06

1656 คำ
“เธอนี่มัน” เขาได้แต่ทำท่าขัดใจ เมื่อสุดท้ายเรื่องทั้งหมด เขาต้องกลายเป็นคนผิดไปซะอย่างนั้น “อุ๊ย! ดูเด็กๆ คู่นี้สิคะคุณนี หยอกล้อกันน่ารักน่าชังเชียวค่ะ นี่ยังไม่ทันไรก็หวานกันแบบไม่เกรงใจสื่อเลยนะคะเนี่ย” มาดามเดียน่าได้ทีจึงหันไปพยักพเยิดกับคุณสุทินีทันทีที่เห็นหนุ่มสาวเอาแต่กระซิบกระซาบกันไปมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตามทีเถอะ แต่ขอเดาเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนเป็นดีที่สุด “เฮ้อ!” ทันทีที่ได้ยินมารดาของตัวเองเก็บทุกรายละเอียดเพื่อตอบสนองความต้องการแบบนั้น เขาถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง จนคนเป็นแม่ได้แต่หันมาทำตาดุๆ ไปให้ “เอาล่ะ เอาเป็นว่าในเมื่อเรื่องมันออกมาในรูปแบบนี้แล้ว ก็ให้ทั้งสองคนแต่งงานกันไปเลยก็ดีนะคะ” มาดามเดียน่าฉวยโอกาสสรุปเองเสร็จสรรพอีก “แต่งงาน” ทั้งแก้วมุกดาและสุดที่รักอุทานเสียงดังออกมาพร้อมกัน เพราะไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดขนาดนี้ “ใช่จ๊ะ แต่งงาน ก็ในเมื่อหนูกับลูกชายของหม่ามี้ต่างก็แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไปแล้ว ทั้งคู่ก็ควรจะแต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราวสิจ๊ะ” มาดามเดียน่าบอกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เพราะงานนี้กำลังจะได้สะใภ้ที่ถูกอกถูกใจ และท่านถือคติที่ว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน และในเมื่อโอกาสมาอยู่ในมือแบบนี้แล้ว ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้นั่นล่ะถูกต้องที่สุดแล้ว “แต่หยียังเรียนอยู่นะคะคุณป้า” เป็นแก้วมุกดาที่โพล่งออกมา เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนหยุดเรียนไปกลางครันแบบนั้น อีกอย่างอีกเพียงไม่กี่เดือนพวกเธอทั้งสองก็จะเรียนจบกันอยู่แล้ว “ถ้ายังไงเราให้เด็กสองคนหมั้นกันก่อนดีไหมคะมาดาม” เป็นคุณสุทินีที่เสนอขึ้นบ้าง หลังจากที่เอาแต่เงียบอยู่นาน “โอเค หมั้นก็หมั้นจ๊ะ” ทุกคนถอนหายใจแทบจะพร้อมกัน เมื่อได้ยินประกาสิตจากมาดามผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ “ไง สมใจเธอล่ะสิทีนี้ ยัยผู้หญิงสติไม่ดี” เขาเข้ามากระซิบว่าเธออีกครั้ง ขณะที่เธอเองก็อยากจะถามเขาไปว่า ‘ทำไมไม่เรียกฉันยัยบ้าไปเลยล่ะพ่อคุณ ผู้หญิงเสียสติกับคนบ้า มันก็พอๆ กันนั่นแหละ’ “ยังไงซะคุณกับฉันก็หมั้นกันอยู่แล้วนี่ ก็แค่ทำให้มันถูกต้อง แล้วก็ให้ผู้ใหญ่รับรู้เพิ่มขึ้นก็เท่านั้น คุณจะมาแขวะฉันให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก เล่นตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะพ่อคู้น” แต่ละประโยคที่มาจากปากเธอ ทำเอาเขาถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด “งั้นเรามาคุยกันเรื่องงานหมั้นดีกว่านะคะคุณนี พี่ว่างานนี้เราเปิดแถลงข่าว เชิญสื่อมวลชนมาให้หมดทุกสำนักเลยดีไหมคะ” มาดามเดียน่าเปลี่ยนสรรพนามตัวเอง เพื่อเพิ่มความสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากขึ้น ซึ่งคุณสุทินีเองก็ยินดี “เอ่อ! อย่าสิ้นเปลืองขนาดนั้นเลยค่ะคุณพี่ นีขอแค่งานภายในเล็กๆ รับรู้กันเฉพาะคนสนิทคุ้นเคยกันก็พอ” เป็นเพราะช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งท่านพยายามปิดเอาไว้ และที่ไม่ขัดขวางใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เพราะว่าอยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองมีคนคอยดูแล ซึ่งดูๆ ไปแล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลว และเขาคงปกป้องลูกสาวของท่านได้ “แต่ว่า” มาดามเดียน่าตั้งใจจะขัดขึ้นมาอีก เพราะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “คิดว่านีขอแล้วกันนะคะคุณพี่” สุทินีทำหน้าลำบากใจจนอีกฝ่ายต้องยอมพยักหน้าอือออ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ปิดเอาไว้แน่ๆ และคนอย่างมาดามเดียน่าต้องรู้ให้ได้ “ก็ได้ค่ะ เอาเป็นว่าเราจัดงานเล็กๆ ก็แล้วกันค่ะ เราสองคนล่ะว่ายังไง” มาดามเดียน่าหันไปถามความเห็นหนุ่มสาวด้วยใบหน้าเซ็งๆ เพราะมีบางอย่างที่ยังไม่ได้ดั่งใจ “แล้วงานหมั้นเล็กๆ ที่คุณสุทินีต้องการก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ด้วยความใจร้อนของมาดามเดียน่าอีกเช่นเคย และหลังจากนั้นไม่นานคู่หมั้นมือใหม่ก็แยกห่างกันคนละซีกโลก เมื่อเขาต้องกลับมาบริหารกิจการมากมายที่บ้านเกิดของตัวเอง ส่วนเธอก็ต้องกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัย หลายเดือนต่อมา “พ่อกับแม่จะส่งหยีไปเรียนต่อจริงๆ เหรอคะ” สุดที่รักถามด้วยความตื่นเต้น เมื่อจู่ๆ พ่อกับแม่ก็มาบอกข่าวดีเรื่องที่จะให้เธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่ที่ไหนไกลแต่เป็นสเปนบ้านเกิดคู่หมั้นสุดหล่อของเธอนั่นเอง “ไปเรียนเพิ่มเติมเฉยๆ จ๊ะ แม่เห็นว่าลูกชอบภาษา แม่ก็เลยอยากให้ลูกไปเรียนเพิ่มเติม มันเป็นคอร์สระยะสั้นๆ เท่านั้นเอง แล้วแม่ก็เห็นว่าที่นั่นมีมาดามเดียน่าอยู่ด้วย คงฝากฝังให้เขาช่วยดูแลลูกได้ อีกอย่างแม่รู้นะว่าลูกก็อยากจะเจอใครบางคนด้วยใช่ไหมจ๊ะ” คุณสุทินีแกล้งแซวเล่น แต่ก็ทำให้คนเป็นลูกเขินได้เหมือนกัน “แม่อ่ะ หยีเปล่าซะหน่อย” สุดที่รักปฏิเสธอย่างอายๆ “จ๊ะ เปล่าก็เปล่า แล้วตกลงเราจะไปรึเปล่าล่ะ” คนเป็นแม่ทำเสียงล้อเลียนอีก “ก็อยากไปหรอกค่ะ แต่หยีเป็นห่วงพ่อกับแม่ หยีว่าหยีอยู่ดูแลพ่อกับแม่ที่นี่ดีกว่า อีกอย่างหยีไปสมัครไว้ตั้งหลายที่ อีกเดี๋ยวเขาคงเรียกหยีไปสัมภาษณ์แล้วล่ะค่ะ” เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่างประเทศมันไม่ใช่น้อยๆ ถึงแม้มันจะเป็นคอร์สระยะสั้น แต่มันก็เยอะอยู่ดีในความคิดของเธอ ยิ่งตอนนี้พ่อของเธอได้ลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่แล้วด้วย ซึ่งเธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพราะงานนั่นก็สร้างรายได้ให้ครอบครัวของเธอไม่น้อย คิดว่าท่านคงอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ แม่ของเธอก็เป็นได้ ซึ่งมันก็เป็นการดีเหมือนกันในความคิดของเธอ “ไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น พ่อรู้ว่าลูกห่วงเรื่องอะไร แต่พ่อกับแม่ไม่เป็นไรจริงๆ อีกอย่างพ่อก็สมัครเรียนให้เราไว้เรียบร้อยแล้วด้วยนะ” เพราะรู้นิสัยลูกสาวเพียงคนเดียวดี คุณสุชาติจึงจัดการทุกอย่างเอาไว้เสร็จสรรพ “แต่” เธออึกอัก ทำหน้าลำบากใจไม่น้อย ใจหนึ่งก็อยากไป แต่อีกใจก็เป็นห่วงบุพการีทั้งสอง “ไปเถอะลูก แม่อยากมอบสิ่งดีๆ ให้ลูกบ้าง สิ่งที่พ่อกับแม่ทำให้ลูกได้ ก็คือพยายามส่งให้ลูกได้เรียน เพื่ออนาคตที่ดีของตัวลูกเองนะ” คุณสุทินีบอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ ใจจริงแล้วท่านไม่ได้อยากส่งลูกไปอย่างที่ปากว่าหรอก แต่มีเหตุจำเป็นให้ต้องทำอย่างนั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกสาวท่านจึงต้องทำ “แต่ที่พ่อกับแม่ให้หยีทุกวันนี้ มันก็ดีมากแล้วนะคะ หยีไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้เลยค่ะ” สุดที่รักเข้าไปกอดบุพการีทั้งสองไว้แน่น “จ๊ะ แม่รู้ แต่เชื่อแม่เถอะว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกในเวลานี้แล้วล่ะ” การส่งเธอไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เป็นสิ่งที่สุทินีคิดว่าดีที่สุดแล้ว เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะร้ายแรงขึ้นทุกวันแล้ว และมันก็ยากที่จะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอีก เพราะฉะนั้นทางเดียวก็คือ ต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวของทั้งสองไปให้ไกลที่สุดนั่นเอง อย่างน้อยทางนั้นก็สามารถปกป้องคุ้มครองเธอได้อย่างน่อน “แล้วหยีต้องเดินทางเมื่อไหร่คะแม่” สุดที่รักเงยหน้าขึ้นถาม “อีกสองวันจ๊ะ” คุณสุทินีพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างยิ่งยวด ด้วยไม่อยากให้ลูกสาวเห็น “ทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะคะ” สุดที่รักทำหน้าตกใจ เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว “พ่ออยากให้ลูกไปเตรียมความพร้อมก่อนสักวันสองวันน่ะจ๊ะ ให้ลูกได้ปรับตัวสักพักก่อนเรียน จะได้ไม่มีปัญหาอะไรทีหลัง” คุณสุชาติกุเรื่องขึ้นอีก เพราะความจริงอยากรีบส่งลูกไปให้เร็วที่สุดต่างหาก “ฮือๆๆ ไปอยู่ไกลๆ แบบนั้น หยีคงคิดถึงพ่อกับแม่มากๆ แน่เลย ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” เธอร้องกระซิกๆ ราวกับเด็กเล็กๆ ก็ไม่ปาน “ลูกโตแล้วนะ ยังมาร้องเป็นเด็กๆ อีก” คุณสุทินีถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ในขณะที่กอดปลอบลูกสาวไปด้วย “เอาล่ะๆ สองแม่ลูกเลิกเศร้ากันได้แล้ว ไปอยู่ไกลแบบนั้น ใช่ว่าจะติดต่อกันไม่ได้สักหน่อย เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ทันสมัยจะตาย มีมือถือเครื่องเดียวทำได้ตั้งสารพัด คิดถึงกันก็โทรหากันสิ จะแชทจะไลน์ก็ไม่มีใครว่า จริงไหมสองสาว” คุณสุชาติพยายามซ่อนความเศร้าของตัวเองเอาไว้ เพื่อปลอบลูกกับเมีย “อืม! เอาล่ะ แม่ว่าเราไปช่วยกันจัดกระเป๋าดีกว่า เผื่อมีอะไรขาดเหลือจะได้ไม่ฉุกละหุกทีหลัง ไป! เดี๋ยวแม่ช่วย” คุณสุทินีจับจูงลูกสาวตัวเองให้ขึ้นไปยังห้องชั้นบน เพื่อเป็นการเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะทำอะไรบางอย่างจนลูกสาวจับผิดได้ก็เป็นได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม