เมื่อประตูห้องรับรองเปิดออกอีกครั้ง หญิงงามผู้เยาว์วัยก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของนางทำให้รัชทายาทหลงป๋อหลิงใจเต้นขึ้นอีกครั้ง เขามองนางให้ชัดอีกครั้ง ใช่แล้ว! ใบหน้านี้ถึงกับคล้ายพระชายาซือเยว่เล่อ พระชายาในชินอ๋องซีหมานถึงแปดส่วน
หากนำภาพเหมือนที่เขานั่งดูมาหลายปีขึ้นมาเทียบในยามนี้ ก็คงคล้ายจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน หรือนี่จะเป็นทายาทของท่านลุงกับท่านป้ากันนะ หากใช่ เขาก็มีทางพาคนกลับไปพบผู้ที่ทรมานจากการรอคอยนานนับสิบปีได้แล้ว!
เมื่อเห็นคนที่รออยู่ในห้องรับรองมีถึงสามคน และชายที่อุ้มนายหญิงของนางอยู่บนตักเขานั้น นางไม่เคยพบเลย หากเดาจากการใกล้ชิดกันของพวกเขา คนผู้นี่ต้องเป็นนายท่านที่เหล่าสาวใช้ล่ำลือแน่ แม้จะสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจเสียมารยาทได้ หญิงสาวตรงเข้ามาค้อมตัวคารวะบุรุษทั้งสองเบื้องหน้าอย่างงดงามอ่อนช้อย สมเป็นสตรีงามแห่งหอตงเหอ
“คารวะนายท่านทั้งสอง คารวะนายหญิง ข้าน้อยฟงเหมียนมาแล้วเจ้าค่ะ”
“ฟงเหมียนเจ้านั่งก่อน นายท่านผู้นั้นคือคุณชายหลง เขามาตามหาเจ้า” นางกล่าวแนะนำเฉพาะชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่า ส่วนอีกคนนางไม่ได้กล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ
คำกล่าวของนายหญิงยิ่งทำให้สาวน้อยรู้สึกสับสน เขาจะตามหานางทำไม เขาคงไม่ได้ต้องการให้นางรับแขกด้วยหรอกนะ เพราะนางยังเด็กมาก อีกอย่าง ถึงเขาขอนางก็ไม่มีทางเต็มใจให้เขาแน่ พอนึกถึงสภาพของสหายที่พบในวันนี้ นางถึงกับรู้สึกขยาด
สาวน้อยมองมาที่เขาแล้วทำหน้าแปลกๆ คล้ายรังเกียจคล้ายหวาดกลัว ทำให้รัชทายาทหนุ่มหน้าตึง นี่มีใครไปเสี้ยมสิ่งใดให้นางรังเกียจเขาหรือไม่ เขายังไม่ได้ทำสิ่งใด แต่ทำไมนางถึงทำหน้าคล้ายจะวิ่งหนีทันทีหากเขาขยับตัวเช่นนั้น เขาไม่ต้องการให้นางรู้สึกหวาดกลัว จึงแย้มยิ้มออกมาหน่อย ก่อนพูดกับเด็กสาวด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
“คุณหนูฟงเหมียน อย่าได้เกรงใจ ไม่ต้องกลัว มาหาข้าสิ” คำพูดนั้นของเขายิ่งทำให้นางตัวแข็งและแอบถอยหลังไปครึ่งก้าว
เหอจิ่งอี๋เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้านางก็อยากส่ายหัว คุณชายหลงผู้นั้นคงไม่รู้จักการยิ้มแย้ม พอเขายิ้มทีก็เหมือนฆาตกรป่วยจิตยังไงยังงั้น แล้วนั่น ใครเขาสอนให้เรียกเด็กสาวเข้าไปหาด้วยวาจาเช่นนั้น ข่าวจากสายที่ให้สืบคงไม่ได้รายงานเท็จ องค์ชายผู้นี้ไม่สันทัดเรื่องของสตรีและไม่เคยใกล้ชิดสตรีมาก่อน เขาถึงได้ทำอะไรพิลึกเช่นนั้น
ฟงเหมียนเหลือบสายตาไปมองนายหญิงของตนเล็กน้อย เห็นนางพยักหน้ายืนยันความปลอดภัยให้ เด็กสาวจึงคลายกังวลเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ตัวถัดจากคุณชายหลงผู้นั้นอย่างว่าง่าย
ชายหนุ่มนั่งตัวตรง จ้องใบหน้านางเขม็ง เขาอยากถามนางว่า มารดาของนางชื่อแช่ว่าอย่างไร ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน หากเขาต้องการพบนาง จะได้หรือไม่
“คุณหนูฟงเหมียน ข้าขอสอบถาม มารดาท่าน ชื่อแซ่ใด ยามนี้นางอยู่ที่ใด หากข้าอยากพบนางจะได้หรือไม่”
“เรียนคุณชาย มารดาข้าชื่อหลิวฟางเซียน ยามนี้นางสิ้นแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อถูกถามถึงมารดา นางยิ่งสงสัย เหตุใดคนผู้นี้จึงต้องการพบกับมารดาของนาง
เมื่อได้ยินว่ามารดาของนางสิ้นแล้ว เขาก็อึ้งไม่สามารถมารถกล่าวสิ่งได้อีก หากมารดาของเด็กคนนี้เป็นบุตรสาวท่านลุงที่ตามหาจริง เขาไม่รู้จะแจ้งข่าวผู้รอคอยได้อย่างไร เพราะไม่รู้จึงยังมีความหวัง หากรู้แล้วว่าหมดหวัง นี่จะไม่เท่ากับเร่งเวลาตายให้คนเป็นอยู่หรือ ชายหนุ่มถึงกับนิ่งเงียบไป แต่เมื่อนึกได้ว่ายังไม่แน่ชัดเขาก็ต้องสืบต่อ
“ขอกล่าวตามตรง ข้าเป็นชาวแคว้นอู่หลงกำลังตามหาคน นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านลุงของข้า เมื่อ21 ปีก่อน ครอบครัวเขามีเหตุต้องพลัดพราก ท่านป้าพาบุตรสาวเดินทางหลายร้อยลี้หลบหนีมายังแคว้นเหลียวแห่งนี้ ยามนั้นโจรร้ายตามมาทันจึงฆ่านาง แต่ค้นหาเท่าใดก็ไม่พบคุณหนูผู้นั้น เมื่อไม่พบ จึงได้มีความหวัง คุณหนูฟงเหมียน เจ้าหน้าตาคล้ายท่านป้าข้าถึงแปดส่วน เจ้าอาจเป็นทายาทของนางก็เป็นได้ เจ้ามีภาพวาดหรือสิ่งสำคัญของนางหรือไม่”
สิ่งที่คุณชายท่านนั้นกล่าวทำนางตกตะลึงใจแทบร่วง ญาติของท่านแม่งั้นหรือ มารดาผู้กำพร้าของนางมีญาติมาตามหางั้นหรือ แต่.... อาจไม่ใช่ก็ได้ คนพลัดหลงพลัดพรากจากกันมีมากมาย อาจไม่ใช่ท่านแม่ของนางก็เป็นได้
“เรียนคุณชาย มารดาของข้าตั้งแต่เล็กจนโตนางก็กล่าวว่านางเป็นกำพร้า ไม่มีบิดามารดา และถูกนำมาทิ้งไว้ที่ตลาด นางคงไม่ใช่คนที่ท่านตามหาหรอกเจ้าค่ะ”
ฟงเหมียนก้มหน้าลง นางไม่อยากคาดหวังสิ่งใดอีก นางทำใจได้แล้ว เป้าหมายของนางไม่ใช่การตามหาญาติพี่น้อง นางต้องการบางอย่างที่ง่ายกว่านั้น
“ฟงเหมียน พลัดพรากคือชะตา พบเจอก็เป็นวาสนา เจ้าต้องเปิดโอกาสให้ตนเองอีกครั้ง และให้โอกาสมารดาเจ้าด้วย นาง... น่าสงสาร หากนางได้พบคนที่นางร้องหาเมื่อยังเด็ก นางอาจจะเป็นสุขแม้ในอยู่ในปรภพ ข้าก็เชื่อว่านางจะยินดี...”
เหอจิ่งอี๋ทราบความคิดของหลานสาวของนางดี แต่หากหลานสาวของนางมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่คอยสนับสนุนอีกแรง แค่ตระกูลขุนนางระดับกลาง นางจะบี้ด้วยฝ่าเท้าเมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อได้รับแรงสนับสนุนจากนายหญิงที่เลี้ยงดูมาหลายปี นางก็เก็บคำพูดของคุณชายหลงกลับมาคิดใหม่ หรือนี่จะเป็นหนทางแห่งโชคชะตาที่นางต้องการกัน เมื่อปลงใจได้ เด็กสาวก็นำห่อผ้าที่ผูกไว้ที่เอวตลอดเวลาออกมาให้ผู้อื่นดู ผ้าขาวผืนนั้นยังถูกเก็บไว้เช่นเดิม ทันทีที่มังกรหนุ่มใหญ่เห็นรอยปักบนผ้าก็ตากระตุก แต่เขาไม่ได้กล่าวอันใด ยังคงนั่งรอชมเหตุการณ์ต่อไปเงียบๆ
รัชทายาทหลงเมื่อเห็นป้ายไม้ชิ้นนั้นเขาก็แทบจะแย่งจากมือนางมาดูให้ชัดและพิสูจน์ให้แน่ใจ ป้ายไม้ลักษณะนี้ ท่านลุงเขามีอยู่อันหนึ่ง เหมือนกันยังกับเป็นชิ้นเดียวกัน แต่หากเป็นของท่านป้า มันจะพิเศษต่างออกไป
“คุณหนูฟงเหมียน ข้าขอดูได้หรือไม่” หญิงสาวชั่งใจชั่วครู่ก่อนส่งป้ายไม้ของมารดาให้เขาไป ไท่จื่อหนุ่มนำปิ่นที่ปักอยู่บนหัวของตนออกมา เมื่อปลดสลักปิ่นนั้นสามารถถอดออกมาได้ ด้านในเป็นมุกหยกเม็ดหนึ่ง เขาพลิกป้ายไม้ขึ้นมองหารูที่คาดว่าจะเป็นช่องกุญแจ จนไปเจอกับรูที่ใช้ร้อยเชือกเขานำมุกหยกเม็ดนั้นใส่เข้าไปมันพอดีดังคาด เมื่อกดแรงให้มุกเม็ดนั้นจมลงไปในแผ่นไม้ ไม้แผ่นนั้นก็อ้าแยกออกจากกัน เมื่อเปิดดู ด้านในเป็นสารกระดาษชิ้นเล็กแผ่นหนึ่ง...
หญิงสาวตกใจตั้งแต่เห็นหยกเม็ดเล็กเม็ดนั้น มันคือหยกห้อยที่พวกนางเห็นมาหลายปี และมารดาตัดสินใจขายในปีที่นางป่วยหนัก มันไม่ใช่หยกห้อย แต่มันคือกุญแจนี่เอง!! ยังไม่หายตกใจเรื่องหยก นางก็ต้องตกใจเรื่องป้ายไม้ทื่อๆของนางสามารถเปิดออกไม้ และมีสาร สารที่มารดาและนางไม่เคยได้อ่าน
“ฝากดวงใจของข้าด้วย เมื่อถึงเวลาจะไปรับกลับด้วยตัวเอง ดูแลให้ดี”
ซีห่าวหมาน
ในใจความของสารฉบับนั้นเป็นการฝากฝังให้ช่วยดูแลคนที่รัก ยามนั้นเขาต้องการส่งชายาและบุตรสาวของตนมาฝากให้สหายดูแล แต่ไม่นึกว่าจะโดนดักทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ลายมือในสารคือท่านลุงของเขา ชินอ๋องซีหมาน อ๋องคนสำคัญแห่งแคว้นอู่หลงไม่ผิดแน่!!
ชายหนุ่มเก็บจดหมายกลับคืนไว้ในป้ายไม้ เมื่อกดอีกครั้งหยกเม็ดนั้นก็กระเด็นออกมา มันคือป้ายกลไกที่สร้างขึ้นเป็นการอำพรางผู้ต้องการช่วงชิง และสิ่งที่จะสามารถเปิดมันได้ ก็มีเพียงหยกเม็ดนี้ที่คล้ายกับหยกทรงกลม แต่มีขีดเล็กๆไว้สองรอบ เพียงนำไปประกบให้ตรงก็เป็นอันใช้ได้ ท่านลุงของเขาทำมันขึ้นด้วยตนเอง ท่านป้าอาจรู้วิธีเปิด แต่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ความจำเสื่อม ไม่รู้วิธีเปิดมัน!!
เมื่อแน่ใจแล้วว่านางคือสายเลือดเพียงคนเดียวของท่านลุงที่เหลืออยู่เขาก็ยินดียิ่งนัก การเดินทางครั้งนี้ ไม่เสียเที่ยวอีกแล้ว แต่..... เมื่อนึกถึงท่านอาหญิงที่จากไป เขาก็ยินดีไม่ออก ชายผู้นั้นคงจะเสียใจนัก
“ฟงเหมียน มารดาของเจ้า นางไม่ใช่คนต่ำต้อยไร้สกุล นางคือท่านหญิงซีซิวในชินอ๋องซีหมาน เมื่อ 21 ปีก่อนเกิดการก่อกบฏจากจูหลิวอ๋อง ท่านหญิงและพระชายาในชินอ๋องถูกส่งลี้ภัยมาที่แคว้นเหลียวจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ ไม่นึกว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร
พวกขบถออกไล่ล่าจับตัวท่านหญิงกับพระชายาไปต่อรองชินอ๋อง เมื่อจวนตัวพระชายาสละชีพปกป้องบุตร ก่อนนำนางไปซ่อน ส่วนชินอ๋องปราบปรามกบฏจนสิ้นก็ออกตามหาธิดาเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ แต่ไม่พบ
กว่าเหตุการณ์ปราบกบฏจะสงบ เขาต้องกรำศึกนานถึง 5 ปี แม้อย่างนั้น เขาก็ส่งคนออกติดตามอยู่ไม่ขาด แต่ชะตาไม่อาจฝืน ถึงตามอย่างไรก็ไม่พบ ไร้เบาะแส ยามนี้โชคชะตาคงลิขิตหรือสวรรค์เมตตา ยามนี้ เจ้าคือสายเลือดเพียงคนเดียวของเขา เจ้า ควรกลับบ้าน ไปพบท่านตาของเจ้าเถอะ ฟงเหมียน!”
เรื่องราวที่คุณชายหลงเอ่ยเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ หญิงสาวตื่นตะลึงที่มารดานางไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตร เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกนำมาทิ้งให้ต้องเผชิญชะตารันทดตั้งตั้งแต่วัยเด็ก แต่นางเป็นถึงท่านหญิงสูงศักดิ์ของแคว้นอู่หลงอันเกรียงไกร แม้อยู่คนละแคว้นแต่นางก็ได้ยินชื่อเสียงแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งแคว้นอู่หลง ชินอ๋องซีหมานผู้นั้น คือท่านตาของนาง!
เหอจิ่งอี๋ก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ทราบเบื้องหลังของเม่ยเม่ยผู้ล่วงลับ เด็กน้อยคนนั้นช่างมีชะตารันทดนัก แม้มีชาติกำเนิดสูงส่งแต่ชะตาก็เล่นตลกให้ต้องเผชิญกับความทุกข์อันสาหัสตั้งแต่ยังเล็ก ต้องพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดและครอบครัวตั้งแต่เด็ก เติบโตในหอนางโลมในฐานะสาวใช้ที่ใครก็ดูถูก
เมื่อมีครอบครัวก็ได้แต่งเป็นอนุผู้ต้อยต่ำให้ผู้คนรังเกียจ ซ้ำยังถูกรังแกจนถึงแก่ชีวิตก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเมื่อตายไปแล้ว ยังไร้สุสานให้กลบฝังต้องร่อนเร่ออกไปฝังยังป่านอกเมือง เมื่อนึกถึงยามไรน้ำตานางก็ไหลพรากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ฟางเซียน เจ้าช่างน่าสงสารนัก!
เมื่อสาวงามในอ้อมแขนร้องไห้ น้ำตาหล่นต้องใบหน้างามให้เศร้าหมองดั่งดอกไม้ต้องฝน เจ้าของมันก็ทนไม่ไหว จึงอุ้มนางลุกขึ้นเดินหายออกไปยังห้องแห่งนี้ เขาต้องการกลับรังรักของตน เพื่อปลอบประโลมบุปผางามให้คลายเศร้าหมองลง
ยามนี้ในห้องจึงเหลือเพียงรัชทายาทจากแคว้นอู่หลงกับหญิงงามจากหอตงเหอ แม้นายหญิงจะร้องไห้ด้วยความเศร้าแต่หญิงสาวกลับนั่งนิ่งเฉย โชคชะตาช่างเล่นตลกกับผู้คนเหลือเกิน แต่นางจะไม่ยินยอมเดินตามเส้นที่ผู้ใดขีดให้อีกแล้ว
“แล้วท่านล่ะ ท่านคือใคร คงไม่ใช่คุณชายเจ้าสำราญทั่วไป ใช่หรือไม่” นางกล่าวถามถึงฐานะที่แท้จริงของเขาตรงๆ หากความจริงใจยังหาไม่ได้จากเขา ก็ไร้ประโยชน์ที่จะติดตามอย่างที่เขากล่าวเชิญ ชายหนุ่มมองเจตนาแท้จริงของนางออก นางช่างเหมือนท่านลุง แม้เจ็บปวดก็ห้าวหาญ แม้เจ็บเจียนตายก็ไร้ซึ่งความอ่อนแอ เขารู้สึกนับถือนางขึ้นอีกสองส่วน เพื่อตอบแทนท่านลุงผู้มีคุณ เขาจะพานางกลับไป แม้นางจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
“น้องหญิง ข้าคือรัชทายาทแห่งแคว้นอู่หลง เป็นพี่ชายของเจ้า ท่านตาเจ้าคือพี่ชายของบิดาข้าและเขาเป็นผู้มีคุณอันสูงยิ่งต่อแคว้นอู่หลง ข้ายืนยันว่า เมื่อเจ้ากลับไปต้องได้รับความเป็นธรรมแน่ แม้นมารดาเจ้าไม่อยู่แล้ว แต่นางก็ได้ทิ้งบางอย่างไว้มอบให้บิดาของนาง นั่นก็คือเจ้า คุณหนูซี”
เมื่อนางใคร่ครวญดีแล้ว ก็เห็นว่าอำนาจที่พวกเขามีจะเป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายของนาง นางต้องการปีนขึ้นสู่ที่สูงเพื่อเหยียบพวกมันให้จมดิน หลายปีมานี้ พวกมันสุขสบายมานานและก้าวหน้าไปมาก แต่ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกมันมีความสุขให้มาก เมื่อตกลงมาจะได้เจ็บหนักเจียนตาย แต่ไม่ตาย! เช่นนั้น นางจะกลับไป เพื่อกลับมาอีกครั้ง!!
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวก็กล่าวตกลงที่จะกลับไปกับชายหนุ่มผู้กล่าวว่าตนคือไท่จื่อแห่งแคว้นเกรียงไกรนั้น เมื่อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขานางก็หวั่นเกรงและอ่อนน้อมกับเขาขึ้นถึงสี่ส่วน
การแสดงออกของนางสร้างความพึงพอให้ไท่จื่อหลงป๋อหลินไม่น้อย เขาพอใจที่นางฉลาด ถึงแม้เขาและท่านลุงจะสามารถปกป้องนางได้ แต่หากนางสามารถปกป้องตนเองได้ ก็จะดีกว่า คนพวกนั้นจะว่าอย่างไรนะ หากรู้ว่าท่านลุงของเขายังมีหลานสาวเหลืออยู่ พวกเขาต้องโมโหแทบตายแน่!