บทที่ ๑ ความลับเศร้าๆ(๑)

1322 คำ
มือบางผลักประตูเพนท์เฮาส์เข้าด้านในด้วยท่าทีอ่อนแรง เธอเหนื่อย ท้อใจ เจ็บปวดไปทั้งร่างกายและหัวใจ ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรรูปงามผู้พรั่งพร้อมไปด้วยความอ่อนโยน ท่าทีสุภาพ ปากรูปกระจับยามขยับยิ้มคราใดมักทำให้หัวใจสั่นไหวได้เสมอ ทว่าสองปีเต็มมานี้ เธอไม่เคยกลับไปคิดเช่นนั้นอีกเลย เขาไม่ใช่เทพบุตร หากแต่เป็นซาตานผู้โฉดชั่วซึ่งพร้อมจะกระชากความสุขและรอยยิ้มไปจากเธอในทุกๆ วินาที คุลิกา อิงสุวรรณ สาวเฉิ่มนัยน์ตาแสนเศร้าค่อยๆ ถอดแว่นตากลมหนาเตอะของตัวเองไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรั้งเอากระเป๋าสะพายแบบคล้องไหล่ลง ซึ่งในนั้นเธอพกพาพาสปอร์ต บัตรประชาชน และโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ซื้อตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เธอเตรียมของทุกอย่างไว้ให้พรั่งพร้อมเสมอ เผื่อวันใดมีโอกาสจะได้หนีไปจากเขา ดวงตากลมโตปรายมองไปยังภาพถ่ายของใครบางคน ซึ่งยืนอวดหุ่นเท่ในชุดสูทอาร์มานีสีเทารีดเรียบจับจีบเสียคมกริบ ใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ ปากยกขึ้นนิดๆ นัยน์ตาสีเทาคมเข้มกำลังจับจ้องมายังเธอตาไม่กะพริบ ริมฝีปากจิ้มลิ้มไร้ร่องรอยของลิปสติกตกแต่งทำปากยื่นใส่เล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าหนี เชื่อเถอะ ถ้าเจ้าของภาพถ่ายได้เห็นกิริยาของเธอในเวลานี้ละก็ เขาคงไม่ชอบใจเป็นแน่ แต่เธอจะกังวลไปทำไม ในเมื่อป่านนี้เขาคงจะยุ่งกับเอกสารกองพะเนินตามประสาเจ้าพ่อวงการพลังงานรายยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีอำนาจครอบคลุมไปทั้งประเทศอังกฤษหรืออีกหลายๆ เมืองในแถบนี้แทบทั้งหมด เขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงผู้ฉลาดปราดเปรื่องแต่ช่างโง่เง่าในเรื่องของเธอ และหูเบาเป็นที่สุด บางทีเธอน่าจะหาโอกาสผูกห่วงหินไว้กับติ่งหูของเขา มันจะได้หนักขึ้นมาบ้าง คุลิกาส่ายหน้าให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเอง พนักงานในบริษัทเทียบชั้นเฉกเช่นเด็กอนุบาลผู้อ่อนหัดอย่างเธอน่ะหรือ จะมีปัญญาอะไรไปงัดข้อกับอธิการบดีผู้บ้าอำนาจเช่นเขา พอนึกถึงสถานะที่ตัวเองต้องแบกรับมาตลอดสองปี น้ำตาก็พลันเอ่อรื้นขึ้น เธอต้องยอมรับความผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ช่างบ้าบอสิ้นดี! เมื่อสองปีก่อน แฟ้มงานสีน้ำตาลเข้มหนาเตอะ ถูกโยนโครมลงบนโต๊ะทำงานของเธอจนทำเอาสะดุ้ง เหงื่อกาฬแห่งความหวาดหวั่นของคนเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ยังไม่ถึงเดือนไหลบ่ายิ่งกว่าทำนบแตก บอดี้การ์ดร่างสูงสองคน มาดเข้ม แหวกผ่านบรรดาพนักงานร่วมยี่สิบชีวิตเข้ามา พร้อมกับเปิดทางให้กับเจ้าของนัยน์ตาสีเทาดุดัน เขาก้าวเข้ามาพร้อมแสยะยิ้มร้ายกาจ ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมาที่เธอนิ่งนาน แต่มันไม่ใช่แววตาแห่งความยินดีในการพบหน้ากันครั้งแรก มันเป็นแววตาแสนจะเย็นชาและทำให้เธอแทบหยุดหายใจเลยทีเดียว “เธอร่วมมือกับไอ้ผู้จัดการถ่อยนั่นฉ้อโกงบริษัทของฉัน!” “โกงหรือคะ! ปละ...เปล่านะ” “ลากตัวยายนี่ออกไป ฉันจะส่งเธอให้ตำรวจ ขังลืมไปเลยจะได้จำให้แม่นๆ อย่าคิดโกงคนอย่างฉัน” “ฉันไม่ได้ทำ คุณเอาอะไรมาพูด...