ตอนที่ 18

1344 คำ
เป็นการที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมผู้บาดเจ็บกับปัญหาชีวิตที่ต้องการเยียวยาทางด้านจิตใจ ให้คำปรึกษาแก้ไขแนะนำแนวทาง ซึ่งจะว่าไป หล่อนคิดว่า มันมีความน่าสนใจ น่าลอง เพราะเป็นการทำเพื่อไม่หวังผลตอบแทน ไม่ได้เงินแต่ได้บุญกุศลและความความอิ่มเอมใจกลับมา ได้ช่วยเหลือคนในวงสังคมที่มีความทุกข์ยาก เขาบอกว่า เขารู้จักชื่อมูลนิธิและสมาคมเหล่านี้ สามารถฝากให้หล่อนเข้าไปทำงานช่วยเหลือผู้คนในสังคมกับคนที่เขารู้จักได้ เพราะมารดาทำงานอยู่ในนั้น ดังนั้นหล่อนกำลังมีความคิดว่า หล่อนจะตอบตกลง และฝ่ายปวีณาเข้าใจเพื่อนมากที่สุด “ต่อไปเธออย่าไปยุ่งกับเรื่องของครอบครัวนั้นเลย ถ้าเขาไม่อยากรับความหวังดี” “นี่ มอส ถ้าเขาไม่ใช่พี่สาวของฉัน ฉันก็อาจจะทำได้ และไม่อยากจะเข้าไปยุ่งหรอมอส เพราะตรงนี้เอง” “ใช่ด้วย เพราะพี่สาวของเธอนั่นแหละ เราจึงไม่ควรไปยุ่ง คนไม่เข็ดนี่นา ไม่จำ หวังดีเท่าไหร่แล้วน่ะเธอพี่สาวของเธอเองก็ยังจมปลักหลงไอ้ผัวบ้าๆเฮงซวยนั่นอีก” และมอสก็พูดด้วยเจ็บแค้นแทนหล่อน ซึ่งเป็นเพื่อนรัก “นึกอีกที ฉันว่าเป็นกรรมของพี่มิ้นจริงๆนี่ คงเคยก่อร่วมกรรมเวรใสกับนายเมธา มาแต่ชาติก่อนแน่นอน ถึงยังสลัดจากกันไม่หลุดแบบนี้” เมื่อฝ้ายนิลเริ่มตั้งคำถามสันนิษฐานและขบคิด “แหม คิดอย่างนี้ ตกสมัยไปแล้วจ๊ะ ยายฝ้าย งั้นถ้าคิดอย่างนั้น คนทุกคนก็เป็นหนี้บุญคุณมาแต่ชาติก่อนกันหมดสิ ทำไมไม่คิดถึงกรรมปัจจุบันของตนเองที่ก่อบ้าง ล่ะว่าทำดีหรือทำชั่วมากกว่า ผลมันถึงได้เกิดให้เห็น” “จริง นั่นสินะมอส” ซึ่งฝ้ายนิลก็เห็นคล้อยไปตามเพื่อนด้วย “จ้ะ ฉันก็แค่ยกตัวอย่างให้ฟังเท่านั้นล่ะ เอ้อ นี่ แล้ว คุณกริญจ์ของเธอล่ะว่ายังไงบ้างจ้ะฝ้าย” เมื่อปวีณานั้นกลับเปลี่ยนเรื่องพูดกะทันหัน หันมาพูดเรื่องที่ทำให้เพื่อนสาวสบายใจมากกว่านี้ อย่างน้อยก็รู้ว่าหนุ่มคนนี้ เขามีท่าทางสนใจเพื่อนสาวของหล่อนอย่างจริงจังแน่นอน เพราะแสดงออกชัดเจนแบบนี้ ส่วนยายฝ้ายเพื่อนของหล่อนน่ะใจแข็ง ไม่ยอมรับง่ายๆหรอก คนแบบนี้ต้องง้างด้วยตะขอเหล็กถึงจะเปิดอ้าให้กว้างๆ แล้วล้วงลึกไปรู้ใจของแม่เพื่อนสาวคนนี้ ถึงจะเข้าไปได้ว่า ฝ้ายนิลคิดอย่างไงกับคุณกริญจ์ ซึ่งหล่อนมองดูในสายตาว่าเขาเป็นผู้ชายที่สมาร์ทที่สุด เพอร์เฟกต์ไปทุกสัดส่วน ในสายตาและเป็นหนุ่มในอุดมคติของสาวๆทั้งหลายที่คลั่งไคล้ชื่นชอบในตัวเขา เข้ากับแฟชั่นหนุ่มยุคใหม่ อีกทั้งผมเผ้าและหน้าตาก็กระเดียดออกไปทางเกาหลีหรือไต้หวัน เพราะ ปวีณาคิดว่าคุณกริญจ์คนนี้ เขาเป็นไปได้มากทีเดียวทั้งหล่อสง่า มีราศีที่เด่นสะดุดตาอย่างมากที่สุด เลยต้องถามอีก เมื่อรู้ว่าเพื่อนสาวแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เธอเอ่ย “ว่าไงยะ ฝ้ายจ๋านี่ อยากจะรู้เต็มแก่เลยล่ะ ว่าหล่อนจะยอมเปิดหัวใจรับพิจารณาใครขึ้นมาบ้างหรือเปล่าน๊า อย่างคุณกริญจ์นี่ไง เขานะ หล่อเหลา แบบนี้หายากนะแก ในเมื่อเขาผ่านเข้ามาในชีวิต แกก็ตะครุบไว้เลยสิ เดี๋ยวเสร็จคนอื่นเข้าหรอก” “นี่พูดบ้าๆ น่า ยายมอส ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์นั้นสักหน่อย ฮึ เรื่องวิ่งไล่ตามผู้ชายนะไม่มีอยู่ในหัวย่ะ และฉันก็ทำไม่เป็น ด้วย เรื่องอ่อย” “อ้าว งั้นก็คงต้องให้ผู้ชาย วิ่งไล่ตามหล่อนสิยะ ถึงจะถูกต้อง ฝ้ายถ้าคิดอย่างนี้ ไม่ทันใครเขากินหรอก” ปวีณาค่อนบ่นใส่เพื่อนรัก พร้อมกับทำหน้าค้อนใส่ด้วยหนึ่งวง “ก็ใช่สิ เป็นแบบนั้นละ” “นี่ แหม เธอนะ ต่อไปฉันจะคอยดู หากว่าคุณกริญจ์หลุดไปเป็นของคนอื่น หล่อนจะเสียใจที่สุดย่ะ” “เอ๊ะ จะต้องไปเสียใจทำไมกัน เพราะฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนี่ ยายมอส” “นี่ แหม กัดปากหรือเปล่าจ๊ะฝ้ายจ๋า ก็เห็นว่าสวีทกันออกอย่างนั้น อย่ามาไก๋เลย บอกมาตามตรงเถอะย่ะ เพื่อนฝูงไม่มีใครเขาโกรธแกหรอก ดีใจแถมด้วยอีกต่างหากล่ะ ที่แกเริ่มเปลี่ยนใจหมดอคติกับผู้ชาย และหันมาดูแลผู้ชายที่ดีๆอย่างคุณกริญจ์บ้างหล่อน” ฮึ กริญจ์หรือเป็นคนดีปวีณายังไม่รู้จักด้านร้ายลึกๆที่หล่อนเคยพบเจอมาแล้ว เพราะหล่อนยังไม่เล่าให้ปวีณาฟังมาก แต่ก็ยอมรับว่า เขามีส่วนทำให้หล่อนเปลี่ยนแปลงจิตใจบ้าง ที่คิดว่าผู้ชายบางคนก็มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาชวนให้น่าสนใจไม่ใช่น้อย กรณีนี้ เขาเป็นตัวอย่างนั่นแหละ แต่หากว่าหล่อนยังไม่ปักใจในหัวใจของกริญจ์ดีทีเดียว เพราะเขาเป็นคนกะล่อนเจ้าชู้ แต่หล่อนก็ยื่นคำขาดให้กับใจของหล่อนแล้วว่า ถ้าใครจะรักหล่อนนั้น ขอให้เขามีหล่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นหล่อนจะไม่เลือกเขาแน่นอน และจะขออยู่ต่อเป็นโสดเรื่อยไป ไม่จำเป็นที่หล่อนจะต้องถลำตัวไปหาผู้ชายประเภทไหนทั้งสิ้น หล่อนไม่อ่อยเหยื่อ “ย่ะ แหม ก็ฉันเห็นเขาเทียวมาเทียวรับส่งแกบ่อยหนเหลือเกินนี่จ้ะ หมู่นี้” และปวีณาพูดอีก ตามที่สายตามองเห็น “จ้ะ ถึงงั้นเถอะ แต่ฉันก็ยังไม่ใจอ่อนหรอกย่ะ” “แกก็ใจแข็งเหมือนเคยนะฝ้าย ระวังเถอะนะจะอดชวดเขาไป” “ไม่หรอก ฉันไม่กลัวเพราะถ้าใจเขาอยู่กับเราคนเดียว จะต้องกลัวไปทำไม เพราะเขาจะต้องไม่วอกแวก แต่ถ้าเขาออกนอกลู่นอกทาง ก็ตัดสินใจว่าเขาไม่มีความหนักแน่น เป็นไม้หลักปักเลน” และฝ้ายนิลก็เอ่ยท้าทายด้วยคำพูด พร้อมกับจิตใจที่แข็งแกร่ง หากแต่ว่าหนึ่งดวงของหัวใจของหล่อนในตอนนี้ เริ่มจะหวั่นไหว และมีความอ่อนหวานลงอย่างมาก เป็นเพราะว่าความรักนั้นมาทักทายจิตใจนั่นเอง ตอนนี้รู้แล้วว่ารสชาติของความรักนะเป็นอย่างไรกันหนอ ก็เป็นอย่างที่หล่อนนั่งคิดถึงเขานี่ไงหากแต่หล่อนไม่บอกให้ใครทราบหรอกแม้แต่ใจของตนเองนั่นล่ะ ********** อีกทางด้านหนึ่ง คุณหญิงสายเบศพึงพอใจนักที่ปรารถนาจะได้กริญจ์มาเป็นลูกเขย เพราะยังไงเสียเธอเชื่อมั่นอย่างแน่นอน เพราะคุณหญิงมัสดาเพื่อนรักเป็นมารดาของกริญจ์ ย่อมจะบังคับให้กริญจ์ทำตามใจชอบของเธออยู่แล้ว แม้ว่าจะพ้นผ่านจากวันงานของสมาคมที่ผ่านมาแล้วหลายวันก็ตาม ดูเถอะคุณหญิงมัสดายังดึงลูกชายเข้าไปร่วมงานออกงานในครั้งนี้ได้เลย ซึ่งไม่มีครั้งไหนที่กริญจ์จะใจอ่อนทำตามคุณหญิงมัสดาสักครั้ง เรื่องเที่ยวเตร่ไม่เป็นโล้เป็นพายนี่ คุณหญิงสายเบศได้ยินเข้าหูเหมือนกัน แต่เธอไม่คิดอะไรหรอก เพราะฐานะของกริญจ์เป็นหนุ่มสังคมชั้นสูง ถึงแม้ไม่ได้ทำงานทำการ ก็เถอะ แต่เขาก็นอนกินเงินมรดกทรัพย์สินมหาศาลของตระกูล ที่ใช้กันทั้งชาตินี้ไม่มีวันหมดเลยล่ะ หากถ้าลูกสาวของหล่อนได้แต่งงานไปด้วยนั่น ก็เหมือนกับว่าเป็นแม่หนูตกถังยุ้งฉางข้าวไปเลย ดังนั้นหล่อนจึงพยายามที่กระตือรือร้นให้มัญจลี ลูกสาวคนเดียว เข้าไปหาคุณหญิงมัสดาเพื่อฝากตัว และรวมทั้งกริญจ์ด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม