บทที่ 12
รวบรวมเงินสำเร็จแล้ว!
ก่อนที่กงเยียนซูจะสั่งให้คนนำเงิน 100 ตำลึงทองเข้ามา เขาได้ถามลู่ซินฟางว่าต้องการรับเงินแบบไหน
หญิงสาวตอบหลังจากไตร่ตรองแล้วว่า “ท่านช่วยแยกเงินเป็นสองส่วนได้หรือไม่ ส่วนแรกเป็นตั๋วเงิน ระบุจำนวน 90 ตำลึงทอง ส่วนที่สองข้าขอเป็นตำลึงทองและตำลึงเงินอย่างละครึ่ง”
วิธีแบ่งเงินของนางช่างชาญฉลาด
หากหอบเงินกลับไปทั้งหมด ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวเช่นนางคงไม่พ้นถูกดักปล้น
กงเยียนซูพยักหน้าเข้าใจ
เมื่อแลกเปลี่ยนสัญญากันเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายประสานมือเป็นการให้เกียรติเพื่อนร่วมการค้า ก่อนแยกย้าย กงเยียนซูกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จริงสิ ข้าชื่อเยียนซู แซ่กง หลังจากนี้พวกเราจะต้องทำธุรกิจร่วมกัน ฮูหยินช่วยเรียกข้าด้วยชื่อเถอะ”
ตั้งแต่มองปราดแรก ลู่ซินฟางรู้สึกว่าตัวตนแท้จริงของกงเยียนซูนั้นไม่ธรรมดา การเรียกชื่อผู้ชายคนนี้ตรงๆ ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ แต่ทว่า หากมองมุมกลับกัน นางเองก็มีความลับ หากต่างฝ่ายต่างไม่ขุดคุ้นเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ธุรกิจนี้อย่างไรก็ต้องดำเนินต่อเพราะเงินไม่ทรยศใคร
อีกอย่าง การเรียกชื่อยังไงก็สะดวกกว่าเห็นๆ ในเมื่อเจ้าตัวอนุญาต เช่นนั้นนางจะขอรับสิทธิพิเศษนั้นไว้
หญิงสาวพยักหน้าแล้วตอบกลับ
“เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านว่า ‘ท่านเยียนซู’ แล้วกัน ข้ามีนามว่าซินฟาง แซ่ลู่ หากท่านเรียกชื่อข้าก็จะดีใจมาก”
“แซ่ลู่...เป็นแซ่ของสามีหรือ”
นางส่ายหน้า “เป็นแซ่ของท่านแม่ข้าเอง ข้าหย่ากับสามีมานานแล้ว”
ชายหนุ่มมองลู่ซินฟางนิ่งๆ สักครู่ก็เอ่ยว่า “ซินฟาง จากนี้ข้าต้องรบกวนเจ้าเรื่องวัตถุดิบแล้ว”
นางประสานมือให้กับเขาอีกครั้ง “ข้าก็เช่น ท่านเยียนซู”
คล้อยหลังของหญิงสาว กงเยียนซูสั่งให้ผู้ติดตามสืบเรื่องของลู่ซินฟาง พร้อมกับตามคุ้มกันนางจนถึงบ้าน หากคู่ค้าเป็นอะไรขึ้นมา เงิน 100 ตำลึงทองได้สูญเปล่าแน่ๆ
อย่างที่บอกไป สตรีตัวเล็กๆ หอบเงิน 100 ตำลึงทองเดินทั่วเมืองไม่ต่างอะไรกับการปักธงเรียกโจร
หารู้ไม่ เรื่องนี้ลู่ซินฟางคำนวณมาแล้ว
นางเก็บเงิน 100 ตำลึทองที่ได้ไว้ในอกเสื้ออย่างดี แล้วใช้เงินเหรียญจากการขายผิงกั่วเคลือบน้ำตาลซื้อของแทน การที่ให้ชายหนุ่มแยกเงินให้ เพราะอยากรวบรวมรูปแบบเงินทั้งหมดในโลกนี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ก่อนกลับหมู่บ้าน นางแวะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับลูกทั้งสอง และเสื้อผ้าของตัวเอง ซื้อมีดสั้น วัตถุดิบทำอาหาร เนื้อหมู ข้าวสาร แป้งทำบะหมี่กับหมั่นโถ รวมถึงของจำเป็นอื่นๆ
ตอนหิ้วของขึ้นรถเทียมวัว ทุกคนบนรถต่างคิดว่านางได้กำไรจากการขายผิงกั่วเคลือบน้ำตาลมาเยอะ
บังเอิญมาก บนรถเทียมวัวันนั้นเจียงลิ่วก็นั่งอยู่ด้วย คาดว่านางคงเข้าเมืองมาซื้อของ
พอฝ่ายนั้นเห็นนางหอบข้าวของเต็มสองมือ ก็ไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าริษยา เบะปากและสะบัดหน้าเชิดใส่ลู่ซินฟาง
ลู่ซินฟางแอบส่ายหน้าในใจ ในโลกเดิม คนประเภทเดียวกับเจียงลิ่ว นางเคยเจอมาเยอะ ดังนั้นการแกล้งเมินจึงเป็นวิธีที่ดีสุด
จังหวะเหมาะเหม่ง ฮูหยินรองบ้านจวงที่นั่งฝั่งตรงข้ามทักทายลู่ซินฟาง นางจึงคุยยิ้มแย้มอย่างเบิกบานกับฮูหยินรองบ้านจวง
ฮูหยินรองบ้านจวงอายุ 27 มากกว่าลู่ซินฟางประมาณ 3-4 ปี เป็นคนอัธยาศัยดี
ถึงจะรู้เรื่องที่ลู่ซินฟางถูกสามีหย่า ด้วยข้อกล่าวหาว่าเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ฮูหยินรองบ้านจวงก็ไม่เคยกล่าวซ้ำเติมหรือสอบถามว่าจริงหรือไม่
หมู่บ้านกว่างซูที่ลูซินฟางอาศัยอยู่นี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ข่าวลือเลยแพร่กระจายเร็ว ด้วยความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็พื้นฐานของคน บางวันเหล่าแม่บ้านที่ว่างจากงานก็จะมาถามสาเหตุของการหย่า โดยแกล้งทำทีเป็นถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
แต่ฮูหยินรองบ้านจวงนั้น นอกจากมาหาลู่ซินฟางเพื่อแบ่งปันผักให้แล้ว ก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของลู่ซินฟาง นับเป็นคนดีหายาก เช่นเดียวกับชิงเหลียน
พอเห็นว่าลู่ซินฟางรู้จักเอาผิงกั่วเปรี้ยวมาทำเป็นขนม ฮูหยินรองบ้านจวงชมเชยนางไม่หยุดปาก ยิ่งทำให้เจียงลิ่วที่นั่งอีกฝั่งหลุดสีหน้าริษยาอยู่หลายครั้ง
พอมาถึงหมู่บ้าน ลู่ซินฟางลงจากรถเทียมวัว เดินผ่านทุ่งหญ้าผืนใหญ่ ไร่นาสีเขียวขจี บ้านเรือนหลายหลังที่ตั้งเรียงรายกัน พอเดินเข้ามาในถนนสายเล็ก ก็จะเห็นสวนผักของบ้านลุงอู่ ทุ่งนาของบ้านเถี่ย ผ่านที่ดินว่างเปล่า สุดทางของถนนก็คือบ้านของนาง
ลู่ซินฟางมิได้รีบร้อน สายตากวาดมองไร่นาทั้งสองฝั่งถนน
เดินจนเพลิน เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงบ้านลู่เสียแล้ว
“แม่กลับมาแล้ว เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์” ลู่ซินฟางตะโกนบอกลูกๆ หน้าบ้าน
สักครู่ หน้าต่างแง้มเปิดจากด้านใน ศีรษะเล็กๆ ของลูกทั้งสองชะโงกออกมาทางหน้าต่าง
“ท่านแม่!”
เป่าเอ๋อร์ตะโกนเรียกด้วยใบหน้าดีอกดีใจ
เฉิงเอ๋อร์วิ่งไปเปิดประตู พอเห็นของเต็มมือท่านแม่ เด็กชายรีบอาสาช่วย
“ข้าจะช่วยหิ้วของไปเก็บ”
“ขอบใจมากนะ เฉิงเอ๋อร์”
เป่าเออร์แก้มป่อง “ข้าก็จะช่วย”
“ขอบใจจ๊ะ” นางยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะให้ทั้งสองช่วยถือของที่เบาที่สุด
หลังจากเก็บของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ลู่ซินฟางให้ลูกๆ มาลองชุดใหม่
เมื่อเด็กทั้งสองสวมเสื้อผ้าดีๆ ทั้งยังสะอาดสะอ้าน พวกเขายิ่งดูน่ารักมากขึ้น
“ไม่รู้มาก่อนเลย ผิงกั่วเคลือบน้ำตาลของท่านแม่จะขายดีเช่นนี้ ท่านแม่ ถ้าพรุ่งนี้ท่านจะเข้าเมืองไปขายผิงกั่วอีก ให้พวกเราไปช่วยด้วยนะ” เฉิงเอ๋อร์พูดด้วยตาเป็นประกาย
“แน่นอนอยู่แล้ว พ่อค้าตัวน้อยของแม่” ลู่ซินฟางพูดทีเล่นทีจริง
“ข้าก็จะไปด้วย” เป่าเอ๋อร์ชูมือเล็กป้อมพร้อมกระโดดโหยงๆ
“ได้ พวกเราจะช่วยกันขายของ หาเงินให้ได้มากๆ” ลู่ซินฟางยิ้มบางๆ ลูบศีรษะเล็กของลูกทั้งสองด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เด็กๆ หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข