เกมรัก : ตอนที่ 6
“มึงจะเอาไงต่อ เผ่นไหม?” มีอากระซิบกระซาบกับข้าวหอม
“ฉันไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยจะกลัวทำไม อีกอย่างคนที่สมควรอายควรเป็นไอ้หมอนั่นมากกว่าไม่ใช่ฉันปะ"
"หิวแล้วอะ ไปหาข้าวกินดีกว่า” ข้าวหอมพูดตัดบทพร้อมกับลุกขึ้นทันทีสร้างความงุนงงให้มีอาไม่น้อย แต่ทุกการกระทำของเธอตกอยู่ในสายตาของเขา
“อะไรของมันวะ เมื่อกี้เหมือนกลัวอยู่เลย อยู่ดีๆไม่กลัวซะงั้น” มีอาพึมพำกับตัวเองและเดินตามข้าวหอมไปหาอะไรกิน
"ป้าคะ เอาเกาเหลาต้มยำไม่ใส่ถั่วป่นค่ะ แล้วแกเอาอะไร"
"เอาเหมือนแกก็ได้ง่ายดี"
"เอาเหมือนกันอีกชามด้วยค่ะ ไม่ใส่ถั่วป่นนะคะ"
"จ้า ป้าจำได้แม่นอยู่แล้ว สาวสวยขาประจำแพ้ถั่วลิสง" ป้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร เพราะข้าวหอมเป็นลูกค้าประจำของที่ร้านเขาจึงรู้ว่าเธอแพ้ถั่วลิสง ข้าวหอมมีโรคที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กคือการแพ้ถั่วลิสงขั้นรุนแรง ตอนเด็กเธอเคยถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะเผลอกินถั่วลิสงเข้าไป ถั่วลิสงแค่เม็ดเดียวทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลไปหลายวัน ข้าวหอมเข็ดหลาบกับเหตุการณ์นั้น ทำให้เธอเลือกกินอย่างมากและจะกินอยู่แต่ร้านเดิมๆร้านที่เธอมั่นใจเท่านั้น
"แต่ไม่ใส่ถั่วป่นแกเคยบอกว่าไม่อร่อยไม่ใช่เหรอ" ข้าวหอมทำคิ้วขมวดเข้าหากัน เพราะปกติเวลากินก๋วยเตี๋ยวมีอาจจะสั่งให้ใส่ถั่วเยอะๆ
"ก็ฉันมีเพื่อนแพ้ถั่วก็อยากลองแพ้ถั่วเป็นเพื่อนแกบ้าง" คำตอบของมีอาทำให้ข้าวหอมยิ้มไม่หุบ
มีอาเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ข้าวหอมกินถั่วเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนั้นเธอพาข้าวหอมไปกินร้านอาหาร เธอไม่รู้ว่าข้าวหอมแพ้ถั่วลิสง และตัวข้าวหอมเองก็ไม่รู้ว่าถั่วลิสงผสมอยู่ในอาหารเหมือนกัน พอข้าวหอมกินไปได้คำเดียวก็เกิดอาการหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ต้องรีบส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน มันเลยทำให้มีอาโทษตัวเองมาตลอดว่าทำเพื่อนเกือบตาย ต่อให้ข้าวหอมไม่โกรธเธอแต่เธอก็ยังโทษตัวเองอยู่ดี
ทั้งเควินและข้าวหอมต่างกินข้าวกันปกติ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่มันสร้างความอึดอัดให้เธอเหมือนกับว่ายังมีสายตาของใครบางคนคอยจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา ต่อให้เธอหันหลังให้เขาก็ตามแต่ความรู้สึกมันสัมผัสได้ ข้าวหอมทำท่าทีไม่สนใจและพูดคุยกับมีอาปกติ
“ไปๆ จะบ่ายแล้วเดี๋ยวสายพอดี อาจารย์ยิ่งเข้าตรงเวลาอยู่ด้วย” ข้าวหอมพูดกับมีอาที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ ทั้งคู่ลุกออกจากโต๊ะอาหารพร้อมกันและรีบขึ้นไปเรียนทันที
“เฮ้! มึงสนใจเด็กคนนั้นเหรอ” โจเซฟถามขึ้นเมื่อพวกเขากำลังเดินกลับไปที่คณะตัวเอง เขาสังเกตเห็นเควินเอาแต่จ้องไปที่แผ่นหลังของสาวสวยโต๊ะข้างๆ
“........” เควินใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
“ข้าวหอม ปี3 อดีตดาวคณะบริหาร หนุ่มๆตามจีบให้เพียบแต่ก็ยังไม่เห็นใครได้ไปนะ” โจเซฟพูดประวัติคร่าวๆตามที่เขารู้มา แต่ไม่ใช่แค่เขาที่รู้เพราะคนสวยๆของมหาลัยย่อมเป็นที่สนใจของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อยู่แล้ว
“กูไม่ได้สนใจ แต่ยัยนี่มาขัดจังหวะกูเมื่อวาน ยื่นเงินให้กูเปิดโรงแรม เป็นแค่เด็กทุนยังทำตัวอวดรวย” พอเควินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสีย ซึ่งหลังจากนั้นเขาจะไปต่อที่โรงแรมกับเด็กคนนั้นก็เถอะ แต่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ไม่มีใครกล้ามาดูถูกคนอย่างเขา
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทั้งไทม์และโจเซฟหัวเราะออกมาพร้อมกันหลังจากที่เควินพูดจบ
“แม่งเด็ดวะ” โจเซฟที่ยังหัวเราะไม่หยุดพูดขึ้น ตั้งแต่เขารู้จักเควินมายังไม่มีใครกล้าดูถูกคนอย่างเควินเลยสักครั้ง
“มึงตลกมากไงไอ้เซฟ” เควินที่กำลังหัวเสียพูดขึ้น
“สงสัยเรื่องราวที่กูรู้มาจะเป็นความจริง ไม่สนใจใครหน้าไหน หน้าตาสวยหวานแต่นิสัยไม่หวานของจริงว่ะ”
“จะมีจริงเหรอวะผู้หญิงไม่สนใจควxผู้ชาย ถ้าไม่ใช่พวกนิยมนิ้วเพศเดียวกันหรือไม่ก็ช่วยตัวเองแหละกูว่า แต่สำหรับยัยนี่ลองกูกระดิกนิ้วก็นอนอยู่ใต้ร่างกูแล้วมั้ง” เควินกระตุกยิ้ม
“มึงแน่ใจ? แต่เท่าที่กูรู้มาเล่นตัวชิบห_ย คนนี้ไม่น่าง่าย” ไทม์ที่ฟังโจเซฟกับเควินพูดคุยกันก็พูดแทรกขึ้นมา
“ดูมึงสองตัวจะรู้เรื่องยัยนี่ดีจริงๆนะ หรืออยู่ในกลุ่มจีบไม่ติดเหมือนกันวะ” เควินเยาะเย้ยทั้งคู่
“กูไม่มีทางทับลายกันเว้ย ไม่ใช่สเปค กูชอบเอ็กซ์ๆ นมใหญ่ๆ ดูทรงแล้วไม่เอก็บีต้นๆแหละกูว่า ไม่เต็มมือกูขอบาย”
“ถูกของไอ้ไทม์ ไม่ใช่สเปคกูเหมือนกัน"
ทั้งสามคนกลับมาเงียบอีกครั้งเพราะมัวแต่สนใจเล่นโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเอง หลังจากที่โจเซฟพูดจบเควินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าไม่ถึงเดือนกูเอายัยนี่มานอนใต้ร่างกูได้มึงให้กูเท่าไหร่” เควินท้าทายเพื่อนของเขาทั้งสองคน
“มึงก็ขยันสร้างเกมท้าทายพวกกูจัง งั้นเอางี้…กูกับไอ้ไทม์ให้มึงคนละแสน แต่ถ้ามึงทำไม่ได้มึงต้องให้พวกกูคนละแสนเหมือนกัน”
“อ้าว ไอ้สัสนี่ ถามความคิดเห็นกูหรือยัง อยู่ๆลากกูไปเสียเงินแสนซะงั้น” ไทม์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยพูดขึ้น
“Deal (ดิล) ไม่เกินเดือนพวกมึงได้เห็นภาพยัยนี่นอนใต้ร่างกูแน่ ไม่แน่อาจมาเป็นคลิปเลยก็ได้ เตรียมเงินแสนไว้ให้กูได้เลย เกมนี้กูสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น” เควินยอมรับข้อเสนอของโจเซฟทันที ไม่มีท่าทีลังเลแต่อย่างใด เขามั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองอยู่ไม่น้อย
"มอมยา มอมเหล้า โปะยาสลบไม่นับนะครับผม" โจเซฟบอกเควินไม่ให้ใช้วิธีสกปรก
"คนอย่างกูไม่มีทางทำแบบนั้น ถ้าไม่อ้าขาอ่อย กูก็ไม่เสียบ"
“มึงก็เหี้ยให้มันน้อยๆหน่อย สงสารเด็กมัน” ไทม์พูดกับเควิน
—//—//—//—//—
“เฮ้อออ เลิกเรียนสักที” มีอาบ่นเมื่อเรียนจบคาบบ่ายเรียบร้อยแล้ว
“แกก็บ่นทุกคาบจริงๆ” ข้าวหอมส่ายหัวให้กับอาการของเพื่อนสาว
“อีกสองวันก็จะรับน้องรวมคณะแล้ว แต่ทำไมเหมือนเรายังไม่พร้อมอะไรเลยละ”
“เดี๋ยวก็พร้อมทุกอย่าง เพราะวันนี้แกต้องอยู่ทำงานกับฉันจนเสร็จไงละ” ข้าวหอมพูดกึ่งหัวเราะ
“ห๊ะ!!!.....อย่าบอกนะว่าแกรับหน้าที่เช็คความเรียบร้อยทั้งหมด ยัยข้าวหอมฉันอยากจะฆ่าแกตรงนี้เลยจริงๆ”
“ฉันแค่กลัวงานมันออกมาไม่ดี อีกอย่างพี่ปีสี่ก็ส่งหน้าที่นี้ให้ฉันเป็นตัวหลัก แล้วจะปล่อยให้คณะเราเสียหน้าได้ยังไง” ข้าวหอมพยายามอธิบายให้มีอาฟัง
“แกช่วยเอาตัวเองออกจากความรับผิดชอบสักทีได้ไหม ฉันเห็นแกรับผิดชอบแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แกไม่เหนื่อยบ้างเหรอวะ บางทีเราก็ควรปฏิเสธในสิ่งที่คนอื่นโยนขี้มาให้บ้างนะ แกไม่ใช่ชักโครกนะยัยข้าว” มีอาบ่นมาเป็นชุด ตั้งแต่ที่เธอรู้จักข้าวหอมมา ก็เห็นแต่ข้าวหอมรับผิดชอบแทบจะทุกอย่าง บางคนก็อ้างว่าข้าวหอมเป็นถึงดาวคณะก็ต้องช่วยเหลือสังคม ไม่ใช่ว่าเพื่อนเธอโง่ยอมทำตามแต่เป็นเพราะข้าวหอมไม่อยากมีปัญหา การเป็นเด็กทุนค่อนข้างจะโดนแบ่งชนชั้นกับพวกคนรวยอยู่แล้ว มีไม่กี่คนที่จะมาคบเพื่อนต่างชนชั้นอย่างเธอ แต่เธอไม่เคยคิดจะแบ่งชนชั้นกับใครอยู่แล้ว เธอขอแค่มีเพื่อนที่ดีและพาเธอไปในทางที่ดีก็พอซึ่งสิ่งพวกนี้ข้าวหอมมีทุกอย่าง
“ฉันว่าแกรู้คำตอบดีนะมีอา ทนๆไปเดี๋ยวก็จบแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างฉันตายได้หรอกหน่า แค่ทำให้เป็นเรื่องสนุกเราก็จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำเองแหละ” ไม่ใช่เธอไม่รู้ เธอรู้และเข้าใจทุกอย่างตามที่มีอาบ่น
“โดนคนเอาเปรียบแกก็ยังยิ้มได้อีกนะ” มีอาเข้าไปตบไหล่ข้าวหอมเบาๆเหมือนเป็นการให้กำลังใจ
ลานใต้ตึกคณะบริหาร
"สวัสดีครับ สวัสดีค่ะพี่ข้าวหอม พี่มีอา" รุ่นน้องนักศึกษาหลายคนต่างพากันยกมือไหว้ทำความเคารพรุ่นพี่
"มาทำอะไรกันเยอะแยะเลยเนี่ยพวกเรา" ข้าวหอมถามด้วยความสงสัย ไม่ได้มีนัดประชุมคณะสักหน่อยแต่ทำไมรุ่นน้องของเธอถึงมารอกันเต็มไปหมด
"พี่มีอาบอกให้พวกเรามาช่วยพี่ข้าวหอมเตรียมงานรับน้องคณะค่ะ" หนึ่งในกลุ่มรุ่นน้องพูดขึ้น
ข้าวหอมหันไปที่มีอาทันที เพื่อนสนิทของเธอได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนกลับมา
"ไหนๆก็มากันแล้ว งั้นเดี๋ยวพี่แบ่งกลุ่มให้ทำละกัน จะได้เสร็จเร็ว ส่วนแกค่อยเคลียร์" ข้าวหอมหันหน้าไปทางเพื่อนสาวคนสนิทและเน้นหนักประโยคหลัง
-1 ชั่วโมงผ่านไป-
ข้าวหอมและมีอาแบ่งงานให้น้องๆช่วยทำกันคนละไม้ละมือ ส่วนพวกเธอก็ทำกันอย่างขมักเขม่น มีเพื่อนรุ่นเดีียวกันมาช่วยด้วยหลายคน เอาจริงๆความดีนี้ก็ต้องยกให้มีอาที่แอบชวนคนอื่นมาช่วยงาน
"แอบไปเรียกเด็กๆมาไม่บอกฉันงั้นเหรอ" ข้าวหอมพูดแซวเพื่อนตัวเอง
"ฉันเห็นแกเหนื่อย และอีกอย่างพวกรุ่นเดียวกันก็มาช่วยน้อย ฉันเลยต้องขอกำลังเสริม"
"ขอบใจแกมากนะที่คอยเป็นห่วงฉัน" ข้าวหอมยิ้มตาหยีส่งไป มันเป็นรอยยิ้มที่ชวนหลงใหล น้อยครั้งที่จะเห็นข้าวหอมยิ้มแบบนี้
"มีใครเคยบอกแกไหมว่าเวลาแกยิ้มแบบนี้มันตกผู้ชายได้เลย"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า แกนี่ก็เวอร์ตลอด" ข้าวหอมหัวเราะกับคำพูดของมีอา
"ฉันพูดเรื่องจริง ไม่ลองหาผู้ชายสักคนมาแก้เหงาบ้างละ อย่างน้อยเอามาเป็นเพื่อนคู่คิดก็ได้"
"..........." ข้าวหอมได้แต่ยิ้มให้กับคำพูดของเพื่อน มันมีช่วงเวลาที่เธอเคยคิดอยากมีคนเคียงข้าง แต่สุดท้ายเธอก็สลัดความคิดนั้นออกและมุ่งมั่นกับการเรียนและหาเงินแค่นั้นพอ