ฉันไม่ได้ทำ  แบบนั้นนะ” “เอาตัวเธอไป! เดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วเรียวยาวปาดเช็ดน้ำตาทิ้งลวกๆ ความทรงจำเลวร้ายกับการต้องแบกรับความผิดซึ่งตัวเองไม่ได้ก่อ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ถูกเขาตราหน้าว่าเป็นคนฉ้อฉลยังไม่พอ ยังต้องมาแบกรับฐานะนางบำเรอเพื่อเป็นการชดใช้เงินที่มันสูญหายไปร่วมห้าล้านปอนด์อีก ไม่รู้ต้องนอนนิ่งเป็นผักให้เขาสาดความทารุณใส่อีกนานแค่ไหนมันถึงจะจบสิ้นกันสักที ถ้าย้อนกลับไปวันนั้นได้ เธอน่าจะเลือกการติดคุก เพราะสักวันเธอก็ได้ออกมาพบกับโลกสวยงามใบนี้ จะได้ไม่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่ร่วมสองปี...สองปีที่แสนจะรวดร้าวและทรมานจนหัวใจแทบมอดไหม้ หญิงสาวยิ้มเย้ยให้กับตัวเองด้วยแววตาหม่นเศร้า ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา สิ่งที่เธอทำได้มีแค่เพียงก้มหน้ายอมรับสภาพของการเป็นผู้หญิงขายตัว เพื่อแลกกับการไม่ต้องติดคุก เพื่อแลกกับเงินที่ถูกยัดเยียดว่าเป็นคนฉ้อโกง อีกไม่กี่ปีหนี้สินของเธอกับเขาคงจะจบสิ้นกันสักที แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร เงินเดือนที่เธอเก็บสั่งสมบวกกับค่าเรือนร่างซึ่งเขาจ่ายให้ในทุกครั้งที่หลับนอนจะครบห้าล้านปอนด์สักที ครบเมื่อไรเธอจะไปจากที่นี่ เพนท์เฮาส์แสนหรูที่เขาใช้เป็นเสมือนซ่องบำเรอความสุข คนใจร้ายคนนั้นจะมาที่นี่สัปดาห์ละสามวัน ก็ยังดีที่เขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ให้เธอเห็นหน้าตลอด เพราะยิ่งเห็นเขามากเท่าไร เธอก็ยิ่งสะอิดสะเอียนเรือนร่างของตัวเองเพิ่มขึ้นทุกๆ ที คุลิกาเลือกจะเปลือยร่างเพื่อคลานขึ้นเตียง เธอรั้งชายเสื้อขึ้นให้เนื้อผ้าพาดผ่านเรือนกายท่อนบนออกทางศีรษะ บราลายลูกไม้สีชมพูอ่อนๆ สีเดียวกับตัวเสื้อแขนตุ๊กตาก็ถูกสลัดออกโดยง่าย เผยให้เห็นขนมปังถ้วยฟูสีขาวอมชมพูซึ่งเต่งตึงและใหญ่เกินทรวดทรงองค์เอวเล็กคอด กระโปรงตัวยาวคลุมข้อเท้าถูกรูดลงผ่านเรียวขาเนียนขาวไปพร้อมๆ กับซับใน โยนทุกอย่างลงในตะกร้าก่อนจะปีนขึ้นเตียงด้วยความอิดโรย การทำงานกับเอกสารและตัวเลขหลักพันล้านมาตลอดทั้งวัน มันทำให้หมดแรงเกินกว่าจะพาตัวเองไปดื่มด่ำกับความสดชื่นของสายน้ำ จึงเลือกจะคว้าเอาหมอนใบโปรดมาซุกซบ โดยไม่ลืมเหวี่ยงหมอนของใครบางคนลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง เธอเบื่อ ชิงชัง และเหม็นน้ำหน้าของคนที่เป็นเจ้าของ อะไรที่เป็นของเขา ถ้าเหวี่ยงไปไกลตัวได้ก็มักจะทำเสมอ แต่เพียงหมอนใบเขื่องมันปลิวว่อนออกจากมือ     คุลิกาก็ถึงกับต้องรีบหันหลังหนี นอนคว่ำหน้าหลบแววตาคาดโทษจากคนเพิ่งจะก้าวเข้ามา ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าคืนนี้เขาจะมาค้างที่นี่อีก ในเมื่อเขาเพิ่งดื่มด่ำกับร่างกายแข็งขืนของเธอไปเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มันเป็นค่ำคืนที่ชวนให้ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แต่เธอจะมาหลงเพ้อละเมอพกไปให้ได้ประโยชน์อะไร เพราะสิ่งที่เขาทำก็ล้วนเพื่อตักตวงเอาในส่วนที่เขาควรจะได้รับไปเท่านั้น หญิงสาวทำใจนอนเปลือยร่างนิ่ง ไม่สนใจไยดีกับสายตาของเขาซึ่งกำลังวาดสำรวจผิวขาวละเอียดลออตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีอะไรต้องอาย ไม่มีอะไรต้องปกปิดอีกแล้ว ยางอายของเธอมันหมดไปตั้งแต่ต้องมาอยู่ในเพนท์เฮาส์แห่งนี้ ความหรูหราของมันกลับถูกลบค่าลงด้วยนิสัยใจคอของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งโหดร้ายและป่าเถื่อน ผิดกับรูปลักษณ์ของเทพบุตรที่สาวๆ คนใดได้เห็นต่างก็หลงใหลและคลั่งไคล้ เขามันเป็นซาตานใจบาป เป็นจอมมารใจดำ เป็นมาเฟียจอมโหด นิสัยเลวร้ายทั้งหมดล้วนหล่อหลวมเป็นร่างของเขา เจ้าของนัยน์ตาสีเทาดุเคร่ง ใบหน้าไร้หนวดเครา และท่าทางดูไร้อารมณ์สุดๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม