หลงรักพ่อเลี้ยง :: CHAPTER 2 [100%]

1731 คำ
เราสองคนลงจากรถกระบะฉันก็มองร่างสูงที่เปิดประตูเข้าไปในร้านดอกไม้ จึงกำเงินที่พ่อเลี้ยงให้มาเดินไปตามย่านการค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าใส่สักตัวสองตัว แน่นอนว่าฉันก็ซื้อเสื้อเชิ้ตกับเสื้อยืดซะส่วนใหญ่ ส่วนกางเกงก็ได้กางเกงยีนส์มาหนึ่งตัวกับขาสั้นที่ใส่สบายๆ ฉันมองถุงเท้าที่วางเรียงกัน ตอนที่ดูถุงเท้าของพ่อเลี้ยงดูเหมือนจะเก่าแล้วเหมือนกันนะ ตอนแม่อยู่ก็ไม่ได้สนใจจะซื้อให้เขาขนาดตอนนั้นฉันถามว่าทำไมแม่ไม่ซื้อไปให้พ่อเลี้ยง แม่กลับบอกว่า ‘เขามีปัญญามาซื้อเองได้’ แต่เขาทำงานทุกวันไง ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น ฉันจึงหยิบถุงเท้าขึ้นมาทั้งหมดสามคู่สีดำและจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ซื้อชานมไข่มุกมาดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยกระทั่งเดินผ่านร้านขายเครื่องสำอาง “บัว! ตายจริง นี่ป้าคิดว่าหนูโดนพ่อเลี้ยงเฉดหัวไปแล้วนะเนี่ย” “ป้านิด” “เบญมันติดต่อมาบ้างหรือเปล่า? ทำไมถึงได้ทำแบบนี้นะ พ่อเลี้ยงสิงก็ออกจะดี รวยก็รวยแถมหล่ออีกต่างหาก มันยังทิ้งเขาไปได้นะ ป้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย” ฉันยืนตัวลีบมองคนที่เดินผ่านไปมามองฉันพลางซุบซิบนินทากันด้วย เพราะชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงโด่งดังมีแต่คนรักเขา ดังนั้นเรื่องฉาวที่แม่ฉันทำก็คงจะถูกป่าวประกาศไปทั่ว “นี่หนูยังอยู่กับพ่อเลี้ยงอยู่เหรอ” “ค่ะ” “พ่อเลี้ยงสิงนี่ใจดีเนาะ ขนาดเบญมันทำเอาไว้ซะเจ็บแสบก็ยังเลี้ยงดูลูกเมียเก่า” ป้านิดสนิทกับแม่มากเลยล่ะ ถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวไง แต่ทำไมต้องมาแดกดันฉันด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ “ตอบแทนพ่อเลี้ยงเขาให้ดีล่ะ อย่าไปทำเหมือนกับเบญมัน” “บัวไม่เคยคิดจะทำแบบที่แม่ทำกับพ่อเลี้ยงแน่ค่ะ” “แหม ป้าก็แค่หวังดีคิดว่าหนูโดนเฉดหัวไปแล้ว แต่เห็นแบบนี้ก็สบายใจหน่อย” เหรอ ฉันอยากจะถามออกไปแบบนี้ แต่ก็เชื่อคำของพ่อเลี้ยงว่าคนเรามีปากก็พูดไปเรื่อย ฉันเดินข้ามถนนมาฝั่งที่มีร้านดอกไม้ พลางหันไปมองป้านิดที่เอ่ยปากเม้าท์กับคนแถวนั้นคงจะใส่สีตีไข่สนุกเลยสินะ ไม่ได้สนใจคนพวกนั้นฉันก็เอาของไปวางไว้ท้ายกระบะ จากนั้นก็เปิดประตูกระจกเข้าไปภายในร้านมีดอกไม้นานาชนิดให้ได้เชยชม จนฉันเผลอยิ้มออกมาขณะดอมดมดอกกุหลาบขาวและได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาจากหลังร้านพ่อเลี้ยงคงคุยงานอยู่สินะ “แล้วพ่อเลี้ยงก็ดูแลลูกของเบญเหรอคะ?” ฉันขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินบทสนทนาแบบไม่ได้ตั้งใจ “เบญทำกับพ่อเลี้ยงขนาดนี้ ดาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อเลี้ยงจะไม่โกรธ” “โกรธสิครับ แต่ทำยังไงได้ผมคงไปตามบีบคอเบญหรือฆ่าเธอไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อเธอหมดรักผมก็แค่จบ อีกอย่างขอแค่อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเป็นพอ” “ลูกสาวของเบญล่ะคะ?” “บัวเป็นเด็กดีครับ อ่อนน้อมแล้วก็ถ่อมตน ผมเลี้ยงดูเธอได้ครับส่งเสียให้เรียนแล้วก็หางานดีๆ ให้ทำได้” “ก็ดีนะคะ” “อีกอย่างผมสงสารบัวด้วย เธอไม่เหลือใครแล้ว แม่ก็หนีหายไปอีก” คำว่าสงสารจากปากของพ่อเลี้ยงทำให้ฉันถึงกับไปไม่เป็น เดี๋ยวนะบัว... มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ มีเหตุผลอะไรนอกจากนั้นที่พ่อเลี้ยงไม่อยากให้ฉันไป เพียงเพราะเขาสงสารฉันคนนี้ที่ไร้ที่พึ่งพิงต่างหาก “แถมโดนคนงานในไร่นินทาเรื่องแม่เธอต่างๆ นาๆ ไปทางไหนก็มีคนรู้เรื่องนี้ ผมก็พยายามบอกเธอนะครับว่าอย่าไปฟังเสียงพวกนั้นเลย” “ใช่ค่ะ เธอยังเด็กและที่สำคัญยังไม่มีเกราะปกป้องเรื่องแบบนี้ด้วย” ฉันแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงเจ้าของร้านดอกไม้คนนี้เป็นอะไรกับพ่อเลี้ยงกันแน่ จะแค่คนรู้จักที่มาคุยเรื่องดอกไม้เมืองหนาวหรือมากกว่านั้นหรือเปล่า? แต่ฉันจะไปห้ามอะไรเขาได้ล่ะ ในเมื่อพ่อเลี้ยงจะมีเมียใหม่ก็ไม่เป็นแปลกตรงไหน ทว่าฉันแค่กลัวต่างหาก กลัวว่าถ้าพ่อเลี้ยงมีเมียแล้วฉัน... จะไปอยู่ตรงไหน หรือจะโดนเขาเฉดหัวจริงๆ อย่างที่ทุกคนพูดกรอกหูให้ฟังทุกวัน “เรื่องดอกไม้พ่อเลี้ยงลองศึกษาตามนี้นะคะ” “ยังไงถ้าผมจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย รบกวนคุณดาด้วยนะครับ” “ยินดีเลยค่ะ ขอแค่พ่อเลี้ยงบอกมา ดาพร้อมช่วยค่ะ” “ขอบคุณครับ” ดูเหมือนว่าบทสนทนาจะจบลงแล้วสินะ ฉันจึงเดินออกจากร้านยืนรออยู่ข้างนอกราวกับไม่ได้เข้าไปในร้านและได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน “ซื้อของเสร็จแล้วเหรอ?” “ค่ะ” หันไปฉีกยิ้มให้กับพ่อเลี้ยงและยกมือไหว้หญิงสาวที่ชื่อว่าดา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ สวยแบบอ่อนหวานเหมือนกับดอกไม้ที่เธอทำเลย “นี่คุณดา เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ที่ฉันมาปรึกษาเรื่องทำดอกไม้เมืองหนาว” “สวัสดีค่ะคุณดา” “น่ารักมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยปากชมฉันที่ค้อมศีรษะเป็นการตอบรับคำชม “ทำอาหารก็เก่งด้วย” “คะ?” “ก็วันที่พ่อเลี้ยงไปดูที่กับฉัน พ่อเลี้ยงแบ่งข้าวกล่องที่บัวทำให้ฉันกินด้วย อร่อยมากเลยค่ะ” ฉันได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เธอ งั้นหรอกเหรอ ข้าวกล่องที่ฉันพ่อเลี้ยงแบ่งให้เธอกินด้วยสินะ “ไว้จะไปฝากท้องที่บ้านบ้างนะคะ” “ยินดีต้อนรับเลยครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่ำลาด้วยการยกมือไหว้คุณดาฉันก็ขึ้นรถมากับพ่อเลี้ยงที่ขับรถออกจากย่านการค้า ระหว่างนั้นฉันก็เอนศีรษะพิงกับกระจกมองออกไปข้างทางพลางรู้สึกหนึบๆ ในหัวใจยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่าฉันเสียใจนิดหน่อยที่พ่อเลี้ยงดูแลฉันเพราะสงสาร ซึ่งตรงนี้ก็พอจะเข้าใจว่าฉันไม่เหลือใคร แต่ที่น้อยใจคือข้าวกล่องที่ฉันทำให้เขาทำไมต้องแบ่งให้คุณดากินด้วยก็ไม่รู้ ฉันงี่เง่าเกินไปหรือเปล่านะ ไม่สิบัว... เธอจะมางี่เง่ากับพ่อเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาแสนดีกับเธอขนาดนี้จะทำตัวงอแงเป็นเด็กไม่รู้จักโตได้ยังไงกัน ทำยังกับว่างอแงใส่แล้วเขาจะสนใจ เป็นแค่คนอาศัยไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้นนะ “เป็นอะไร เงียบมาตลอดทางเลย” “เปล่าค่ะ” “หรือเจอใครที่พูดจาไม่ดีใส่อีก” ยังกับรู้เลยนะว่าเวลาฉันเงียบ คือฉันต้องเจอเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับแม่แล้วก็จริง “ต่อไปบัวไม่เข้าเมืองกับพ่อเลี้ยงแล้วนะคะ” “ใครพูดไหนบอกฉันสิ” รถกระบะเลี้ยวเข้ามาตามทางและจอดรถที่หน้าบ้านซึ่งเวลานี้คนงานกำลังทำงานกันอยู่ ฉันปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก “ว่าไง” “บัวไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้แล้วค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูรถออกมาเดินไปท้ายกระบะหยิบถุงเสื้อผ้ามาถือไว้พลางเดินเข้าบ้านและตรงเข้าห้องนอนที่อยู่ตรงด้านหลังบันได แต่ใช่ว่าจะอยู่ห้องใต้บันไดนะแค่อยู่ด้านหลัง ห้องก็กว้างขวางแถมเห็นวิวภูเขาอีกฝั่งชัดมากด้วย ฉันกำลังจะปิดประตูหากแต่ว่าพ่อเลี้ยงก็ดันมือไว้ “บัวขออยู่คนเดียวได้ไหมคะ?” “บอกแล้วไง มีอะไรให้บอก” “บอกไปก็เท่านั้น พ่อเลี้ยงห้ามคนไม่ให้พูดเรื่องแม่ไม่ได้หรอกค่ะ” “แค่เรื่องเบญหรือมีเรื่องอื่นด้วย?” ราวกับพ่อเลี้ยงรู้ทันว่าที่ฉันเป็นแบบนี้มันมากกว่าเรื่องของแม่ “บัว” “บัวแค่กลัว” ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้สินะ พ่อเลี้ยงดันประตูและเดินเข้ามาพลางปิดประตูลง ฉันถอยหลังหนีเขามานั่งบนปลายเตียงพลางมองไปยังวิวข้างเตียงที่เปิดผ้าม่านรับแสงอาทิตย์เข้ามาในห้อง “กลัวอะไรหืม?” เขาถามพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ปลายเตียงและเอื้อมมือมาลูบแก้มฉัน “ทุกคนพูดว่าพ่อเลี้ยงจะเฉดหัวบัวออกจากไร่” “เฮ้อ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน” “ก็ไม่แน่นะคะ บัวไม่ใช่ลูกของพ่อเลี้ยง ญาติก็ไม่ใช่ สักวันถ้าพ่อเลี้ยงแต่งงานมีครอบครัว บัวอาจจะโดนเฉดหัวจริงๆ ก็ได้ บัวถึงได้กลัวไงคะถ้าจะต้องไปจากที่นี่ ขอให้บัวได้ไปเองได้ไหมคะ?” “เธอจะต้องไม่ไป ไหนสัญญาแล้วว่าจะไม่หนีฉัน” “บัว...” พ่อเลี้ยงถอนหายใจพลางจับมือฉันบีบเบาๆ “ถึงวันนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้คือตอนนี้ โฟกัสแค่ปัจจุบัน ปัจจุบันคือฉันยังไม่ได้แต่งงาน มีครอบครัว” “แต่ผู้หญิงหลายคนเข้าหาพ่อเลี้ยง” “แล้วไง ฉันไม่สนซะอย่างพวกเขาจะทำอะไรฉันได้” ฉันเม้มริมฝีปากตัวเองพลางสบตากับคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มที่ละมุนละไมมาให้ “เลิกเอาคำพูดของคนอื่นมาตัดสินใจแทนฉันได้แล้ว” “บัวขอโทษค่ะ” “เธออยู่กับฉันนะบัว เธอต้องฟังฉันสิไม่ใช่ฟังคนอื่นแล้วคิดไปเองว่าฉันจะเฉดหัวแล้วทิ้งเธอไป” พ่อเลี้ยงช้อนปลายคางฉันขึ้นให้สบตากับเขาอีกครั้ง “ทีนี้ก็เลิกกลัว ไปเดินดูไร่กัน” “ไปทำไมเหรอคะ?” “จะพาไปเรียนรู้งานไง เธอคงไม่อยากนั่งๆ นอนๆ หรอกใช่ไหมช่วงที่ปิดเทอม” “ให้บัวไปตัดองุ่นก็ได้นะคะ” “ไม่ ตอนนั้นลุงโตบอกว่าเธอตัดองุ่นแทบจะไม่พักถ้าฉันไม่สั่ง” ขี้ฟ้องซะจริงนะลุงโตหัวหน้างาน! *-----------------------------------------*
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม