หลงรักพ่อเลี้ยง
[สิงหา x บัว]
หลงรักพ่อเลี้ยง :: ตอนที่ 1
“คุณเบญไม่น่าทำกับพ่อเลี้ยงแบบนี้เลยนะ”
“นั่นน่ะสิ พ่อเลี้ยงทั้งหล่อ ทั้งรวยขนาดนี้ แถมรักคุณเบญมากๆ เลยด้วยซ้ำ ทำไมนะทำไมกัน”
“สงสารก็แต่คุณบัวนะป้า ถูกทิ้งไว้กับพ่อเลี้ยง แม่ก็หนีตามชู้ไป”
“เงียบปากนะนังแต้ว พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณบัวได้ยินก็พอดี... สงสารเธอ”
“จริงด้วย ฉันไม่น่าปากมากเลย”
ฉันยืนพิงกำแพงฟังบทสนทนาของคนงานในไร่สิงหาทางเหนือที่กำลังนินทาต่อว่าแม่บังเกิดเกล้าของฉันที่ชื่อว่า ‘เบญจมาศ’ หรือเบญวัย 37 ปี แม่ตั้งท้องฉันตั้งแต่อายุเพียงแค่ 18 แม่ถูกพ่อทิ้งไปทันทีที่รู้ว่าท้อง จากนั้นแม่ก็ทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูฉันจนเติบโตขึ้น พอฉันอายุได้ 17 ปี แม่ก็ได้พบรักกับพ่อเลี้ยงทางเหนือที่ร่ำรวยมีไร่องุ่นและรีสอร์ทพื้นที่กว้างขวางและมีบ้านหลังใหญ่โตเด่นอยู่กลางเขาและดูงดงามตามธรรมชาติ
แม่ของฉันก็ดันทำเรื่องที่น่าอับอายด้วยการเป็นชู้กับผู้ชายคนหนึ่งที่มาพักรีสอร์ทที่นี่ แม่หนีไปได้หนึ่งเดือนเต็มๆ โดยทิ้งฉันไว้ที่นี่ไม่แม้แต่จะเลี้ยวแลกันสักนิด ที่สำคัญถึงแม่จะบอกเสมอว่าไม่พร้อมจะมีฉัน แม่ก็อุตส่าห์เลี้ยงดูและฝากฝังฉันให้พ่อเลี้ยงอยู่เสมอ แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้และก็หนีหายไปเลย ทำให้ชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงเสื่อมเสียและถูกตราหน้าว่าเมียหนีไปกับชู้ ทั้งที่ฉันคิดว่าแม่รักพ่อเลี้ยงมากๆ แต่ที่ไหนได้แม่ไม่เคยรักพ่อเลี้ยงที่อยู่กินกับเขาเป็นเพราะว่าเขารวย ใช่ หนีไปไม่พอยังขนเงินทองของเขาไปด้วยถึงจะขนไปแบบขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วง เขาไม่ได้ยกให้ก็ไม่สมควรขโมยหรือเปล่าล่ะ
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
“!”
ตกใจสุดขีดหันกลับไปมองร่างสูงใหญ่แกร่งกำยำสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก แน่นอนว่าท่อนแขนขวามีรอยสักมังกรพาดขึ้นไปถึงหัวไหล่ ใบหน้าหล่อคมคายและแววตาที่จ้องเขม็งมาทำให้ฉันยืนตัวลีบเอามือผสานกันไว้
“ว่าไง?”
“บัวแค่จะมาหาอะไรกินน่ะค่ะ”
“แล้วไม่เข้าไปล่ะ” จะให้เข้าไปได้ยังไงกัน ได้ยินคนของที่นี่นินทาแม่ลับหลังขนาดนั้น
“ไม่แล้วค่ะ”
คนตรงหน้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนสูง 187 ซม. มีผิวสีแทนจากการทำงานตากแดดแต่ก็ดูดีในแบบฉบับของเขา ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า ‘พ่อเลี้ยงสิงหา’ อายุ 39 ปี ทุกคนที่นี่เรียกเขาว่าพ่อเลี้ยง ฉันเองก็เรียกเขาตามที่คนอื่นๆ เรียกกันนั่นแหละ และฉันชื่อว่า ‘บัว’ อายุ 19 ปี สูง 159 ซม. เรียนมหาลัยปี 1 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด แน่นอนว่าพ่อเลี้ยงส่งเสียฉันเรียนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่จนเข้ามหาลัยในเมืองได้ด้วยการสอบติด
อันที่จริงฉันเองก็กลัวว่าสักวันตัวเองจะถูกเฉดหัวไปตอนไหน ก็แม่ของตัวเองทำเรื่องงามหน้าให้เขาซะขนาดนั้นน่ะ ฉันอยู่ที่นี่มานานเป็นเวลาสามปี ตลอดสามปีเขาไม่เคยยุ่มย่ามอะไรเลยกับฉัน ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวและไม่เคยมองฉันด้วยสายตาที่น่าระแวง ไม่เคยเข้าหาและก็ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียด้วย ระยะห่างของเราสองคนก็เลยเหมือนเขาเป็นผู้ให้ที่อยู่ ฉันเป็นผู้อาศัยก็เท่านั้น
“พ่อเลี้ยงคะ”
“มีอะไร” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าเซ็กซี่เย้ายวนของเขาทำให้ผู้หญิงทุกคนหลงเสน่ห์ แน่นอนว่ายิ่งเขาถูกเมียทิ้งไปก็ยิ่งมีผู้หญิงพร้อมใจพร้อมอ้าขาให้เขาอยู่เสมอ แต่สำหรับเขาคือไม่คิดจะสนใจ ทว่าสำหรับฉันคิดไว้ว่าเขากำลังเสียใจที่ถูกแม่หักหลังเพราะเขาเองก็รักแม่มากไม่ว่าแม่อยากได้อะไรก็ให้ได้ทุกอย่าง แม่ฉันก็ทำเรื่องไม่ดีกับเขา ไม่รู้จะขอโทษเขาอีกกี่พันครั้งถึงจะให้สมกับสิ่งที่เขาต้องได้รับมันไปแบบไม่เต็มใจนัก หรือถ้าเขาอยากจะมีใครใหม่ฉันก็ยินดีนะ
“คือว่าพ่อเลี้ยงอยากให้บัวย้ายออกไปอยู่หอไหมคะ?” คิดมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้บอกเขา เนื่องจากเกิดเรื่องเราก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยแม้แต่คำเดียว “บัวละอายใจมากเลยค่ะที่แม่ทำกับพ่อเลี้ยงแบบนั้น บัว...”
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอ และเธอไม่ต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก”
“...”
“ฉันรู้ว่าเธอคงจะเสียใจที่เบญหนีไป แต่อย่าโทษตัวเองเลย เธอไม่ได้ผิด” พ่อเลี้ยงสิงหาถอนหายใจพลางเอื้อมมือมาบีบบ่าของฉันเบาๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจทั้งที่คนที่ควรได้กำลังใจคือเขาต่างหาก “ฉันดูแลเธอได้”
“พ่อเลี้ยง”
“ถ้าไม่อยากกินข้าวในครัว ไปกินข้าวกับฉันที่รีสอร์ท”
เขาเดินนำฉันออกจากตัวบ้านเป็นไม้สักทั้งหลังมีสองชั้นและหลังใหญ่มากๆ ฉันอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน และห้องของเขาจะอยู่ด้านบน พอเดินออกจากครัวก็จะทะลุกับห้องรับแขกที่ใหญ่โตมีโคมไฟแชนดราเรียห้อยระย้าอย่างสวยงาม ฉันเดินตามพ่อเลี้ยงออกจากบ้านสะพายกระเป๋าผ้า ซึ่งอยู่กับเขาฉันไม่เคยใช้เงินที่เขาให้ไปเรียนฟุ่มเฟือยเลย ดังนั้นเสื้อผ้าและรองเท้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อผ้าธรรมดาๆ เอาจริงปะอยู่ไร่มองไปมีแต่ภูเขาจะแต่งสวยไปทำไมล่ะ รถกระบะสี่ประตูสีดำไว้สำหรับวิ่งในไร่ขับมาสู่ท้องถนนและตรงไปที่รีสอร์ทของเขาที่อยู่ห่างจากไร่ไม่ไกลเท่าไหร่
“ช่วงนี้ปิดเทอมเตรียมขึ้นปีสอง อยากทำอะไร?”
“บัวอยากช่วยงานพ่อเลี้ยงค่ะ ให้บัวทำอะไรก็ได้นะคะ บัวทำได้หมดเลยค่ะ”
“...”
“จะให้ไปตัดองุ่นในไร่ก็ได้นะคะ บัวทำได้ค่ะ” อย่างน้อยการทำประโยชน์ให้กับเขาดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วรอรับเงินที่เขาให้ไว้ใช้รายอาทิตย์มันดีกว่านะเอาจริง ฉันไม่อยู่เฉยๆ เพราะไม่มีแม่อยู่แล้วดังนั้นการช่วยงานเขาจึงเป็นสิ่งแรกที่ฉันตั้งใจ
“แน่ใจว่าทำได้”
“บัวทำได้ค่ะ บัวเคยทำนะคะ” ฉันให้คนงานช่วยสอนการเก็บเกี่ยวองุ่นตั้งแต่แรกที่มาอยู่ที่นี่แล้ว แต่แม่อยู่ไงก็แบบแม่ไม่ให้ฉันไปตากแดดตากลม แบบว่าจะให้เป็นลูกคุณหนูได้ยังไงอาศัยเขาอยู่ไม่ลืมตัวหรอกบอกไว้เลย “ให้บัวช่วยนะคะ”
“โอเค ฉันตามใจเธอ” เขาหันมายิ้มให้พลางส่ายหน้าไปมากับลูกตื้อของฉัน อย่างที่บอกไงฉันอยากชดใช้เรื่องที่แม่ก่อให้กับเขาบ้าง ถึงเขาจะบอกว่าฉันไม่ได้ผิดก็เถอะนะ “แต่เธออย่าย้ายออกนะบัว”
“คะ?” หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาด้านข้างที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เมื่อกี้พ่อเลี้ยงพูดว่าอะไรนะ ฉันว่าฉันได้ยินชัดแต่ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย
“อย่าทิ้งฉัน”
“พ่อเลี้ยง” ดวงตาของฉันกระพริบถี่รัวเมื่อได้ฟังคำขอจากเขา “บัวไม่ทิ้งพ่อเลี้ยงค่ะ”
“ขอบใจ”
คิดไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องเสียใจเรื่องแม่แล้วก็จริง เขาเองก็คงจะกลัวว่าตัวเองจะไม่เหลือใครสินะ ในเมื่อเขาขอมาฉันก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องย้ายไปอยู่หอที่มหาลัยเลยสักนิด ไปๆ มาๆ ฉันเองก็อยากดูแลเขาเหมือนที่เขาดูแลฉันมาตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกัน ไม่ทำเหมือนที่แม่ทำกับพ่อเลี้ยงแน่นอน จนกว่าเขาจะเจอกับผู้หญิงคนใหม่ที่ดูแลเขาได้ เมื่อนั่นฉันคงต้องคุยกับเขาเรื่องย้ายออกจริงจัง เพราะเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วไงถึงตอนนั้น
รีสอร์ทของพ่อเลี้ยงสิงหาเป็นรีสอร์ทที่ใหญ่โตและนักท่องเที่ยวพักเต็มทุกปี เนื่องจากมีทัวร์มาลงไปไร่องุ่นของเขาบ้าง เพราะแบบนี้เขาถึงทำงานทุกวันจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ยิ่งช่วงนี้ที่แม่หนีไปกับผู้ชายคนอื่นเขาก็ทำงานทุกวันเพื่อให้ลืมเรื่องของแม่ไป ดีนะที่เขาไม่ได้แต่งงานกับแม่แค่อยู่กินกัน ถ้าแต่งงานจดทะเบียนไม่อยากจะคิดเลยว่าแม่จะทำยังไง ไม่เรียกเงินค่าเลี้ยงดูจากเขาจนหมดตัวเหรอ ฉันรู้นิสัยของแม่ดีเลยล่ะ ขนาดทิ้งฉันไว้กับเขาโดยไม่เหลียวแล คิดว่าแม่จะยังนึกถึงฉันบ้างหรือเปล่า? บอกเลยว่าไม่... หายไปขนาดนี้ก็คงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบไม่มีลูกติดอย่างฉันตามติดไปด้วย
“พรุ่งนี้บัวขอเริ่มงานเลยได้ไหมคะ องุ่นที่ไร่ก็เริ่มเก็บเกี่ยวแล้วด้วย”
“ตามใจ แต่ถ้าไม่ไหวต้องพักนะ”
“ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้กับพ่อเลี้ยงขณะที่ทานอาหารช่วงเที่ยงด้วยกันที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
“แล้วก็ไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดของคนอื่นที่พูดถึงเรื่องของเบญ” พ่อเลี้ยงสบตากับฉันราวกับรู้ว่าเมื่อกี้ที่ฉันยืนฟังคนของเขาคุยกันเรื่องนี้ สีหน้าของฉันมันเป็นยังไงสินะ ฉันเป็นพวกที่โกหกไม่เก่งและแสดงออกทางสีหน้าเสมอ แบบนี้พ่อเลี้ยงถึงได้จับจุดได้ว่าฉันไม่โอเคกับเรื่องนี้ “คนเรามีปากก็สักแต่จะพูดกันไป”
“บัวไม่อยากให้ชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงต้องหม่นหมองเพราะแม่หนีไปกับชู้”
“ชื่อเสียงฉันมันไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ในเมื่อเบญเขารักคนอื่นฉันก็ห้ามไม่ได้”
“พ่อเลี้ยงไม่โกรธแม่เหรอคะที่เอาเงินทองของพ่อเลี้ยงไปด้วย”
“ก็ถือซะว่าให้ไป หลังจากนี้ก็อย่าได้พบได้เจอกันอีกเป็นพอ” ตัดขาดแบบไร้เยื่อใยสุดๆ แม่ทำผิดมหันต์ที่เลือกทิ้งเขาคนนี้ไป ดูออกว่าเขารักแม่มากแต่สิ่งที่แม่ทำก็ทำให้ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดได้เช่นกัน “รีบกิน เดี๋ยวฉันไปส่งที่ไร่ ฉันต้องไปดูที่ดินอีก”
“ได้ค่ะ เอ่อ พ่อเลี้ยงอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวบัวทำไว้รอ”
“อะไรก็ได้”
ฉันพยักหน้าตอบรับก่อนจะรีบกินข้าวจนหมดเกลี้ยง พ่อเลี้ยงก็พาฉันมาส่งที่ไร่ก่อนจะขับรถออกไปดูที่ดินสำหรับทำดอกไม้เมืองหนาว เห็นเขาอยากทำดอกไม้เมืองหนาวมานานและกำลังศึกษาอยู่มั้ง เคยเห็นเอกสารที่เขาอ่านๆ ฉันก็เคยแอบอ่านเหมือนกันความคิดของพ่อเลี้ยงคือต้องการขยายไร่สิงหาของตัวเองให้ยิ่งใหญ่ ทำทุกอย่างให้เป็นเงินทองได้ทั้งหมด เพราะแบบนี้เขาถึงรวยไม่เลิกไง ยิ่งขยันก็ยิ่งรวย
ช่วงค่ำคนงานของไร่ที่มาช่วยเรื่องทำอาหารในครัวจะกลับไปพักกันที่บ้านพักคนงานท้ายไร่ไกลสุดหูสุดตา ฉันก็เลยบอกว่าเรื่องอาหารจะทำให้พ่อเลี้ยงทานเองให้พวกเขากลับไปได้ ในบ้านจึงมีแค่ฉันคนเดียวที่กำลังทำอาหารทางภาคเหนือที่เป็นของโปรดของพ่อเลี้ยงเตรียมไว้รอต้อนรับเขา มีน้ำพริกอ่อง,ไส้อั่ว,ผักเชียงดาผัดไข่และเนื้อทอดมาจัดบนโต๊ะอาหาร เมื่อจัดแจงอาหารเรียบร้อยได้ยินเสียงรถของพ่อเลี้ยงขับมาจอดที่หน้าบ้าน ฉันก็เดินไปต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“กลับมาแล้วเหรอคะ หิวไหมคะ บัวทำอาหารเสร็จพอดีเลยค่ะ”
“อืม”
“บัวช่วยนะคะ” ฉันขยับไปย่อตัวถอดรองเท้าผ้าหุ้มข้อให้เขาและเอาไปวางไว้บนชั้น ขณะยืนเต็มความสูงซึ่งศีรษะของฉันอยู่ตรงไหล่ของพ่อเลี้ยงพอดิบพอดี ก่อนจะเดินนำเขาไปที่โต๊ะอาหารเทน้ำเย็นๆ ลงแก้วและตักข้าวลงจานให้เขาที่นั่งหัวโต๊ะ “มีแต่ของโปรดพ่อเลี้ยงเลยนะคะ บัวทำสุดฝีมือเลย”
“ขอบใจนะบัว นั่งกินด้วยกันสิ” ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างกายเขาที่ตักน้ำพริกอ่องกินก่อนอันดับแรก
“อร่อยไหมคะ?”
“อร่อย” คำชมของพ่อเลี้ยงทำให้ฉันชื่นใจสุดๆ กลัวว่าอาหารที่ทำจะไม่ถูกปากเขา มันเป็นครั้งแรกที่ฉันทำอาหารให้เขากิน ปกติจะเป็นคนของเขาที่ทำให้กินอย่างที่บอกตอนแม่อยู่ฉันสบายเกินไป ครัวก็แทบจะไม่ได้เข้า อย่างแม่นะก็ไม่เคยเอาใส่ใจดูแลพ่อเลี้ยง อาหารก็ไม่เคยทำให้เขากินเลยดีแต่ใช้เงินและไปเที่ยวบ่อยยิ่งกว่าอยู่ไร่อีก
“พ่อเลี้ยงไปดูที่มา เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ก็ดีนะ อยู่ไม่ไกลจากไร่เท่าไหร่ แต่เรื่องทำดอกไม้เมืองหนาวฉันคงต้องศึกษาอีกสักพัก”
“ดีค่ะเพราะถ้าศึกษาก่อนจะลงมือทำอะไร มันดีกว่าเราไปทำเลยทั้งที่ไม่มีความรู้” ฉันตักผักเชียงดาผักไข่ลงบนจานของพ่อเลี้ยงที่กินข้าวแปบเดียวเกือบหมดจานแล้ว “รับข้าวอีกไหมคะ?”
“บัว”
“คะ” เลิกคิ้วขึ้นสบตากับคนตรงหน้าที่หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ทำกับข้าวให้ฉันกินทุกวันเลยได้ไหม”
“ดะ ได้สิคะถ้าพ่อเลี้ยงอยากให้บัวทำอะไร สั่งมาได้เลยนะคะ” ดีใจจนเผลอส่งยิ้มหวานให้กับเขาพลางตักข้าวเพิ่มให้เขาเพื่อให้กินอิ่มจะได้มีแรงทำงานต่อในวันพรุ่งนี้ “พ่อเลี้ยงกลับไร่ตอนกลางวันไหมคะพรุ่งนี้”
“ไม่น่าจะกลับนะ ฉันน่าจะไปดูที่ดินกับไปคุยเรื่องดอกไม้เมืองหนาวด้วย”
“งั้นบัวทำข้าวกล่องไปให้ดีไหมคะ พ่อเลี้ยงจะได้ไม่ต้องหาอะไรทาน”
“ตามใจเธอสิ” เราสองคนนั่งกินข้าวด้วยกันและพูดคุยกัน นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันหรือเรื่องเพิ่งเกิดไปหมาดๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับพ่อเลี้ยงแบบไม่เกร็งมาก เป็นธรรมชาติในแบบที่ทำให้หลงลืมไปซะสนิทว่าเราสองคนอยู่ในสถานะอะไรและควรเว้นระยะห่างมากแค่ไหน
[50%]
*--------------------------------------------*