อี้สงนำทางรถม้าออกมาห่างไกลจากจุดปะทะกับกลุ่มของนักฆ่ากว่าร้อยลี้เขาจึงวางใจที่จะให้ทั้งม้าทั้งคนได้หยุดพัก เพราะคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือคนท้องที่นั่งเงียบอยู่ในรถม้าไม่มีแม้แต่เสียงบ่นและโอดครวญกับการเดินทางที่ทรหดครั้งนี้
เมื่อรถม้าจอดสนิทตรงจุดพักที่เล็งเอาไว้องครักษ์หนุ่มจึงรีบตรงไปที่รถม้าเพื่อจะถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“คุณหนูหลิน เสี่ยวจู พวกท่านยังสบายดีอยู่ไหม”
“หัวหน้าอี้ คุณหนูของข้าหลับอยู่เจ้าค่ะ”
อี้สงได้ยินเสียงของสาวใช้ตอบกลับมาก็อดยิ้มไม่ได้เขาหรืออุตส่าห์เป็นห่วงนักหนากลัวว่าพวกนางจะยังไม่หายตกใจ แต่ที่ไหนได้ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้พระชายาหลินหลานยังสามารถหลับได้อย่างสบายใจช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางหลับไปก่อนหากมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วข้าจะมาเรียก” อี้สงบอกกล่าวเสร็จก็แยกตัวออกไปเพื่อเตรียมอาหารให้กับคนท้อง อาหารมื้อเย็นของพวกเขาเหล่าบุรุษจะให้ใครทำก็ย่อมได้ แต่ของพระชายาเขาจะลงมือทำเองแบบนี้จึงไม่ต่างกับตอนที่เขาออกศึกสู้รบร่วมกับท่านอ๋องเลยซึ่งก็เป็นเขาที่คอยจัดการมื้ออาหารให้เช่นกัน
หลินหลานตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นอาหารลอยเข้าจมูก นางยอมรับว่าหิวเอามาก ๆ เพราะที่ผ่านมานางแทบจะกินอะไรไม่ลงในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนั้น
“คุณหนูตื่นแล้ว จะรับข้าวต้มข้างนอกหรือในรถม้าดีเจ้าคะ”
“ข้างนอกเถอะ ข้าเมื่อยที่จะอยู่แต่ในรถม้าแล้ว” หลินหลานตอบพลางยื่นมือให้เสี่ยวจูดึงลุกขึ้น การนั่งนอนในท่าเดียวนาน ๆ มันทำให้ขาของนางชาไปหมด กว่ามันจะหายไปก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร
“ก่อนจะรับมื้อเย็นล้างหน้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวหนุ่ม ๆ จะกินข้าวไม่ลง”
ได้ยินเสี่ยวจูพูดหลินหลานก็จับใบหน้าของตัวเองดูแล้วก็นึกทึ่งกับสมุนไพรตัวนั้น สมุนไพรแปลงโฉมชื่อนี้ตั้งแต่เกิดมานางก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยช่างเป็นสมุนไพรที่วิเศษนัก
ค่ำคืนอันเงียบสงบหลินหลานนอนลูบท้องตัวเองเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ข้างในถึงจะมองไม่ออกว่านางท้องแต่อาการเต้นตุบ ๆ อย่างรุนแรงทุกครั้งที่นางตื่นเต้นและหวาดกลัวเจ้าก้อนแป้งน้อยได้ย้ำเตือนสติให้ใจของนางสงบลงทุกครั้งไป และตอนนี้นางก็มีคนที่ไว้ใจได้เพิ่มแล้วอีกหนึ่ง..อี้สงคือคนนั้น ในภายภาคหน้านางหวังเหลือเกินว่าจะมีคนที่นางไว้ใจได้เพิ่มอีกหลาย ๆ คน
ในเวลาเดียวกันที่วังอ๋อง...
