เข้ายามอิ๋น * หวงเจียวหลุนถูกหวังเฟิงปลุกให้ตื่นแล้ว น้ำเสียงของหวังเฟิงอ่อนน้อมอย่างมาก
" องค์ชายเก้าพะยะคะ ยามอิ๋น 2 เค่อแล้วพะยะค่ะ "
" อืม " เขาลุกขึ้นแล้วจัดการบ้วนปาก เช็ดหน้าตา เมื่อเสร็จภารกิจเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพื่อฝึกร่างกายตามคำชี้แนะของปิ่นหยก เขาเดินมาปลุกสตรีที่นอนสบายกายในเตียงนุ่มของเขา
" แม่นาง แม่นางปิ่นตื่นเถิด ยามอิ๋น 2 เค่อแล้ว " เขาสะกิดนางให้ตื่นเพื่อชำระล้างร่างกาย และเตรียมออกจากตำหนักไปยังอุทยาน
" อืม..." นางขานรับแต่ยังหลับอยู่
" แม่นางปิ่นหยก ตื่นเถิด สายมากแล้ว "
" อืม.. " ปิ่นหยกขานรับเช่นเดิม แต่เริ่มบิดตัว หันหลังให้
" แม่นาง แม่นาง " เขาเขย่านางให้ตื่น " ตื่นยากเหลือเกิน " เขาเอ่ยกับตนเองเบาๆ แล้วเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มแรงเขย่า
" โอ๊ย! เรียกอะไรนักหนาวะเนี่ย? " ปิ่นหยกเริ่มหงุดหงิดโวยวาย ลุกขึ้นมานั่งหัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน แต่สิงตายังหลับสนิท สักพักไม่มีเสียงใดๆ เรียก เธอก็ลงไปนอนเอนกายเหมือนเดิม ทำให้หวงเจียวหลุนถึงกับตาค้าง และไม่นานก็ยิ้มออกมา แต่มีหรือที่เขาจะลดความพยายาม ยังคงเขย่านางเหมือนเดิม
" แม่นางปิ่นตื่นเถิด ข้าจะพาแม่นางไปเที่ยวชมอุทยานหลวง "
" ไม่เอา..ฉันจะนอน ค่อยไปเย็นๆ ก็ได้ " เธอตอบออกมา น้ำเสียงงัวเงีย
" ตื่นเถิดนะ " เขาพยายามอย่างยิ่งยวด นางก็สะลึมสะลือ เปลือกตาค่อยๆ คลี่ออก
" ไปเองไม่ได้หรอ ง่วงอ่ะ ขอนอนต่ออีก 10 นาทีนะ "
" 10 นาที? คืออะไร แม่นางช่วยแจ้งข้าเถิด "
" โอ๊ย! วุ่นวายจัง " ปิ่นหยกหงุดหงิด ตวาดออกมาเสียงดัง จนลืมไปว่าเธอกำลังคุยอยู่กับใคร
" บังอาจ เจ้ากล้าตวาดใส่องค์ชายเก้ารึ? " เสียงของหวังเฟิงดังขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นสตรีนิสัยหยาบกระด้าง อัปลักษณ์ภายใน ความเป็นสตรีที่ควรได้รับการอบรมหามีไม่ อีกทั้งใจกล้าหาเกรงกลัวอาญาไม่ ส่วนปิ่นหยกเมื่อได้ยินเสียงตวาด ความมึนงงเมื่อครู่หายไปปลิดทิ้ง มองภาพตรงหน้าอย่างแจ่มแจ้ง สมองชาวาบคล้ายเจอผีตอนตอนสาม ความสะพรึงเข้ามาประทับร่าง
" ตายๆ คราวนี้ตายแน่ๆ เครื่องประหารหัวสุนัข " เธอร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ อาการเช่นนี้ไหนเลยจะเล็ดลอดไปต่อสายตาหวงเจียวหลุน
" แม่นางตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าเถิด ข้าจะรอที่นี่ " เสียงจากสวรรค์ชั้นฟ้าทำให้รู้ว่านางไม่โดนสำเร็จโทษแน่ๆ
ปิ่นหยกรีบลุกโดยด่วน แต่ก็ใช่ว่าจะเร็วเพราะชุดที่เธอใส่รุ่มร่าม ลากยาวเสียยิ่งนัก ขาข้างหนึ่งเหยียบที่ชายกระโปรงระหว่างจะก้าวเท้าลงเตียง ทำให้เสียหลักล้มลงไปจูบกับพื้นอันแสนจะเย็นยะเยือก แต่ทว่าความเร็วของบุรุษก็ทันเอาตัวลองแทนพื้นหนาเย็นให้ปิ่นหยกร่วงหล่นลงมาทับ และเป็นการป้องกันมิให้ปากอวบอิ่มประทับจุมพิตกับสิ่งที่ไม่สมควร ริมฝีปากอวบอิ่มลงไปจุมพิตแผงอกใหญ่พอดิบพอดี เธอรีบเงยหน้ามามองบุรุษร่างหมีที่บัดนี้นอนแผ่เป็นพรมให้เธอไปเสียแล้ว สมองของปิ่นหยกประมวลผลอย่างเร็ว ช่างดูเหมือนในหนังเลยอ่ะ ดีนะไปชนที่ปาก ถ้าใช่ล่ะก็จูบดีๆ นี่เอง แต่ไม่นานปิ่นหยกก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อหวงเจียวหลุนยิ้มและเอ่ยอย่างใจเย็น
" ระวังหน่อยสิแม่นาง หากข้าไม่เอาตัวรับ มีหวังคงต้องเรียกหมอหลวง " ปิ่นหยกอายแทบจะพลิกแผ่นดินหนี และยันตัวเองขึ้นมา
" ก็ดูสิกระโปรงอะไรก็ไม่รู้ยาวจะตาย ผิด! ก็ผิดที่กระโปรงนี้ องค์ชายสั่งให้ข้าใหม่เลย เอาสั้นกว่านี้ หรือเอากางเกงมาก็ได้ ง่ายกว่าเยอะ " นางยันตัวเองลุกขึ้นได้ก็เดินไปจัดการตัวเอง และกล่าวไปด้วย
" เช่นนั้นเรียกช่างมาตัดชุดให้เจ้าด้วยดีหรือไม่ "
" ไม่เอาหรอก.. ยุ่งยากวุ่นวาย หากไม่ลำบากก็เอากรรไกรตัดมันซะ มันต้องตัดเย็บใหม่หรอก "
" แต่ข้าอยากให้ได้ตัดชุดใหม่นี่ "
" แล้วแต่.. เอาที่องค์ชายสบายใจเหอะ " ปิ่นหยกเข้าไปปลดเบา ฟังคำถามที่เขาพูดไม่หยุด ส่วนเธอก็มีหน้าที่ตะโกนออกมาตอบคำถามเป็นระยะ ล้างหน้าล้างตา ปิ่นหยกคิดในใจ เธอก็อยากจะอายอยู่หรอกมีอย่างที่ไหนจะถ่ายหนักถ่ายเบา หรือเธออยากจะปล่อยก๊าซของเสียเพื่อความเบาสบาย ก็แสนจะต้องลำบาก ต้องทำให้เงียบกริบหรือปึงปังเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ไม่น่าภิรมย์ทั้งกลิ่นและเสียง บุรุษทั้งสอง อ้วนผอมจอมซนก็ช่างน่าบริหารฝีปากเหลือเกิน มีอย่างที่ไหนสตรีสาวสวย ดีกรีดาวมหาวิทยาลัยจะเปลื้องผ้า เปลื้องผ่อน ก็ยังมายืนชวนคุย ชีวิตอนาถนัก คิดมากไปก็ชวนอะไรไม่ได้ ก็ในเมื่อห้องนี้ ตำหนักนี้เป็นของเขา เธอแค่ผู้อาศัยที่หลงเข้ามา ถือว่าจ่ายค่าเช่าเตียง ค่ากิน ค่าเที่ยวแล้วกัน เมื่อเสร็จจากการแต่งตัว ผิดๆ ถูกๆ เธอก็มิสนขอให้เสร็จเป็นพอ เธอก็เดินออกมา พร้อมหน้าที่ฝืนยิ้ม ด้วยเปลือกตาเริ่มหนักอีกแล้ว หวงเจียวหลุนเห็นว่านางพร้อมแล้วก็เดินนำออกประตูตำหนัก โดยมีหวังเฟิงและปิ่นหยกเดินด้านหลัง
ท้องฟ้ายังมืด ลมหนาวพัดเข้ามากระทบผิวบาง ปิ่นหยกแหงนหน้ามองฟ้าก็มิเห็นแสงอาทิตย์ขึ้นแม้แต่น้อย ความสงสัยเริ่มกระตุ้นเตือน สมองสั่งการให้ปากทำงาน
" นี่เจ้าขันที ตอนนี้กี่โมงแล้ว? " เธอสะกิดพร้อมเดินตามไปเรื่อยๆ
" ตอนนี้ก็ยามอิ๋น 4 เค่อแล้ว " หวังเฟิงตอบอย่างไม่ยี่หร่ะกับสตรีนี้เท่าไหร่
" แล้วมันกี่โมงเล่า ไอ้ยามอิ๋นเอิ๋นเนี่ย "
" เจ้าพูดอะไรของเจ้า นางสตรีกิริยาอัปลักษณ์ "
" หน็อย! ว่าฉันอัปลักษณ์อย่างนั้นหรือ? "
" ใช่! หน้าตาก็แปลกประหลาด พูดอะไรแปลกนัก ฉัน คนแคว้นนี้มิมีใครพูดกันหรอกนะ "
" เจ้าว่าข้าแปลกประหลาด? แล้วคำว่าฉันแปลก? เจ้าสิแปลก แปลกกว่าองค์ชาย แปลกกว่าผู้ชายทั้งหมด "
" อะไรที่เจ้าเรียกว่าแปลก ข้าก็เหมือนบุรุษทั่วไป "
" อ๋อหรือ? อย่าให้ข้าพูดเลยเดี๋ยวจะโกรธเคืองกันเปล่าๆ "
" เจ้าพูดมาเดี๋ยวนี้นะ ที่ว่าข้าแปลกคือสิ่งใด "
" แน่ใจนะว่าจะให้ข้าพูด? บอกให้ก็ได้ คนอื่นเขามีดาบบุรุษเป็นอาวุธ แต่เจ้ามีแต่กำบังดาบสองด้าน ห้อยโตงไปเตงมา มันคงน่ารักน่าดูเลยทีเดียว " ปิ่นหยกพูดแล้วใช้มือทำลักษณะเป็นกลมๆ แต่ไม่ได้กำ ล้อเลียนหวังเฟิง จนเขารู้สึกอายหน้าดำหน้าแดง หมายจะจัดการปิ่นหยก แต่เธอย่อมรู้ทันวิ่งไปหาหวงเจียวหลุนเพื่อหาเกาะกำบังชั้นดี
***********************
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วคะ รอนานกันไหมเอ่ย อย่าเคืองกันนะคะ
เหตุใดปิ่นหยกถึงได้นำเรื่องของขันทีน้อยมาพูดเช่นนี้ได้นะ ถึงไม่พูดตรงๆ ก็อดสงสารไม่ได้ เรื่องของคนในยุคโบราณ ไรท์ก็ไม่กล้านึกนะว่าจะเป็นอย่างไร โถๆ ๆ สงสารหวังเฟิงจัง
มาทักทายให้กำลังใจกันบ้างนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่าน นิยายเรื่อง องค์ชายหมูตอน อ้อนให้รักนะคะ (นิยายเบาสมอง คลายเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวันค่ะ)
* ยามอิ๋น คือเวลา 03.00-04.59 น. ยามอิ๋น 2 เค่อ คือ 03.30 น.