม่เห็นแม้แต่เงา แล้วเขาก็กลับไปประจำในที่ของตนบนต้นไม้ข้างตำหนักเล็กต่อไป “พระชายาเหนื่อยมากไหมเพคะ” เสียวจูเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความห่วงใย “ข้าแทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว รอให้อาการแพ้ท้องของข้าดีขึ้นก่อนเถิดนะเสี่ยวจู ระหว่างนี้เจ้าก็ค่อย ๆ สำรวจเส้นทางไปก่อนหลังจากอาการของข้าดีขึ้นเราจะไปจากที่นี่กัน” “เพคะพระชายา” เสี่ยวจูรับคำหนักแน่น หลินหลานนอนซมเพราะเหนื่อยจากการแพ้ท้องมาหลายวันตลอดเวลาที่นางนอนพักในสมองน้อย ๆ ก็ไม่ได้นิ่งเฉยนางคิด และเรียบเรียงเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ต้น ว่าเหตุใดตัวเองถึงได้แต่งเป็นชายาของจ้าวโม่หยางชินอ๋องอีกคนทั้ง ๆ ที่ท่านอ๋องก็ไม่ได้เต็มใจสักนิด หากพระองค์จะปฏิเสธการแต่งงานด้วยอำนาจที่มีมันจะไปยากตรงไหนและคำกล่าวของหวางเฟยที่ต้องการน้องสาวต่างมารดาให้มาอยู่ข้างกายเพราะความเอ็นดูและอยากให้นางมีบุตรให้กับท่านอ๋องมันยิ่งฟังไม่ขึ้นสักนิดในเมื่อตอนนี้นางก็ท้องแล้วแต่กลับถูกกักขังเอาไว้ให้อยู่แต่ในตำหนัก หนำซ้ำข่าวที่เสี่ยวจูแอบไปได้ยินมาคือพวกนางถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ทุกอย่างมันสวนทางกันไปหมดคำพูดหวานหูที่ออกมาจากปากของพี่สาวต่างมารดานั้นแท้จริงมันคือยาพิษดี ๆ นี่เอง นางจึงมั่นใจว่าในชีวิตของนางเชื่อใจได้แค่สามคนคือบิดามารดาและเสี่ยวจูเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นพวกนางทั้งสองจึงไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป เสียงสนทนาของนายและสาวใช้ถึงแม้จะเบาแต่ก็เข้าหูของเงามือหนึ่งอย่างไม่ขาดตกแม้แต่คำเดียว โชคดีอยู่อย่างหนึ่งแม้กลุ่มคนชุดดำจะคอยจับตามองตำหนักเล็กแต่ก็อยู่ไกลมากไม่เห็นมีใครกล้าเข้าใกล้บริเวณนี้เลยสักคน แม้แต่ชายป่าท้ายวังก็ไม่เห็นมีพวกมันย่างกรายเข้าไปแถวนั้น องครักษ์อย่างเขาก็ได้แต่สงสัยว่าพวกมันกลัวอะไรกันแน่ แปลกประหลาดพิกลช่างผิดวิสัยของเหล่าองครักษ์เงาหรือแม้แต่นักฆ่าเอามาก ๆ ค่ำคืนเดียวกันที่จวนของหมอหลวงหลี่ซวน... “ขโมย!! ช่ว...” ยังไม่ทันจะได้เรียกคนให้ช่วยมือของผู้บุกรุกก็มาปิดปากของหมอหนุ่มเอาไว้ก่อน “หมอหลี่นี่ข้าเอง เอ้อสง” เด็กหนุ่มในชุดซอมซ่อกระซิบบอกข้างหูจนกระทั่งหมอหนุ่มพยักหน้ารับรู้มือที่ปิดปากไว้จึงค่อยคลายออก “เจ้ามาทำอะไรในยามวิกาลเช่นนี้ แล้วก็ชุดที่สวมอยู่นั่นไปแสดงงิ้วเป็นขอทานมาหรือยังไง” เมื่อปากเป็นอิสระหมอหนุ่มก็ใส่คำถามไม่ยั้ง ที่จริงเขาเองก็พอจะชินชากับการปลอมตัวของเหล่าองครักษ์นี่อยู่หรอกแต่ไอ้ที่ตกใจเมื่อครู่เขาก็นึกว่าเป็นขโมยจริง ๆ เพราะองครักษ์ของท่านอ๋องไม่เคยจะปลอมตัวเพื่อมาพบเขาเลยสักครั้ง “ฮิ ฮิ ข้าปลอมตัวได้แนบเนียนมากใช่หรือไม่” “อืม..