เพี๊ยะ!!! ฝ่ามือบางแต่มีความหนักหน่วงฟาดลงบนใบหน้าอวบอูมอย่างไม่ออมแรง จนใบหน้าและร่างอวบอ้วนของแม่นมหยูสะบัดไปอีกข้างและเซเล็กน้อยตามแรงตบ
“ไหนใครกัน..ใครที่บอกว่ามันไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน แล้วตอนนี้เล่าพวกมันไปไกลถึงไหนกันแล้วห๊ะ!” เสียงแหลมเล็กตวาดลั่นโดยไม่กลัวเกรงว่าใครจะมาได้ยินเพราะความโกรธเมื่อคนของนางเข้ามารายงานว่าน้องสาวสุดที่รักได้หายตัวไปแล้ว แม่นมหยูที่อยู่ใกล้สุดจึงต้องรับเคราะห์ไปเต็ม ๆ
“หวางเฟยโปรดเย็นพระทัยเราจัดการพวกมันได้แน่พ่ะย่ะค่ะ ก็แค่สำนักคุ้มภัยเล็ก ๆ เท่านั้นเอง”
“สำนักคุ้มภัยอย่างนั้นหรือ เจ้าแน่ใจนะ”
“แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ เราจัดการพวกมันได้แน่นอน”
“ขอให้จริงเถอะอย่าให้พวกมันรอดแม้แต่คนเดียว”
“หวางเฟย..แล้วเรื่องเด็กละพ่ะย่ะค่ะ”
“ใกล้วันที่ท่านอ๋องจะกลับพวกเจ้าก็ไปหาเด็กแรกเกิดมาให้ข้า จำเอาไว้ว่าเด็กแรกเกิดที่เป็นผู้ชายไม่ใช่สาวท้องแก่ที่พวกเจ้าเคยเอามา เพราะข้าเกลียดและรำคาญเสียงโหยหวนของพวกมันเหลือจะทนแล้ว”
เมื่อคิดถึงเรื่องราวสองปีที่ผ่านมานักฆ่าที่ว่าเหี้ยมโหดอย่างเขาถึงกลับกลืนน้ำลายฝืดคอกับสภาพศพของหญิงสาวและเด็กทารกมากมายที่พวกเขานำไปฝังกลบในป่าท้ายวังใกล้ ๆ กับตำหนักเล็ก เพียงเพราะทารกเหล่านั้นเป็นเพศหญิงจึงถูกหวางเฟยกำจัดทิ้งทั้งแม่ทั้งลูกอย่างน่าอนาถ
“พ่ะย่ะค่ะหวางเฟย”
“พระชายาท่านพ่อบ้านใหญ่ขอเข้าเฝ้าเพคะ”
ความตึงเครียดหายไปในพริบตาเมื่อคนของท่านอ๋องมาขอเข้าเฝ้า พอหวางเฟยเอ่ยอนุญาตเครื่องบรรณาการทั้งหลายก็ถูกยกเข้ามาในตำหนัก
“พระชายาท่านอ๋องทรงปลื้มพระทัยอย่างยิ่งที่ทราบว่าพระชายากำลังทรงพระครรภ์จึงได้จัดหาสมุนไพรและของบำรุงชั้นเลิศมามอบให้พ่ะย่ะค่ะ และท่านอ๋องยังสั่งความมาอีกว่าหากหวางเฟยต้องการสิ่งใดก็ให้สั่งความผ่านกระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องทราบแล้วหรือ..เป็นใครกันที่ส่งข่าวเรื่องนี้ ข้าอุตส่าห์ปิดเงียบเพื่อจะให้ท่านอ๋องประหลาดใจและจะมอบเป็นของขวัญต้อนรับตอนกลับมาเมืองหลวงแท้ ๆ”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เป็นกระหม่อมเองที่ส่งข่าวนี้ไปให้ท่านอ๋องทราบ”
“ท่านอ๋องรู้แล้วก็ช่างเถอะ ขอบใจพ่อบ้านเหยียนหากต้องการสิ่งใดเพิ่มข้าจะแจ้งไปก็แล้วกัน”
คำพูดหวานหูแต่ฟังยังไงก็เหมือนถูกไล่ทางอ้อม พ่อบ้านใหญ่ที่ทำงานกับเจ้านายในวังมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไฉนเลยจะมองไม่ออก เขาจึงรีบกล่าวทูลลาทันที
คล้อยหลังพ่อบ้านเหยียนหลินกุ้ยฮวาก็เหลือบตามองของบรรณาการที่พระสวามีส่งมาให้อย่างดูแคลน
‘หวางเย่หม่อมฉันหาได้ต้องการเครื่องบรรณาการแบบนี้ไม่เมื่อใดที่เรามีโอรสเมื่อนั้นหม่อมฉันจะพาพระองค์ขึ้นนั่งบัลลังก์เอง ตำแหน่งแม่ของแผ่นดินเท่านั้นที่หม่อมฉันต้องการจากพระองค์’ คราวนี้หวางเฟยเหยียดยิ้มกับความคิดและแผนการของตัวเอง ใครจะรู้บ้างว่านางเสียใจและผิดหวังแค่ไหนที่ถูกกันออกจากวังหลวงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือกให้เป็นนางสนมของฝ่าบาทบุรุษที่นางหลงรัก เพียงเพราะตระกูลของท่านตาเป็นหมอหลวงช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ตระกูลหมอหลวงจะถูกกำจัดออกจากห่วงโซ่อาหารของวังหลวงได้อย่างไรกันไม่มีทางเสียหรอก
“จากนี้ไปข้าไม่อนุญาตให้ใครเข้าเฝ้า บอกไปว่าข้าแพ้ท้องหนักมากได้ยินไหมแม่นมหยู”
“เพคะหวางเฟย” แม่นมหยูรีบรับคำด้วยอาการตื่นกลัวเพราะความเจ็บแสบจากฝ่ามือเมื่อครู่นี้ยังไม่ทันจางหายนั่นเอง
ค่ายบูรพา...
“นางปลอดภัยดีใช่ไหม ทำไมไม่พานางมาที่นี่”
“โม่หยางให้ข้าทำแผลเขาก่อนได้ไหม ไม่อย่างนั้นเลือดคงได้หมดตัวกันพอดี”
“กระหม่อมตอบได้พ่ะย่ะค่ะ” สงเมาองครักษ์ร่างยักษ์พยามฝืนพูดเพราะกลัวว่าตัวเองจะหมดสติไปเสียก่อน ที่เขารอดมาได้เป็นเพราะถูกสหายร่วมรบกันออกมาจากวงล้อมของศัตรูเพื่อให้มาส่งข่าวยังค่ายบูรพาซึ่งเขาก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
“ว่ามา”
“พวกเราแยกทางกันกับพี่อี้สงพ่ะย่ะค่ะ มีองครักษ์ติดตามพระชายาหลินหลานไปสามนายรวมทั้งพี่อี้สงด้วย ส่วนกระหม่อมและองครักษ์ที่เหลือเป็นตัวล่อพวกมันเราเลยไม่รู้ว่าพระชายาทรงปลอดภัยดีอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“สีหน้าของโม่หยางมืดครึ้มขึ้นมาทันทีเมื่อฟังจบเพราะมันผิดแผนจากที่เขาวางเอาไว้ หลินหลานกับลูกควรจะมาอยู่ที่นี่ในยามนี้ เขาพร้อมจะดูแลนางกับลูกให้ดีเพื่อชดเชยความผิดที่ได้กระทำต่อนาง
“อยู่กับอี้สงนางก็จะปลอดภัย หรือว่าท่านอ๋องทรงไม่ไว้ใจองครักษ์รูปงามของตัวเองเสียแล้ว” หึ ๆ ๆ เห็นใบหน้าอันมืดครึ้มของสหายรักโจวเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะเติมเชื้อไฟใส่เข้าไปทีละเล็กละน้อยให้ชินอ๋องรู้จักหวงของของตนเสียบ้าง ถึงจะยังไม่ได้รักอย่างน้อยก็เคยเข้าหอและกำลังมีลูกด้วยกัน สัญชาติญาณเจ้าป่าย่อมหวงของของตัวเองเป็นธรรมดา ไม่นานหรอกนะความหวงอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ชักจะรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วสิ โจวเฉินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความคิดของตัวเอง
“เพ้อเจ้อ” ชินอ๋องว่าให้สหายแล้วก็ผลุนผลันออกไปจากกระโจมของหน่วยแพทย์อย่างขัดเคืองพระทัย
“ท่านหมอโจวเปิดโรงงิ้วกันเถิดขอรับ แต่ต้องให้ข้าเป็นตัวเอกนะ”
เพี๊ยะ!! โอ้ยย~ “ยังมีหน้ามาพูดเล่นเจ้าสมควรสลบไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“ข้าพูดจริงนะขอรับ”
“สลบไปเลยสงเมาแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกจนกว่าข้าจะเรียก อ้ออย่าเพิ่งสลบแล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ เจ้าเจอเขาไหม”
“ใครหรือขอรับคือเจ้าเด็กนั่น ในหน่วยของข้าก็มีตั้งหลายคนที่เป็นเด็ก” คำถามของหมอโจวส่อแววมีพิรุธทำให้องครักษ์หน้าบากสงสัยและใคร่อยากรู้ใจจะขาด
“หึ ๆ ช่างเถอะเขาคงจะปลอดภัยดี”
อ้ากกก~ คำพูดของหมอโจวยิ่งทำให้องครักษ์หนุ่มเลือดร้อนอย่างเขาอยากจะรู้นัก เขาผู้นั้นคือบุรุษไม่ใช่สตรีแน่นอน..แล้วเขาคนนั้นคือใครเล่า???