“แบบนี้มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือคุณ เพราะผมคิดว่าใจคุณมันคงจะไม่ใจร้ายไส้ระกำถึงขนาดนั้น”
ซึ่งเขาพยายามออดด้วยคำพูดและ พูดดีๆกับหล่อน
หากแต่ว่าหญิงสาวกลับเสียงแข็งใส่
อารมณ์หมางเมินและเย็นชาใส่
“อ๋อ คุณคิดผิดไปล่ะ เพราะฉันทำอะไรได้เสมอ แล้วก็ไม่ใช่คนใจดีอย่างที่คุณพยายามคิดหรอก เพราะคนเรานั้น บางครั้งต้องต่อสู้ เพื่อเอาตัวเองรอด มันก็ต้องร้ายหน่อยล่ะ”
แต่เขากลับนึกหัวเราะ
“ฮึ นี่ ถามหน่อยเถอะ คุณ ไปเอาปรัชญาบ้าๆแบบนี้มาจากไหนกัน มันดูน่ากลั๊ว น่ากลัวจริงๆ”
นั่นเพราะ หล่อนไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเขาเลย
มันจะเป็นการต่อความยาวสาวความยืดที่ไม่ราหยุดลงง่ายๆ
นึกอายผู้คนที่ผ่านไปมาเหลือเกิน
เขาเป็นใครกันนะ ถึงมีอภิสิทธิ์หลายอย่าง
สั่งบงการหล่อนได้ แล้วทำไม
ชีวิตของหล่อนจะต้องบังเอิญ มาพบเจอกับนายคนนี้แทบทุกครั้งด้วย
บ่อยหน
ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าจะบังเอิญมากมายขนาดนี้ด้วยซ้ำไป
หล่อนไม่เข้าใจ ทั้งโชคชะตาและเบื้องบนลิขิตหรือว่าอาจจะเป็นพรหมลิขิต
“แล้วกัน นี่ใจของคุณ ทำด้วยอะไรกันล่ะ ผมว่า ใจของคุณ มันเหี้ยมเกรียมไม่พอหรอกนะ คุณเป็นผู้หญิง”
เมื่อเขาเห็นหล่อนไม่พูดจึงเอ่ยเพื่อยั่วต่อ เขาคิดอย่างนี้ เมื่อเขาท้าหล่อน ในสิ่งที่ฝ้ายนิลก็อดรนทนไม่ได้เช่นกัน
“อ้อ แล้วคุณจะลองดูไหมล่ะ ว่าฉันจะเหี้ยมขนาดนั้น ใจดิบขนาดไหน”
ก็เพราะว่า ไหนๆหล่อนก็ไม่ได้เข้าไปทำงานแล้ว ก็เลยสู้หันมาจัดการกับเขาดีกว่า
เนื่องจากเขาเป็นตัวการในครั้งนี้ ที่ทำให้หล่อนต้องผละจากงานโดยไม่มีสาเหตุ
ทั้งที่หล่อนอยากจะทำงาน หากแต่ว่ากลายเป็นทุกคนก็เออออเป็นใจให้กับเขาด้วย
และหล่อนกัดฟันเหมือนคนโกรธหนัก
แต่เขานั้นกลับหันมามองพร้อมกับเหมือนยิ้มเยาะใส่หล่อน
“อ้าว ถ้าอยากลอง มันก็น่าลองเหมือนกันนะ ลองดู แต่ผมว่า ตัวคุณมันน่าลองกว่า”
“บ้า พิเรนทร์ อกุศล แล้วถามหน่อย คุณเป็นอะไรกับพี่กัญชลิกาล่ะ เธอรู้ได้ยังไง แล้วเกี่ยวข้องอะไรด้วยกับบริษัท ที่ฉันทำงานอยู่”
นี่หล่อนก็แอบสงสัยมานานแล้ว
เมื่ออดรนทนไม่ได้จึงถามออกมา
เพื่อให้กระจ่าง เขาคงรู้ดี
“แล้วจะให้ผมตอบยังไงล่ะคุณ เอ หรือว่าไม่ต้องตอบดีกว่า”
หากเหมือนตั้งใจจะถ่วงเวลา เพื่อยื้อหล่อน ด้วยคำพูดรวน และเล่นคำอีก
“แต่คุณต้องตอบ เพราะฉันอยากรู้ ต่อไปคุณจะได้ไม่มาเล่นกลเหมือนซ่อนหากับฉันอีก ฉันเบื่อการเล่นประเภทนี้เต็มทน ฮึ นี่ คุณเป็นใครกันแน่ เปิดเผยตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องมาอำพราง เพราะถึงคุณไม่บอกวันนี้ก็ตาม แต่สักวันฉันคงรู้ ความลับมันไม่สามารถปิดไว้ได้ตลอดกาลหรอก”
หากเพราะหล่อนต้องการเหตุผล
ฝ้ายนิลจึงใช้วิธีการแบบนี้
เกลียดเขา? แน่ใจจริงหรือฝ้ายนิล
นี่หล่อนก็เฝ้าถามใจของตนเอง
แต่หัวใจมันไม่ยักกะให้คำตอบเสียที
เมื่อเขาอมยิ้ม เพราะคิดว่า หล่อนพูดแบบนี้ เออ มันน่าค่อยตอบหน่อย
คงยอมพูดดีกับเขาขึ้นมาแล้วสิ
หล่อนคงไม่มีทางเลือก เพราะว่าเขาได้ต้อนหล่อนเข้าจนมุมไปเสียแล้ว
และกระทั่งกริญจ์ยิ้มให้หล่อน จนแลเห็นฟันขาวดุจมุกเรียงซี่เป็นแถว
เขามีฟันสวยเป็นระเบียบ ไม่ผ่านการดัดเหล็กครอบฟันหรือศัลยกรรม
และรอยยิ้มนั้นเปิดกว้างเป็นครั้งแรก ดูบริสุทธิ์ และไม่ได้แฝงลับลมคมในเหมือนคราวก่อน
และเขายิ้มสวย
ตั้งหน้าตั้งตาซักเขาดีกว่า
หล่อนคิดว่า เขามีเส้นสายใหญ่โตแน่
ถ้าเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน ถ้ามันผิดพลาด หล่อนจะโยนเรื่องให้เขารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเลย อีกอย่างเพราะพี่กัญชลิกาสนิทสนมกับเขามากนี่
เรื่องนี้ หล่อนจะต้องโทษพี่กัญชลิกา อีกคนอย่างเต็มๆ
เพราะเธอมีส่วนร่วม ที่ทำให้พนักงานในบริษัทอย่างฝ้ายนิล ทำผิดระเบียบ ออกมาเที่ยวในเวลางาน คิดว่า ถ้าพี่กัญชลิกาไม่เออออห่อหมกร่วมไปกับเขา หล่อนคงไม่มีทางได้ออกมาข้างนอกกับเขาเป็นแน่
“แล้ว พี่กัญชลิกาด้วย ฉันคิดว่า ท่าทางคุณคงจะรู้จักเธอเป็นการส่วนตัวมากเกินไป และฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นอะไรกับเธอกันแน่ ”
“เอ ที่ถามมาทั้งหมดนี่ คุณจะถามเพื่ออะไร อ้อ คงอยากรู้จักประวัติส่วนตัวของผม”
“มันก็ใช่”
และหญิงสาวก็อึกอักก่อนที่จะตอบออกมาตรงๆ
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะไม่ใช่การละลาบละล้วงไปหน่อยหรือครับคุณ กับการถามเจ้าของชื่อ โดยที่เขาไม่อยากตอบคุณ”
“เอ๊ะ นี่คุณ”
เมื่อเขาทำยึกยักเรื่องมากซึ่งฝ้ายนิลออกเสียงโมโหเขาอีกแล้ว เป็นไปอย่างเหลืออด “คุณ จะมาลูกไม้อะไรกับดิฉันอีก แค่นี้ฉันก็ยอมคุณมากพอแล้วนะ แล้วที่นี่มันก็ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ฉันจะรีบกลับไปทำงานต่อด้วย”
และแดดในยามบ่ายสองโมงเริ่มส่องกล้ามากขึ้นกว่าเดิมจนจัดจ้าน
หล่อนไม่ชอบ หล่อนเกลียดผู้ชายแปลกหน้าอย่างเขา ที่มาตั้งเงื่อนไขแบบนี้กับหล่อน
หล่อนก็เลยต้องจำยอม ที่ยอมเพราะความอยากรู้เรื่อง
อีกอย่าง ผู้ชายอย่างเขา มันเจ้าเล่ห์สารพัดสารพัน นัก
หล่อนไม่ควรไว้ใจเขามากมายด้วย
ทำไมมาจุ้นจ้านวุ่นวายกับชีวิตหล่อนนักก็ไม่รู้ ทั้งที่ รู้จักมักจี่ก็ไม่รู้จักสักนิด แบบนี้เขาเรียกว่าหาเรื่อง
หาเรื่องอะไรนัก หาเรื่อง อ้อ จะจีบหล่อนน่ะหรือ
ใครจะคิดแบบนี้ กับวัตถุประสงค์ของชายหนุ่มตรงหน้า
เพราะระหว่างเขากับหล่อนนั้น พากันเกลียดกันแทบตาย
“นี่นาย เศรษฐี ขี้เต๊ะ ฉันขอบอกนายตรงๆเลยนะ ว่าอย่ามายุ่งกับชีวิตของฉัน”
เมื่อฝ้ายนิลโกรธก็ด่าออกมาทันที เขาก็ได้ยิน
แต่กลับแปลน้ำเสียงด่าทอของหล่อนเป็นเหมือนกำลังฟังเสียงเพลงที่แสนจะเพราะพริ้งนัก
“ผมกำลังฟังเสียงเพลงจากคุณ เอ้อ ร้องได้เพราะมาก”
อารมณ์ขำตีมึนของเขามีเหลือเฟือ
“บ้า บ้า นี่ฉันกำลังด่านายต่างหากล่ะ”
ใช่ เพราะกริญจ์ได้ยินคำด่าจากปากหล่อนไวๆ
แต่เขาก็ยังคงแปลเป็นอย่างนี้ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ
“ก็บอกแล้ว ว่าผมกำลังฟังเสียงเพลงจากปากคุณ”
แต่วิธีการแบบนี้เขาคิดว่าจะสยบหล่อนได้หรือไง
“นี่ นาย ฉันไม่ใช่เด็กอมมือนะ”
หล่อนว่าเข้าอีก อารมณ์ยังเดือดจัดอยู่
ส่วนเขากลับตอบไปแบบเฉยๆเหมือนเดิม คือ ท่าทางเหมือนคนไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิดเลยกับเรื่องนี้ ดูแล้ว ประสาทจริง พิลึก คนอะไรแบบนี้
หล่อนมาเจอเขาได้ยังไงกัน
“โดนด่า แล้วไม่ยอมไปอีก เขาว่าคนหน้าด้าน”
แล้วหล่อนก็บ่นว่าอีก
“อ้าว งั้นแบบนี้ ถือว่าผมอยากหน้าด้าน”
ฟัง ฟัง คำตอบของเขา นี่ หนออกหล่อนจะแตกตายเลย
และฝ้ายนิลโกรธเกรี้ยวเอากับเขาค่อนข้างหนัก
เพราะความโกรธ ที่เขานั้นอยากมาตอแยใส่หล่อนดีนัก
ไล่ก็แล้ว ด่าก็แล้ว ก็ยังมีหน้ามาทนอยู่อีก
แสดงว่าเกินไปแล้วคนเรา