หลังจากแยกย้ายกันไปฉันก็เอาจานมาล้างเรียบร้อยก็เข้าห้องมาอาบน้ำชำระร่างกาย เสร็จก็มัดผมสีดำเป็นมวยไว้กลางศีรษะสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มสีเทาออกจากห้องตรงเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อชงชามะลิไปให้พ่อเลี้ยงที่ตอนนี้คงจะกำลังทำงานอยู่แน่ๆ เมื่อได้ชาฉันก็เทลงแก้วเซรามิคสีขาวเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องทำงานของเขา เคาะประตูเพื่อให้เขารู้จึงเปิดประตูเข้าไปเห็นร่างสูงกำลังนั่งตวัดขาไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟา นุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอวท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์เรือนร่างที่แกร่งกำยำและรอยสักแขนขวา บนโต๊ะกระจกมีเอกสารมากมายกระจัดกระจายอยู่ ฉันจึงนั่งลงคุกเข่าบนพื้นพรมดันเอกสารเพื่อวางแก้วเซรามิค
“บัวชงชามะลิมาให้ค่ะ”
“ขอบใจ” เขากระตุกยิ้มมุมปากฉันก็หยิบเอกสารมารวบรวบวางให้เป็นระเบียบบนโต๊ะกระจก ก่อนจะเอี้ยวหน้ามองรูปดอกไม้หลากหลายชนิด “หยิบไปดูได้”
“ค่ะ” พอเขาอนุญาตฉันก็หยิบรูปดอกไม้ที่เขียนใต้ภาพว่าเป็นดอกอะไรบ้าง พอดูก็มีดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้นเลย ก่อนจะมาหยุดตรงดอกบัวดินที่ดอกสวยงามคล้ายดอกลิลลี่ “สวยจัง”
ฉันอมยิ้มออกมาขณะมองรูปดอกไม้ที่สวยงาม พลางวางรูปลงบนโต๊ะเงยหน้าสบตากับพ่อเลี้ยงที่มองฉันอยู่ก่อนแล้ว เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู นอกจากสายตาและรอยยิ้มของเขาก็ทำให้ฉันเม้มริมฝีปากตัวเองพลางหลุบสายตามองรูปดอกไม้ทั้งที่ดูครบหมดแล้ว
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปตัดองุ่นไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ งั้นบัวไปนอนก่อนนะคะ” ฉันบอกพ่อเลี้ยงพลางรีบกุลีกุจอลุกขึ้น หากแต่ว่าด้วยความซุ่มซ่ามและรีบร้อนทำให้เท้าของฉันลื่นพื้นพรมจนตั้งหลักไม่ได้ “ว้าย!”
ตุ้บ
ในที่สุดฉันก็เซล้มลงไปนั่งฟุบบนตักแกร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันทำอะไรไม่ถูกสบเข้ากับดวงตาคมที่หลุบสายตามองมาพร้อมท่อนแขนที่โอบร่างฉันไว้ ใบหน้าร้อนผะผ่าวเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รดรินบนกลีบปากมีกลิ่นของชามะลิและบุหรี่ปะปนกันมั่วไปหมด ท่อนแขนของฉันที่โอบกอดลำคอแกร่งค่อยๆ คลายออกวางบนแผงอกแกร่งที่ผิวเนื้อของพ่อเลี้ยงอุ่นร้อนเหมือนกับหน้าของฉันในตอนนี้
“บัวขอโทษค่ะ”
“ทีหลังทำอะไรก็ระวังด้วย”
“ค่ะๆ” ฉันลุกขึ้นจากตักแกร่งหันไปมองพ่อเลี้ยงพลางค้อมศีรษะให้เขาอีกครั้งและรีบวิ่งออกจากห้องทำงาน ปิดประตูพลางเอนหลังพิงยกมือทาบทับตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นถี่รัว ทำไมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ล่ะบัว...
ช่วงเช้ามืดฉันตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้กับพ่อเลี้ยงและทำข้าวกล่องให้เขาด้วย เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเลยเอาแต่นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าฉันตั้งใจหรือเปล่า แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ฉันซุ่มซ่ามเองถึงได้ลื่น เอาจริงลื่นหน้าคะมำที่กว่าไปล้มบนตักเขาอะ ขายหน้าชะมัดเลยบัว!
จัดแจงอาหารเช้าบนโต๊ะทำข้าวต้มกุ้งกับกาแฟดำที่พ่อเลี้ยงชอบกินตอนเช้าแบบเบาๆ ส่วนข้าวกล่องฉันก็ทำเป็นข้าวผัดอเมริกาที่มีไส้กรอกทอด ไข่ดาว แฮมและสลัดผักให้ด้วยพร้อมน้ำผลไม้จัดเตรียมลงกระเป๋าผ้าใส่อาหาร
“หอมจัง”
“พ่อเลี้ยง” หันไปมองร่างสูงที่เดินลงบันไดมาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีด ผมสีดำสนิทตัดเข้าทรงถูกเซตขึ้นไปรับกับใบหน้าหล่อเหลา เขาวางหมวกยูนิเซกส์หรือหมวกคาวบอยมีปีกสีดำใบโปรดที่เขามักจะสวมใส่อยู่ตลอดเวลา “ข้าวต้มกุ้งค่ะ”
“เธอกินหรือยัง?”
“เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวบัวรอส่งพ่อเลี้ยงก็จะเข้าไร่เลยค่ะ” ฉันยืนมองพ่อเลี้ยงที่ตักข้าวต้มกินและคุยสายกับหัวหน้าคนงานไร่องุ่นเพื่อฝากงานให้ฉันทำ ใช้เวลาไม่นานพ่อเลี้ยงก็เตรียมตัวจะไปทำงาน “ใส่คู่ไหนดีคะ”
“คู่นั้น” พ่อเลี้ยงชี้ไปที่รองเท้าหนังสีดำฉันจึงหยิบมาพร้อมคุกเข่าพ่อเลี้ยงมึนงงเล็กน้อยกับการกระทำของฉัน “ฉันใส่เองดีกว่าบัว”
“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อเลี้ยงนั่งก่อนสิคะ” เขามองฉันที่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ข้างตู้ใส่รองเท้า จากนั้นฉันก็ประคองเท้าของพ่อเลี้ยงสวมใส่รองเท้าคู่ที่เขาเลือกทั้งที่มีหลายสิบคู่ เมื่อสวมใส่ทั้งสองข้างเรียบร้อยฉันก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะตกใจเล็กน้อยที่ฝ่ามืออุ่นร้อนทาบทับบนศีรษะและลูบไล้ไปมาเบาๆ
“ขอบใจ”
ร่างสูงเดินออกจากบ้านขึ้นรถและขับออกไปพร้อมเอาถุงผ้าใส่อาหารวางไว้บนเบาะข้างคนขับ ฉันกระพริบตาถี่รัวพลางยกมือลูบศีรษะตัวเองเพราะความอบอุ่นจากมือของพ่อเลี้ยงยังไม่จางหายไปเลยแม้สักนิด เลิกเพ้อถึงเขาฉันก็กลับมาสนใจทำงานของตัวเองด้วยการตัดองุ่นกับคนงานที่มองฉันด้วยสายตาติฉินนินทาว่าร้ายเรื่องของแม่ฉันนั่นแหละ หากแต่ว่าฉันไม่ได้คิดจะสนใจเลยแม้แต่นิด อย่างที่พ่อเลี้ยงพูดนั่นแหละว่าปากคนมีสักแต่จะเอาไว้พูด จึงตั้งใจทำงานของตัวเองและฉันก็ทำได้จริงๆ นะตัดองุ่นได้ตั้งสองตะกร้า
“คุณบัวพักก่อนไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ บัวทำได้” ฉันหันไปบอกหัวหน้างานที่เดินมาสอบถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“พ่อเลี้ยงโทรมาหาผมครับ ผมก็เลยแจ้งไปว่าคุณบัวทำตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเที่ยงยังไม่ได้พักเลย”
“บัวไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
“แต่ว่าพ่อเลี้ยงสั่งมานะครับว่าให้คุณบัวพัก” คำสั่งของพ่อเลี้ยงสำคัญที่สุดฉันก็เลยวางมือลงและลุกขึ้นเดินออกมาพักรวมกับพวกคนงานที่มองฉันพลางซุบซิบกันไปมา กระทั่งมีกลุ่มคนงานที่หนึ่งในนั้นเคยมาก้อร่อก้อติกฉันชื่อว่าชาญ อายุยี่สิบเก้าเป็นคนงานในไร่นานแล้วล่ะเพราะพ่อกับแม่เขาก็อยู่ที่นี่ไง
“กลายเป็นคุณหนูตกท่อน้ำเน่าแล้วเหรอครับคุณหนูบัว”
“...”
“แหงสิ ก็แม่เล่นหนีพ่อเลี้ยงไปกับชู้ จากคุณหนูอยู่บนยอดกลายมาเป็นหนูท่อซะแล้ว ฮ่าๆ” ทุกคนหัวเราะเยาะฉันจะขอความช่วยเหลือจะหัวหน้างานก็ไปสั่งงานตรงโซนอื่นแล้ว ฉันจึงหลุบสายตามองพื้นโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะชอบใจของคนงานหลายคน “ไม่มีแม่คลุมกะลาหัวก็เลยต้องมานั่งทำงานงกๆ น่าสงสาร”
“ปล่อยนะ!” ปัดฝ่ามือหนาที่หยาบกระด้างออกจากปลายคางอย่างนึกรังเกียจ “อย่าแตะต้องฉัน”
“จะโดนพ่อเลี้ยงเฉดหัวอยู่แล้ว ยังทำหยิ่งอีกนะ”
“ฉันไม่ได้หยิ่ง ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว” พูดจบก็เดินกลับไปทำงานต่อโดยไม่สนใจเสียงก่นด่าจากชาญที่ด่าฉันเสียๆ หายๆ เรื่องแม่รวมไปถึงเรื่องที่ฉันไม่ชอบเขา ก็เพราะเป็นผู้ชายแบบนี้ใครจะชอบลงกันล่ะ
ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาคิดซะว่าเป็นเสียงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ฉันทำงานของตัวเองตัดองุ่นลงตะกร้าเพื่อส่งออกไปขายหรือแปรรูปเป็นขนมหรือน้ำองุ่นก็มี ไร่ของพ่อเลี้ยงจะมีองุ่นสำหรับบ่มไว้ทำไวน์ด้วยนะ ส่วนนั้นฉันไม่กล้าไปยุ่งหรอกเพราะไม่รู้ว่าองุ่นสำหรับทำไวน์วิธีเก็บจะเหมือนกันไหม ฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้ก็เลยเลือกมาทำองุ่นแบบปกติดีกว่า เนื่องจากอากาศไม่ได้ร้อนมากนักทำให้ฉันทำเสร็จไปได้เยอะพอควร
ถึงเวลาเลิกงานตอนเย็นฉันก็เดินกลับมาที่บ้านหลังใหญ่เพื่อเตรียมตัวทำอาหารไว้รองรับพ่อเลี้ยง ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาตอนไหนแต่ทำเตรียมไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินเข้ามาในบ้านฉันก็วางมือทั้งหมดเพื่อวิ่งออกไปต้อนรับพ่อเลี้ยง หากแต่ว่าคนที่เดินเข้ามากลับทำให้ฉันหุบยิ้ม
“นายมีอะไร?”
“วันนี้เธอกล้ามากนะคุณหนูบัวที่ทำท่ารังเกียจฉันน่ะ” ชาญเดินตรงเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ จนต้องถอยหลังหนีเขา “อยากจะรู้เหมือนกันนะว่าถ้าโดนฉันเอาแล้ว ยังจะหยิ่งได้อีกหรือเปล่า มานี่!”
“ปะ ปล่อยฉันนะ!” เขาตรงเข้ามาคว้าต้นแขนฉันและกระชากฉันเข้าไปเพื่อหวังทำมิดีมิร้าย ฉันพยายามสลัดตัวหลีกหนีสัมผัสที่น่าขยะแขยง ก่อนจะผลักร่างสูงจะเซ
เพียะ
“กล้าตบฉันเหรอวะ”
“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้!” วิ่งหนีกำลังจะพ้นขอบประตูตะโกนเรียกให้คนช่วย ทว่าเวลานี้มันดึกมาแล้วคนงานก็กลับที่พักกันหมดดังนั้นฉันจึงถูกลากเข้ามาในบ้านและผลักจนเซล้มลงไปนอนบนโซฟา ชาญตามมาคร่อมฉันที่ส่ายหน้าไปมาพลางปล่อยน้ำตาให้รินไหลอย่างนึกหวาดกลัว “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“ฉันมองเธอมานาน ทำไมต้องหยิ่งไม่มองฉันด้วยวะคุณหนูบัว” เขาประชดประชันพลางยึดข้อมือฉันไว้เหนือศีรษะ จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนฉันเบือนหน้าหนีสัมผัสที่น่ารังเกียจ
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้”
“ร้องไปเถอะ ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก” ตวาดใส่หน้าฉันพลางยกยิ้มมุมปาก “ดูสิว่าถ้าเธอได้เป็นเมียฉัน จะยังหยิ่งจองหองคอตั้งอีกหรือเปล่า”
“กรี๊ด... ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ!” ฉันร้องแหกปากลั่นหวังว่าจะมีใครสักคนเดินผ่านมาและวิ่งเข้ามาช่วยฉันได้ทัน ร้องขอความช่วยเหลือจนเสียงแหบแห้ง ร่างสูงที่กำลังจะโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ลำคอฉันก็ถูกกระชากออกไปจนตัวปลิว ดวงตาของฉันพร่ามัวมองไม่ออกว่าใครที่มาช่วย พอใช้หลังมือปาดน้ำตาออกก็เห็นร่างสูงคุ้นตากำลังโน้มตัวลงไปซัดหมัดหนักๆ ลงบนใบหน้าของชาญหลายต่อหลายที
“มึงกล้าเข้ามาทำเรื่องระยำถึงในบ้านกูเลยเหรอไอ้ชาญ!”
“พะ พ่อเลี้ยง” ฉันเอามือกุมเสื้อเชิ้ตสีเทาที่สวมอยู่ถูกชาญกระชากจนกระดุมขาดไปสองเม็ด พอเห็นว่าพ่อเลี้ยงกับลูกน้องอีกสองคนเข้ามาช่วยน้ำตาเห็นความดีใจและตกใจก็ไหลรินออกมาทันที
“พามันออกไป จัดการมันด้วย”
“ครับพ่อเลี้ยง” ลูกน้องของพ่อเลี้ยงสองคนลากตัวชาญที่ใบหน้ามีแต่เลือดอาบหน้าออกจากบ้าน เขาหันมามองฉันที่ยังคงร้องไห้และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอพ่อเลี้ยงเอื้อมมือมาแตะตัวฉันก็มีอาการหวาดผวาเล็กน้อย
“ฉันเองบัว” น้ำเสียงอบอุ่นที่คุ้นหูดึงสติของฉันให้เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาคือพ่อเลี้ยงสิงหาและฉันไม่ได้ฝันหรือตาฝาดไป น้ำใสๆ ตรงขอบตาก็ไหลรินก่อนจะลุกขึ้นตรงเข้าไปสวมกอดร่างสูงใหญ่ทันที
หมับ
“ฮึก พ่อเลี้ยง ฮือ บัวกลัว” ท่อนแขนโอบกระชับแผ่นหลังกว้างอย่างแนบแน่น ซุกหน้าลงตำแหน่งแผงอกของเขาปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาเป็นสาย แน่นอนว่าพ่อเลี้ยงเองก็กอดตอบฉันพลางลูบศีรษะเบาๆ เพื่อปลอบโยนฉัน ในเหตุการณ์ที่ทำเอากลัวจนผวากอดเขาไม่ยอมปล่อย
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้”
“ชาญเขาจะทำ ฮึก!”
“ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องนึกถึงมัน ตกลงนะ”
“ฮือ ค่ะ” พยักหน้ารับเป็นการตกลง ฉันก็กอดพ่อเลี้ยงอยู่แบบนั้นนานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ รู้แค่ว่าพอกอดเขาฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก ปลอดภัยและอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ยิ่งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกระซิบปลอบโยนด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ฉันหายหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้นึกถึงมันตามคำบอกของเขา... เขาดีกับฉันเหลือเกิน ดีมากซะจนฉันรู้สึกอยากอยู่ดูแลเขาไปตลอด เพื่อตอบแทนสิ่งที่เขาทำให้กับฉันไม่ว่าจะเรื่องให้ที่อยู่หรือเรื่องการดูแลเอาใจใส่ ทุกๆ อย่างเลย
*-----------------------------------------------*