มีอันใดก็ว่ามาเถอะ” หมอหนุ่มไม่พูดให้มากความถามจุดประสงค์ที่เงาอันดับสองของท่านอ๋องเข้ามาพบเขาในยามวิกาลทันทีเพราะคิดว่าต้องเป็นเรื่องด่วนมากแน่นอน เอ้อสงล้วงเอาห่อยาออกมาจากอกเสื้อยื่นให้กับหมอหลี่และบอกให้ท่านหมอเร่งตรวจสอบว่ามันมีตัวยาชนิดใดบ้าง พอได้ยินอย่างนั้นหมอหลี่ก็รีบลงมือตรวจสอบยาในห่อทันที “มันจะเป็นยาบำรุงได้อย่างไรกัน ถึงจะมีส่วนผสมเพียงน้อยนิดหากดื่มกินทุกวันคงไม่แคล้วว่าจะต้องนอนเป็นผัก ส่วนทารกหากแม้นว่ายังรอดก็คงไม่ไกลจากคำว่าพิการเท่าใดนัก” เมื่อหมอหลี่ตรวจสอบยาที่ได้มาจากองครักษ์อย่างละเอียดดีแล้ว ก็ระบุได้ว่ายาบำรุงนี้มาเป็นยาบำรุงครรภ์ชั้นเลิศก็จริงแต่กลับมีส่วนผสมของยาสลายกระดูกแม้จะเล็กน้อยมันก็อันตรายต่อคนท้องและทารกอยู่ดี ใครกันช่างหาญกล้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้ “ขนาดนั้นเลยหรือท่านหมอ ถ้าอย่างนั้นท่านจัดยาบำรุงครรภ์อย่างดีที่สุดให้ข้าด้วยและถ้าหากว่าคนท้องได้กินยาตัวนี้ไปบ้างแล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่” เอ้อสงเป็นกังวลเมื่อได้ยินที่หมอ หลี่อธิบายเรื่องยาห่อนั้น “หากเพิ่งจะเริ่มและหยุดกินตั้งแต่ตอนนี้ก็คงไม่เป็นอะไร ว่าแต่มันเป็นยาจากตำหนักไหนหรือ” หมอหลี่ถามอย่างใคร่รู้เพราะรู้ดีว่าในวังหลังมักจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่นี่คือครั้งแรกที่องครักษ์ของชินอ๋องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวังหลังยาห่อนี้คงจะเป็นของสนมคนสำคัญของฝ่าบาทอย่างแน่นอน หมอหนุ่มคิดไปถึงวังหลังขององค์จักรพรรดิจ้าวโม่เทียนพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมา “ตำหนักเล็กในวังของท่านอ๋องน่ะ เก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะท่านหมอ” คำตอบของเอ้อสงยิ่งทำให้หมอหนุ่มตกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเขาแค่เร่งจัดยาบำรุงที่ดีที่สุดให้หลายเทียบ หลังจากที่องครักษ์ไปแล้วหมอหนุ่มยังชั่งใจว่าจะกราบทูลเรื่องนี้ต่อไทเฮาดีหรือไม่หรือควรจะเก็บเงียบเอาไว้ก่อนอย่างที่เอ้อสงกำชับเอาไว้ “ฮึ่มม~นี่คือสาเหตุที่ไม่ให้ข้าเข้าไปถวายงานให้กับท่านอ๋องสินะ” หลี่ซวนได้แต่บ่นและครางฮึมฮัมในลำคออย่างขัดใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม