หลงรักพ่อเลี้ยง :: ตอนที่ 5
“ทำอะไรเหรอคะลุงโต ทำไมคนงานมาขุดดินตรงที่ดินแปลงข้างๆ เยอะจัง”
“อ๋อ พ่อเลี้ยงสั่งให้ขุดดินไว้ครับ จะเอาดอกทิวลิปกับดอกกุหลาบมาลงครับ”
“คะ? ดอกไม้เหรอคะ ไหนพ่อเลี้ยงบอกว่าจะทำอีกที่ไงคะ”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ คุณบัวต้องลองถามพ่อเลี้ยงดูนะครับ”
ฉันยกมือเกาศีรษะตัวเองขณะเดินออกจากบ้านมาในช่วงสายของวันก็เห็นคนงานนับสิบกำลังขุดดิน เพื่อทำแปลงดอกไม้เช่นทิวลิปกับกุหลาบเป็นต้น หลังจากกลับจากรีสอร์ทผ่านไปสามวันช่วงนี้พ่อเลี้ยงยุ่งมากเรื่องรีสอร์ทกับที่ดินสำหรับทำดอกไม้เมืองหนาวที่เริ่มจัดการหน้าดินให้เสมอกัน ที่ดินที่พ่อเลี้ยงพาไปดูวันนั้นคือสวยมากจริงๆ นะ เหมาะแก่การทำดอกไม้เมืองหนาวจริงนั่นแหละ ส่วนฉันก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องคนงานตัดองุ่นเช็กความเรียบร้อยและดูแลเรื่องการแปรรูปองุ่นด้วย พ่อเลี้ยงคุยกับลุงโตเรื่องนมองุ่นที่ฉันแนะนำไป ลุงโตบอกว่าความคิดดีมากก็เลยสั่งให้ลองจัดทำแจกจ่ายก่อนเพื่อดูเชิง ถ้าผลตอบรับดีก็จะส่งออกไปตามร้านค้ากับรีสอร์ทเหมือนกัน
“คุณบัวครับ อันนี้เป็นรายชื่อของคนงานที่ขอเบิกเงินล่วงหน้าครับ”
“คะ? ทำไมไม่แจ้งพ่อเลี้ยงคะ บัวไม่มีหน้าที่ทำเรื่องเงินของคนงานนะคะ”
“งั้นผมฝากคุณบัวให้พ่อเลี้ยงทีนะครับ” ฉันรับเอกสารรายชื่อคนงานที่ขอเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อไปใช้ส่วนตัวและพอถึงสิ้นเดือนจ่ายเงินเดือนก็ค่อยหัก พ่อเลี้ยงให้เงินคนงานในไร่ดีมากและมีสวัสดิการทุกอย่าง รวมไปถึงโรงอาหารก็กินฟรี ตรวจสุขภาพหรือแม้แต่โบนัสต่างๆ แบบนี้ไงคนถึงได้รักพ่อเลี้ยงสิงหามากซะจนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเรื่องโดนแม่ฉันทิ้งไปกับชู้ “อ้าว พ่อเลี้ยงมาพอดีเลยครับ”
กำลังจะหมุนตัวเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมตัวไปดูงานในไร่ต่อ เพราะฉันกลับมาพักเที่ยงที่บ้าน เห็นรถกระบะของพ่อเลี้ยงและฝุ่นที่ฟุ้งตลบก่อนที่รถจะจอดหน้าบ้าน ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีซีดลงจากรถพลางถอดหมวกออกหันมามองฉันที่ฉีกยิ้มกว้างให้กับเขา
“เหนื่อยไหมคะ?”
“นิดหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวบัวไปเอาน้ำใบเตยมาให้นะคะ บัวทำไว้หม้อใหญ่เลี้ยงคนงานด้วยค่ะ”
“อืม”
“ลุงโตรับไหมคะ?”
“ขอบคุณครับคุณบัว” ฉันวางใบรายชื่อและเอาสมุดที่จดรายงานส่งให้พ่อเลี้ยงทุกเย็นทับ วิ่งตรงเข้าไปในครัวตักน้ำใบเตยลงแก้วที่มีน้ำแข็งก้อนที่ทำเองสองแก้วยกไปให้พ่อเลี้ยงกับลุงโต พ่อเลี้ยงยืนเท้าเอวหนึ่งข้างและชี้นิ้วไปยังคนงานที่กำลังขุดดินทำแปลงดอกไม้กันอยู่ ฉันยื่นแก้วน้ำใบเตยให้กับพ่อเลี้ยงกับลุงโตที่รับไปดื่มเพื่อแก้กระหาย
“พ่อเลี้ยงคะ ลุงโตเอารายชื่อคนงานที่ขอเบิกเงินล่วงหน้ามาให้ค่ะ” ยื่นใบรายชื่อคนงานให้พ่อเลี้ยงที่รับไปดูเมื่อกี้ฉันเห็นคร่าวๆ ประมาณยี่สิบกว่าคนได้ “บัวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ เดี๋ยวคืนนี้บัวจะสรุปงานรายวันมาให้ค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนบัว”
“คะ?” ฉันหยิบสมุดจดรายงานรวบไว้กำลังจะเดินไปดูคนงานที่ไร่ ต้องหันไปสบตากับพ่อเลี้ยงที่เอื้อมมือมาประคองแก้มฉันพลางใช้ปลายนิ้วโป้งลูบไล้แก้มเบาๆ จากนั้นก็เอาหมวกของตัวเองสวมใส่ให้ฉัน
“ทำงานกลางแจ้ง ต่อให้แดดไม่ออกก็อย่าลืมใส่หมวกด้วย แก้มแดงหมดแล้ว”
“บะ บัวจะไม่ลืมค่ะ”
ส่งยิ้มหวานให้กับเขาพลางหมุนตัวกระชับหมวกที่พ่อเลี้ยงสวมใส่ให้ ยิ้มออกมาแก้มแทบจะปริแตก ฉันก็ทำงานในส่วนของตัวเองเช่นเคย เก็บเกี่ยวชุดนี้เสร็จก็คงจะต้องรออีกสักพักว่าองุ่นจะโต ดีหน่อยนะที่พ่อเลี้ยงมีกิจการอื่นควบคู่ไปด้วยเช่นไวน์กับแปรรูปองุ่นที่คัดแล้วมาแปรรูปเป็นอย่างอื่นไว้ขายได้จนกว่าองุ่นใหม่จะเติบโต ฉันยืนคุยกับคนงานสักพักก็หันไปเห็นว่ารถของพ่อเลี้ยงขับออกไปจากไร่อีกรอบ ช่วงนี้เขายุ่งๆ กับการจัดเรื่องที่ดินปลูกดอกไม้เมืองหนาว ดังนั้นสิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือการช่วยแบ่งเบางานให้เขาทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
“คุณบัวคะ พ่อเลี้ยงรับเรื่องเบิกเงินล่วงหน้าของพวกเราหรือยังคะ?”
“บัวบอกพ่อเลี้ยงให้แล้วนะคะ เดี๋ยวยังไงบัวจะถามพ่อเลี้ยงอีกทีนะคะ” ฉันบอกคนงานวัยกลางคนหนึ่งกลุ่มที่มาถามเรื่องเบิกเงินล่วงหน้าเนื่องจากบางคนจำเป็นต้องใช้ในวันหยุดพรุ่งนี้ “ช่วงนี้พ่อเลี้ยงยุ่งมากๆ เลยค่ะ รอหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรารู้ว่าพ่อเลี้ยงงานเยอะ พวกเรารอได้ค่ะ”
“แต่ก็ดีนะครับที่คุณบัวช่วยงานพ่อเลี้ยง ไม่งั้นพ่อเลี้ยงวิ่งหลายทางแน่ๆ จริงไหมพวกเรา” อย่างน้อยก็มีคนงานที่ไม่ได้รังเกียจฉันเรื่องที่แม่ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ อีกส่วนก็มีไม่ชอบหน้าฉันบ้างอย่างเช่นกลุ่มคนงานที่ชอบแซะฉันอยู่เสมอ พอชาญไม่อยู่เป็นหัวในการกดขี่ข่มเหงจิตใจฉัน พวกเขาก็พยายามพูดจาไม่ดีใส่ฉันก็ไม่ได้คิดจะสนใจหรอกนะ อย่างที่บอกต้องการทำงานให้กับพ่อเลี้ยงไม่ได้มาฟังเสียงนินทาของใครจนมันเข้ามาบั่นทอน
“คงไม่ได้คิดจะมาเป็นนายหญิงคนใหม่ของไร่สิงหาหรอกนะ”
“นี่แกพูดอะไรน่ะนังเจี๊ยบ”
“หรือไม่จริงป้า? คนเรานะแม่หนีตามชู้ไป แทนที่จะไสหัวไปจากไร่กลับยังอยู่ที่นี่ แถมยังเสนอหน้าช่วยงานพ่อเลี้ยงทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ให้คิดว่าจะจับพ่อเลี้ยงจะให้คิดแบบไหน”
“แกจะบ้าหรือไง คุณบัวอายุสิบเก้า พ่อเลี้ยงสามสิบเก้า ห่างกันยี่สิบปีนะ”
“แค่อายุห่างกันใช่ว่าจะอ่อยไม่ได้นี่นา พ่อเลี้ยงยังหล่อ ยังหนุ่มแถมรวยมากๆ ป้าคิดว่าผู้หญิงที่ไหนจะกล้าปล่อยให้หลุดมือ เห็นหน้าใสๆ ใจจริงอาจจะคิดอะไรกับพ่อเลี้ยงมากกว่านั้นก็ได้ ใครจะรู้”
“บัวไม่เคยคิดสกปรกกับพ่อเลี้ยงแบบที่พี่เจี๊ยบกำลังเข้าใจบัวผิดนะคะ”
“ตอนนี้ไม่ อีกไม่นานก็ไม่แน่”
“...”
“เล่นมาทำตัวเป็นนายหญิงของไร่ขนาดนี้ ไม่ให้ฉันคิดแบบนั้นได้ไง!” พี่เจี๊ยบคนงานที่ชอบพ่อเลี้ยงมานานตวาดใส่ฉันที่หลับตาลงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ลูกก็ไม่ต่างอะไรกับแม่หรอกมั้ง นี่คือคิดจะเอาพ่อเลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูกเลย?”
“พูดจาน่าเกลียดนะนังเจี๊ยบ พ่อเลี้ยงเขาเอ็นดูคุณบัว ไม่มีทางที่พ่อเลี้ยงจะคิดอะไรกับคุณบัวแบบนั้นแน่”
“หึ หญิงชายอยู่ใกล้ชิดกัน ลูกก็ไม่ใช่ ญาติยิ่งไม่ใช่ บางทีที่คุณหนูบัวกำลังทำอยู่คงจะบอกสินะว่าฉันกำลังจะกลายเป็นนายหญิงคนใหม่แทนแม่ของฉัน”
“บัวไม่เคยคิด”
“แย่งผัวแม่ได้ เหลือเชื่อ”
“นังเจี๊ยบ! พ่อเลี้ยงกับคุณเบญเลิกกันไปแล้ว แกจะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไม” ฉันได้ฟังก็กำสมุดที่จดรายงานไว้แน่นจนแทบจะแหลกคามือด้วยซ้ำถ้าแรงของฉันมีมากพอ
“เหอะ ฉันไปทำงานก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะโดนว่าที่นายหญิงคนใหม่ไล่ออก”
“อีเจี๊ยบ อีเวรตะไล เอ่อคุณบัวคะ อย่าไปฟังมันเลยนะคะ มันก็บ้าแบบนี้ล่ะค่ะ” ป้าศรีภรรยาของลุงโตเดินมาจับมือฉันไปกุมไว้ ป้าแกทำงานในฟาร์มวัวนมและก็คอยดูแลทำอาหารซักผ้า ดูแลบ้านให้กับพ่อเลี้ยง แม่และฉันตอนที่เรายังอยู่กันสามคน แต่ตอนนี้ป้าศรีไม่ได้ไปที่บ้านเลยเพราะฉันอาสาทำเองทั้งหมดแต่ก็มีไปช่วยบ้างเพราะหน้าที่
“มันบ้าเพราะพ่อเลี้ยงไม่สนใจมันไง”
“จะไปสนใจมันได้ยังไง ตอนที่พ่อเลี้ยงพาคุณเบญมาอยู่ที่ไร่มันก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง พอคุณเบญไปคิดว่าจะงาบพ่อเลี้ยงได้ แต่คุณบัวดันอยู่เลยเป็นก้างของมันล่ะมั้งเลยพูดจาหมาไม่แดกแบบนี้น่ะ” คนงานผู้ชายสองคนก่นด่าพี่เจี๊ยบกับพวกอีกสามสี่คนเดินไปตัดองุ่นอีกล็อกเดียวก็เสร็จแล้ว ส่วนคนงานคนอื่นก็นั่งพักผ่อนกันใต้ร่มไม้และดื่มน้ำใบเตยที่ฉันทำมาให้ด้วย แก้กระหายและทำให้สดชื่นหลังจากทนตัดองุ่นกันมาทั้งวัน “คุณบัวไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าเกิดคุณบัวเป็นนายหญิงไร่สิงหาจริงๆ พวกผมก็ยินดีนะครับ เพราะคุณบัวทำแต่ของอร่อยๆ มาให้พวกเรากิน โอ๊ย! ป้าศรี เจ็บนะ”
“พูดจาอะไรระวังปากเลยไอ้มา พ่อเลี้ยงมาได้ยินเข้าแกโดนยิงกบาลแน่” ป้าศรีตบปากคนงานที่เอามือลูบปากตัวเองราวกับเจ็บจริงจังที่โดนตบ “อย่าเก็บคำพูดหมาๆ ไปคิดเลยนะคะคุณบัว”
“บัวไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจบัวเรื่องแม่”
“เรื่องคุณเบญก็ส่วนคุณเบญค่ะ พวกเราแยกแยะออกว่าคุณบัวไม่ได้ผิดอะไร”
ฉันส่งยิ้มให้กับป้าศรีและอยู่ดูแลคนงานจนถึงเวลาเลิกงานห้าโมงเย็น ฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นก็เสร็จเรียบร้อยที่เหลือตรงนี้ก็คงต้องรอคำสั่งจากพ่อเลี้ยงอีกทีว่าจะให้ฉันทำอะไรต่อ หากแต่ว่าพอกลับมาถึงบ้านฉันก็ทำอาหารรอพ่อเลี้ยงพลางนั่งบนพื้นพรมเอนหลังพิงโซฟาและครุ่นคิดเรื่องคำพูดของพี่เจี๊ยบวันนี้
ไม่ใช่แค่ทุกคนรังเกียจฉันเรื่องแม่ แต่ทุกคนมีความคิดที่ว่า... ฉันกับพ่อเลี้ยงกำลังมีความสัมพันธ์เชิงนั้น ทั้งที่มันไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนคิด หากแต่ว่าความคิดคนก็เหมือนปากที่มีก็พูดได้หมด สมองมีก็อาจจะคิดไปเรื่อยเช่นกัน ฉันไม่ชอบเลยสักนิดที่บางคนมองว่าฉันกำลังจะมาเป็นนายหญิงของไร่สิงหาทั้งที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ ทั้งพ่อเลี้ยงและฉันเราสองคนต่างอยู่ในสถานะไหนเราสองคนรู้ตัวดี ฉันเองก็เช่นกันอาศัยอยู่กับเขาได้ก็เพราะเขาอาสาดูแลเลี้ยงดู ไม่อย่างนั้นก็คงจะระหกระเหินกลายเป็นนกไร้ต้นไม้ที่เกาะทำรัง อีกอย่างต่อให้ความรู้สึกของฉันมันค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดก็ใช่ว่าจะรู้สึกแบบนั้นกับพ่อเลี้ยงได้นะ ด้วยสถานะ ด้วยอายุและสายตาของคนที่มองมาอีก
ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งผัวของแม่ ทั้งที่รู้ว่าพ่อเลี้ยงกับแม่เลิกรากันไปเรียบร้อย พยายามที่จะไม่คิดตามคำพูดของคนพวกนั้น มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าฉันเป็นแบบที่พวกเขาพูดหรือเปล่า? ฉันกำลังทำอะไรที่มันเกินหน้าที่ที่ควรทำจริงไหมนะ ฉันกำลังทำตัวเป็นนายหญิงของทุกคน เผลอทำไปแบบไม่รู้ตัวบ้างอะไรบ้างทำนองนี้ ถอนหายใจพลางเขียนรายงานเรียบร้อยเพื่อส่งให้พ่อเลี้ยงอ่าน หากแต่ว่าพอมองนาฬิกาเรือนใหญ่ก็พบว่าตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วพ่อเลี้ยงยังไม่กลับอีกเหรอ ฉันจึงนั่งรอพ่อเลี้ยงโดยเปิดทีวีค้างไว้แบบนั้น ในหัวก็คิดเรื่องนี้ไม่ตกเลยแหะ
“บ้าจริงบัว หรือเธอจะเผลอแสดงออกแบบนั้นจริงๆ นะ” ยกมือกุมศีรษะตัวเองยีจนยุ่งเหยิง เอาหน้าผากโขกกับโต๊ะกระจกจนเจ็บและเหนื่อยไปเอง
“กลับมาแล้ว”
“พ่อเลี้ยง” ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนมองร่างสูงที่ถอดรองเท้าหนังออกและเดินมาหาฉันพลางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “ทานข้าวเลยไหมคะ บัวจะได้ไปจัดโต๊ะให้”
“ไม่เป็นไร ฉันกินกับคุณดามาแล้วล่ะ”
“อ้าว เหรอคะ”
“ลืมบอกไป เธอกินหรือยัง?” ดีนะที่กินแล้วเลยพยักหน้ารับส่งสมุดรายงานให้กับพ่อเลี้ยงดู
“ไปไหนกับคุณดามาเหรอคะ”
“คุยเรื่องดอกไม้เมืองหนาวน่ะ ปรับหน้าดินเรียบร้อยก็น่าจะได้ลงดอกไม้เร็วๆ นี้” พ่อเลี้ยงเปิดสมุดรายงานและอ่านรายละเอียดของงานวันนี้ที่ฉันเขียนแบบละเอียดยิบ
“คนงานที่ขอเบิกเงินล่วงหน้า พ่อเลี้ยงพอมีเวลาให้พวกเขาเบิกหรือยังคะ”
“จริงด้วย งั้นเธอจัดการให้ทีนะ”
“คะ? ให้บัวจัดการเหรอคะ ไม่ดีมั้งคะเรื่องเงินบัวไม่อยากยุ่ง”
“ทำไมล่ะ ไหนบอกว่าฉันให้ทำอะไรก็จะทำตามทุกอย่าง” ก็ถ้าไม่ได้ยินความคิดของคนงานในไร่ก็จะไม่ปฏิเสธหรอกนะ ยิ่งมีเรื่องเงินเข้ามาด้วยจะไม่ถูกมองว่าต้องการเป็นนายหญิงของไร่สิงหาจริงๆ เหรอ “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าบัว”
“ไม่มีค่ะ”
“โกหก นั่งลง” พ่อเลี้ยงจับข้อมือฉันและกระตุกให้ทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา “บอกมา”
“บัวไม่อยากเอาปัญหาที่ไร้สาระมาบอกพ่อเลี้ยง”
“...”
“แค่พ่อเลี้ยงคิดเรื่องงานก็หนักพออยู่แล้ว ช่างมันเถอะค่ะ บัวจัดการให้พ่อเลี้ยงก็ได้” แค่ปัญหาเรื่องงานของเขาก็หนักหนาแล้วยังจะมารู้เรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแบบนี้ สมองแตกกันพอดี “จะให้บัวจัดการยังไง บอกมาได้เลยค่ะ”
“ใครพูดอะไรไม่ดีใส่อีกสินะ” รู้ดีชะมัด “คราวนี้เป็นเรื่องของเบญ เรื่องที่ฉันจะเฉดหัวเธอทิ้ง มีเรื่องอะไรอีกที่คนพวกนั้นพูดใส่ร้ายเธอน่ะ”
“บัวเหนื่อย บัวขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
หมับ
“บัว” พ่อเลี้ยงคว้าข้อมือฉันไว้ ส่งผลให้คำพูดของพี่เจี๊ยบแล่นเข้ามาในหัวเผลอบิดข้อมือออกจากการกอบกุม ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำกิริยาแบบนี้กับเขา “ต้องให้ฉันไปคาดคั้นคนงานเองใช่ไหม”
“พ่อเลี้ยงอย่ากดดันบัวได้ไหมคะ?”
“งั้นก็บอกสิ”
[50%]
*------------------------------------------------------*