ตอนที่
๗
ความสงสัย
หยางฮุ่ยหมิ่นนึกสงสัยชายหนุ่มนิรนามที่ฝันแขนของเขาเนื่องจากฝีมือการฟันดาบนั้นช่างแกร่งกล้าเหลือจะบรรยายในแคว้นนอกจากเขาที่เป็นแม่ทัพขุนศึกก็ไม่มีใครเก่งเกินเขาเว้นแต่จะเป็นหยางอู่เฌิ๋นเท่านั้น
ทั้งสองร่ำเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็กทั้งสองมีฝีมือที่ใกล้เคียงกันมาก ฮุ่ยหมิ่นมีความดุดันรุกหนักส่วนอู่เฌิ๋นแม้จะไม่ดุดันแต่เขาอาศัยไหวพริบที่ดีทั้งสองประลองฝีมือกันมานักต่อนักสลับกันแพ้กันชนะไม่มีใครเก่งกว่าใคร
“หรือว่าชายผู้นั้นจะเป็นหยางอู่เฌิ๋น ถ้าเป็นหยางอู่เฌิ๋นข้าจะปล่อยไว้ไม่ได้” หยางฮุ่ยหมิ่นกำมือไว้แน่นเขาคิดเสมอว่าหยางอู่เฌิ๋นคือตัวร้ายในชีวิตของเขา
“ตงเหยียณเจ้าไปกับข้า ข้าอยากรู้นักว่าอู่เฌิ๋นอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่” หยางฮุ่ยหมิ่นสั่งทหารคนสนิทของเขาให้เตรียมตัว
“ถ้าเป็นมันจริง ๆ มันหยามเกียรติข้ายิ่งนัก” หยางฮุ่ยหมิ่นมีสายตาที่ดุร้ายยิ่งนักเหตุใดเขาถึงมีจิตใจที่แตกต่างกับอู่เฌิ๋นยิ่งนัก
ที่บ้านของเป่าเป้ย
เป่าเป้ยที่กำลังนั่งถักเสื้อไว้สวมใส่ในยามต้าหาน3นางถักได้ครึ่งตัวแล้วตัวนี้เป็นเสื้อที่นางตั้งใจทำให้พ่อของนางและนางจะถักให้แม่และของนางเองด้วยผ้าที่เหมือนกัน
“เจ้าถักเสื้อให้ข้าด้วยได้หรือไม่” อู่เฌิ๋นที่เดินมาตั้งแต่ยามไหนไม่รู้มากระซิบที่ข้างใบหูของเป่าเป้ย
“เหตุใดข้าต้องถักให้เจ้าด้วยเจ้ากับข้าไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย”
“อีกไม่นานก็เป็น” อู่เฌิ๋นเป็นชายหนุ่มที่ดูผ่าน ๆ นั้นเขาดูเป็นคนนิ่ง ๆ ดุ ๆ แต่ความจริงนั้นเขาคือชายหนุ่มอารมณ์ดีคนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะเหตุนี้ทำให้วลาที่ใครได้อยู่ใกล้เขามักจะรักเขาอย่างไม่รู้ตัวทำให้พี่ชายของเขาอย่างฮุ่ยหมิ่นไม่ชอบเขา
“เจ้ามาหาข้ามีเหตุอันใดหรือไม่ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องสำคัญอันใดเจ้ากลับได้แล้วข้าต้องการสมาธิ” เป่าเป้ยทำหน้าบึ้งตึงใส่ชายหนุ่ม
“ข้านำถ่านมาส่งให้พ่อของเจ้าท่านพ่อของเจ้าสั่งกับซีซวนไว้เขาไม่ว่างข้าเลยมาส่งแทน ถ้าไม่ใช่บ้านของเจ้าข้าไม่มาเป็นแน่แต่นี่เป็นเจ้า” อู่เฌิ๋นยิ้มหวานให้กับนาง
“เป็นข้าแล้วเป็นอย่างไรหรือ”
“เป็นเจ้าข้าถึงได้มาอย่างไรล่ะ ข้าไปแล้วนะอย่าลืมถักเสื้อให้ข้าด้วยนะแม่นางเป่าเป้ย” อู่เฌิ๋นเดินจากไปเป่าเป้ยก็ยิ้มออกอย่างลืมตัว
หลังจากที่อู่เฌิ๋นเดินออกไปจากตรงนั้นได้เพียงเค่อหยางฮุ่ยหมิ่นได้เดินมายังบ้านของเป่าเป้ย
“แม่นางเจ้ากำลังถักเสื้ออย่างนั้นหรือ” เป่าเป้ยที่ได้ยินเสียงบุรุษหนุ่มถามนางนึกในใจวันนี้มันวันอะไรของนางเหตุใดบุรษมากหน้าหลายตาต้องมาถามนางเรื่องถักเสื้อ
“ไม่เห็นอย่างนั้นหรือว่าข้ากำลังนั่งถักเสื้อเหตุใดถึงได้ถามเหมือนคนโง่งมอย่างนั้น” เป่าเป้ยยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าเป็นใครเป็นเพราะนางเริ่มรำคาญที่มีคนมากวนนางเวลาที่นางกำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมามองกลับเป็นบุรุษที่นางไม่ชอบหน้าของเขาเสียเลย
“ข้ากำลังจะไปสวนผักท่านมีอะไรกับข้าหรือไม่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญข้าขอตัวก่อน” เป่าเป้ยยืนขึ้นแล้วเดินไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วแต่ฮุ่ยหมิ่นกลับเดินตามนางไม่หยุด
“คุณชายใหญ่ขอรับเหมือนกับว่าข้าน้อยเห็นคุณชายรองเดินอยู่ฝั่งนั้นนะขอรับ” ตงเหยียณชี้ไปอีกฝั่งของบ้านเป่าเป้ย ฮุ่ยหมิ่นมัวแต่มองหาอู่เฌิ๋นจนลืมไปว่าหญิงสาวที่เขากำลังเดินตามตอนนี้นางเดินหายไปแล้ว
“ไปดูสิว่าใช่มันหรือเปล่า”
“ข้าน้อยเห็นเดินอยู่แถวนี้เหตุใดหายไปเร็วขนาดนี้ขอรับคุณชายใหญ่”
หยางฮุ่ยหมิ่นตามหัวอู่เฌิ๋นจนทั่วหมู่บ้านแต่เขากลับหาอู่เฌิ๋นไม่เจอไม่รู้ว่าอู่เฌิ๋นไปซ่อนตัวที่ไหน
“ข้ามั่นใจว่ามันต้องอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ข้าจำฝีมือการใช้ดาบได้ สักวันข้าจะใช้ดาบเล่มนี้ทำลายมันเสียให้สิ้นหนามตำใจข้า” ฮุ่ยหมิ่นกัดกรามด้วยความโกรธแค้น หยางอู่เฌิ๋นไม่เคยทำอะไรให้พี่ชายของเขาแต่พี่ชายอย่างหยางฮุ่ยหมิ่นกลับเกลียดน้องของตนอย่างไม่มีเหตุผล
บ้านของซีซวน
“คุณชายรองข้าน้อยเห็นคุณชายใหญ่มาที่นี่อีกแล้วไม่รู้ว่าคุณชายจะเห็นท่านกับข้าน้อยหรือไม่ข้ากลัวเหลือเกินว่าคุณชายใหญ่จะมาสังหารข้าน้อยกับท่าน” ซีซวนเป็นกังวลใจอย่างมากเพราะซีซวนรู้ดีว่าฮุ่ยหมิ่นมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
“เจ้าอย่ากลัวไปเลยอย่างน้อย ๆ ตอนนี้พี่ใหญ่ยังไม่เห็นว่าเจ้ากับข้าอยู่ที่นี่ทำใจดีสู้เสือไว้ข้าไม่ให้เจ้าต้องมาตายเพราะข้าเป็นแน่ ข้าขอเอาหัวเป็นประกัน” หยางอู่เฌิ๋นรู้ดีว่าพี่ชายของเขากำลังคิดการใหญ่อันใดเขาต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้วไม่เช่นนั้นจะสายเกินไปเป็นแน่
“ข้ารู้ว่าพี่ชายใหญ่ต้องการกำจัดข้าให้พ้นจวนแล้วพี่ชายใหญ่จะล้มท่านพ่อเพื่อที่พี่ชายใหญ่จะได้มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลข้าต้องกลับไปช่วยท่านพ่อให้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรยิ่งตอนนี้ท่านพ่อเกลียดข้า ข้ายิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร” อู่เฌิ๋นคิดหาหนทางที่จะกลับเข้าไปในจวนให้ได้
“ท่านอย่าพึ่งคิดมากเลยมากินข้าวกับข้าน้อยเถอะข้าน้อยได้ของโปรดท่านมาฝากด้วย” ซีซวนยกเป็ดย่างตัวใหญ่ขึ้นมาโชว์คุณชายของเขา
“ข้าซึ้งน้ำใจเจ้ามากซีซวนถ้าไม่ได้เจ้าข้าต้องลำบากกว่านี้เป็นแน่” ทั้งสองคนนั่งกินเป็ดย่างกันอย่างมีความสุข
3 ต้าหาน คือ ช่วงที่อากาศหนาวจัด