บทที่ 21 ของขวัญของกงเยียนซู

1533 คำ
บทที่ 21 ของขวัญของกงเยียนซู วันนี้ท้องฟ้าสดใส แดดแรงกำลังดี ลู่ซินฟางถือโอกาสพาทุกคนเดินชมทิวทัศน์หมู่บ้านชนบท ระหว่างเดินบนถนนสายเล็ก มองทุ่งนาสีเขียวสองข้างทาง ลู่ซินฟางสัมผัสได้ถึงสายตาเคืองแค้นพุ่งตรงมา พอเหลือบมองไปก็เห็นว่าเป็นเจียงลิ่ว เดิมก็ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องของกงเยียนซู ทั้งความโกรธ ความขุ่นเคืองในใจ และความริษยาของเจียงลิ่วก็ยิ่งพุ่งสูงชนยอดฟ้า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรหรือ ทำไมมองนายหญิงด้วยสายตาน่าเกลียดเช่นนั้น” ชุนถาม ลู่ซินฟางเชื่อว่าทุกคนเองก็สัมผัสถึงสายตาของเจียงลิ่วได้ แต่ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากใส่ใจ “อย่าสนใจเลย ก็แค่คนบ้าน่ะ” ลู่ซินฟางตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งยังบอกให้ทุกคนเดินผ่านเจียงลิ่วโดยไม่ต้องไปสนใจอะไรนางทั้งนั้น “ได้ยินว่าคนบ้าไม่รู้จักอารมณ์รักโลภโกรธหลง แต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังมองนายหญิงด้วยความโกรธแค้น หึ ถ้ากล้ามาสร้างปัญหาให้นายหญิงละก็ ข้าจะจัดการให้เองขอรับ” สยงจวินถาม ทั้งยังเสนอตัวจะช่วยจัดการแทน เป่าเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของสยงจวิน ได้ยินอย่างนั้นก็ยกมือป้องปาก ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูท่านลุงร่างหมี “ท่านลุงจวิน ผู้หญิงคนนั้นชอบมาหาเรื่องท่านแม่ที่บ้านละ” “แบบนั้นยิ่งต้องรีบสั่งสอนไม่ใช่หรือ!” สยงจวินโพลงเสียงดัง “ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ลู่ซินฟางส่ายหน้าพลางยิ้มเนือยๆ “มีคนจัดการแทนแล้ว เรื่องของหญิงบ้านางนั้นช่างเถอะ ก็แค่…ข้ากับนางมีเรื่องกันนิดหน่อย” “สายตาแบบนั้น ดูแล้วไม่นิดหน่อยนะขอรับ” หลางไป๋แย้ง ลู่ซินฟางกรอกตามองบน ถูกสั่งสอนจนบ้านเจียงต้องมอบโฉลดที่นาให้ทั้งหมด ถ้าให้พูดตรงๆ ไม่นิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ ขณะเดียวกัน ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของหลางไป๋ต่างพากันหลุดขำพรืด ลู่ซินฟางไม่อยากใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องจึงตัดบทว่า ช่างเถอะ ตอนนั้นเอง สยงอู๋เห็นควายกำลังกินหญ้าในทุ่งนาข้างทาง เด็กหนุ่มร้องถามอย่างตื่นเต้น “นายหญิง เจ้าสี่ขาตัวดำๆ นั่นคืออะไรขอรับ” หญิงสาวมองแวบหนึ่งก่อนตอบ “นั่นคือควายน่ะ ชาวบ้านเอาไว้ไถนา บางครั้งก็เอาไว้ลากรถที่บรรทุกของหนักๆ” ต่างมิติไม่มีวัวหรือควาย ที่เจอส่วนใหญ่คือม้าป่า สยงอู๋เลยถามด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ๆ เมื่อเดินผ่านถนนสายเล็กเข้าหมู่บ้านมา ก็จะพบบ้านเรือนที่สร้างขึ้นรูปแบบคล้ายๆ กันตั้งเรียงราย มีเพียงทุ่งนากับสวนกั้นระหว่างครัวเรือน พอเลี้ยวเข้าถนนอีกสาย เดินไปเรื่อยๆ จนสุดทางจะเจอบ้านไม้หลังเล็กพุพังซอมซ่อหลังหนึ่งตั้งอย่างโดดเดี่ยว นั่นคือบ้านเก่าของลู่ซินฟาง แค่เห็นก็หดหู่ใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ตรงที่ดินว่างเปล่าใกล้ๆ บ้านไม้ที่ใกล้พุพังนั้น คือพื้นที่ทำเกษตรของลู่ซินฟาง ตรงมุมหนึ่งมีโกดังเก็บวัตถุดิบขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่เพิ่งสร้างเสร็จ ถัดออกไปจะเห็นกลุ่มคนงานกับเถี่ยฮ่าวซือที่กำลังช่วยกันสร้างบ้าน สยงจวินกับลูกชายสยงอู๋มองด้วยสายตากระตือรือร้น ลู่ซินฟางยิ้ม ก่อนจะพาทุกคนเดินเข้าไปทักทายเถี่ยฮ่าวซือ พร้อมกับแนะนำทุกคนให้รู้จัก ตอนแรก เถี่ยฮ่าวซือประหลาดใจที่เห็นลู่ซินฟางมาพร้อมกับกลุ่มคนเยอะแยะ เนื่องจากนิสัยของนางไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น คนที่คุยด้วยในหมู่บ้านก็มีน้อยมาก ไม่คิดว่าจะมีสหายมากมายเพียงนี้ ยิ่งพอสังเกตดีๆ แล้ว ทุกคนที่มาด้วยเหล่านั้นให้ความเคารพลู่ซินฟางราวกับเป็นเจ้านาย ทั้งยังเรียกนางว่า นายหญิง เถี่ยฮ่าวซือเกิดความสงสัยจนปิดบังสายตาอยากรู้เอาไว้ไม่มิด ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามเพราะรู้ว่าการทำเช่นนั้นเป็นนิสัยของผู้หญิงและเสียมารยาทต่ออีกฝ่าย กลับกันแล้ว ลู่ซินฟางอธิบายคร่าวๆ ว่า “พวกเขาเป็นคนรู้จักของท่านพ่อ มาจากเมืองจี๋หนานที่อยู่ทางใต้น่ะ ก่อนหน้านี้ข้าส่งจดหมายถามหาคนช่วยทำงานในไร่ พวกเขาเลยอาสามาช่วย” “อย่างนั้นหรอกหรือ” แม้เถี่ยฮ่าวซือไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคนกลุ่มนี้สักเท่าไร แต่ชายหนุ่มไม่ใช่คนประเภทสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน พอฟังจบก็ตอบสั้นๆ แค่นั้น ลู่ซินฟางยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สยงจวินกับลูกชายสนใจงานไม้และงานก่อสร้าง อยากให้เถี่ยฮ่าวซือรับเป็นผู้ช่วย ส่วนค่าแรง นางจะเป็นคนจ่ายเอง มีคนมาช่วยงานเพิ่ม งานย่อมคืบหน้าอย่างรวดเร็ว อีกอย่าง ดูแล้วสยงจวินกับสยงอู๋หน่วยกร้านดีไม่น้อย ก่อนหน้านี้คงทำงานใช้แรงมาเยอะ น่าจะสอนงานได้ไม่ยาก ครุ่นคิดชั่วครู่ เถี่ยฮ่าวซือก็พยักหน้ายอมรับข้อเสนอ “นายหญิง ข้าขอเริ่มงานวันนี้ได้ไหม” สยงจวินถามอย่างกระปรี้กระเปร่า “เรื่องนั้น…” หญิงสาวทำหน้าลังเล พลางมองเถี่ยฮ่าวซือ ฝ่ายหลังยิ้มตอบว่า “ข้าไม่มีปัญหา ยิ่งมีคนมาช่วยเพิ่ม งานยิ่งเสร็จเร็ว อีกอย่าง บ้านนี้เป็นของท่าน ท่านตัดสินใจได้เลย” “เช่นนั้นก็ฝากด้วยนะ ฮ่าวซือ” “อืม” ในเมื่อสยงจวินกับลูกชายขอเริ่มงานทันที ลู่ซินฟางจึงรบกวนหลางไป๋ให้ไปบอกแม่หมีเหนียงซิ่น ผู้เป็นภรรยาของสยงจวินว่าสามีกับลูกชายจะอยู่ค้างที่นี่ และด้วยความกระตือรือร้นของพ่อหมีสยงจวินกับลูกชาย บวกกับความขยันของเถี่ยฮ่าวซือ ราวๆ สองสัปดาห์ต่อมา บ้านสวนหลังใหม่ก็พร้อมเข้าอยู่ มิหนำซ้ำ พ่อหมีสยงจวินยังได้เถี่ยฮ่าวซือเป็นเพื่อนใหม่ สยงจวินยังปรึกษาเรื่องแกะสลักงานไม้ ตอนที่ว่างจากงานก่อสร้าง เถี่ยฮ่าวซือยังสอนสยงจวินกับสยงอู๋แกะสลัก ย้อนกลับมาที่ลู่ซินฟาง หลังจากบ้านหลังแรกสร้างเสร็จ นางจ่ายเงินค่าแรงให้กับเถี่ยฮ่าวซือ ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างตามที่ตกลงกันไว้อย่างครบถ้วน ในระหว่างที่ทางหนึ่งสร้างบ้าน ทางฝั่งหลางไป๋กับซินหลินก็เริ่มเติมวัตถุดิบเข้าร้านและโกดัง นอกจากนี้ ลู่ซินฟางยังซื้อรถม้าเพื่อสะดวกต่อการขนย้ายข้าวของ จากการร่วมแรงอย่างแข็งขัน และแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน ในที่สุดร้านค้าขายวัตถุดิบของลู่ซินฟางก็ใกล้จะเปิดทำการแล้ว คฤหาสน์หลังใหญ่ กลางเมืองเล่ออัน ภายในสวนอันกว้างขวางของคฤหาสน์ กงเยียนซูอยู่ในอาภรณ์สีฟ้าเรียบๆ ทว่าผ้าที่ใช้ตัดเย็นชุดกลับเป็นของบรรณาการเฉพาะเชื้อพระวงศ์เนื่องจากเป็นผ้าไหมราคาสูงหลิบ ระหว่างดื่มด่ำชาหอมๆ กับบรรยากาศสุนทรีย์อยู่ในศาลา กงเยียนซูฟังจิ่นเซี่ยรายงานไปด้วย “...ข่าวว่าร้านค้าซินหลินกำลังจะเปิดทำการในวันพรุ่งนี้ขอรับ คนงานทั้งหมด นางยังเป็นคนหามาเองขอรับ” “แหม ตอนแรกข้าคิดว่านางจะมาปรึกษาเรื่องคนงานเสียอีก คาดไม่ถึงว่านางจะมีคนช่วยงานแล้ว” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หญิงหม้ายลูกติดอย่างนางจะสร้างร้านใหญ่โตขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว มิหนำซ้ำ นางยังใช้เวลาเพียงไม่นาน แรกเริ่มที่นางเข้ามาขายสูตรขนม กงเยียนซูยังอ่านความคิดของลู่ซินฟางไม่ออก ไม่รู้เลยว่าแท้จริงนางวางแผนจะทำอะไร แน่นอนว่า ไม่ใช่มาเพื่อหาเงินเพียง 100 ตำลึงทอง สายตาของลู่ซินฟางมีความมุ่งมั่น ราวกับมีความคิดอันยิ่งใหญ่ หากก็เรียบง่ายจนคาดไม่ถึง ซึ่งตอนนี้เขารู้แล้ว นางเพียงต้องการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับตัวเอง ชายหนุ่มวางจอกชาลงพลางกล่าว “นางไม่ธรรมดาเลยว่าไหม จิ่นเซี่ย” องครักษ์หนุ่มก้มศีรษะตอบ “ขอรับ” “เห็นทีข้าคงต้องนำของขวัญสมน้ำสมเนื้อส่งไปให้นางเสียแล้ว” พูดจบ กงเยียนซูมองโฉลดที่ดินของบ้านเจียงที่กางบนโต๊ะ จิ่นเซี่ยมองตามสายตาของเจ้านาย พอเห็นโฉนดที่ดินของบ้านเจียง ในใจอดคิดเป็นห่วงแม่หม้ายสาวคนนั้นไม่ได้ นายท่านของเขา ต้องการหยั่งเชิงลู่ซินฟางด้วยวิธีนั้นสินะ!? รู้ทั้งรู้ว่าเจียงลิ่วไม่ชอบลู่ซินฟาง หากบ้านเจียงรู้ว่าลู่ซินฟางถือโฉนดที่นาของตน พวกนั้นได้มาตามตอแยลู่ซินฟางเพื่อขอคืนแน่ๆ นางไม่มีอำนาจอะไรมาปกป้องตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรละทีนี้ ขณะที่จิ่นเซี่ยคิดพลางส่ายหน้าเวทนาในใจ ริมฝีปากบางของกงเยียนซูยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาผุดผายความเจ้าเล่ห์ เป็นสีหน้าที่ย้อนแย้งกันสุดๆ

อ่านด้วยแอป

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม