ลูกหูลูกตา ทัศนียภาพที่เห็นล้วนสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนเป็นยิ่งนัก
“แม่ขอตัวไปสำรวจห้องพักก่อนนะจ๊ะ”
อัญชันหันมาบอกลูกสาว ก่อนจะเดินแยกออกมา เพราะห้องของดาหลาแยกออกไปทางซ้าย แต่ก็อยู่ไม่ไกลกัน สาวใช้สองคนเดินตามหลังมาห่างๆ รอให้เธอเรียกใช้
เมื่อมาถึงเรือนพัก
“ดูห้องน้ำนั่นสิ เก๋ชะมัด…”
อัญชันเอ่ยขึ้นลอยๆ ชะโงกใบหน้ามองห้องน้ำซึ่งล้อมเอาไว้ด้วยปีกไม้ พุ่มใบหนาทึบของต้นเบิร์ดออฟพาราไดซ์ที่ปลูกเอาไว้รอบๆยิ่งทำให้ภายในห้องน้ำนั้นดูร่มรื่น รอยห่างระหว่างรอยต่อของแผ่นไม้ที่ตีล้อมเป็นผนังยิ่งดูมีเสน่ห์เมื่อมีแสงแดดอ่อนๆสาดลอดมาจากภายนอก อีกทั้งหลังคาก็โล่งจนแลเห็นก้อยเมฆ พื้นห้องน้ำที่โรยเอาไว้ด้วยกรวดละเอียดสลับไปกับกระเบื้องแผ่นหยาบ เลียนแบบผิวของหินในธรรมชาติ ยิ่งช่วยให้ทุกๆอย่างดูกลมกลืน ไม่ขัดแย้ง แต่ที่ถูกใจอัญชันเอามากๆเห็นจะเป็นโอ่งดินเผาสีน้ำตาลใบใหญ่ที่ใส่น้ำเต็มเปี่ยม เอาไว้ให้ตักอาบ
“มีห้องน้ำด้านในด้วยนะคะ ถ้าคุณอัญชันเห็นว่าหลังคาชมดาวออกจะโล่งโจ้ง วาบหวิวไปหน่อย ที่ห้องน้ำด้านในจะมีฝักบัวค่ะ แต่ถ้าอยากอยากอาบตรงนี้ต้องตักอาบจากโอ่งนะคะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ อัญชอบค่ะ นานๆครั้งถ้าได้อาบน้ำแบบตักจากโอ่งบ้างก็ดีเหมือนกัน เปลี่ยนบรรยากาศค่ะ”
“ดีที่คุณอัญชอบ” ป้าบัวยิ้มหน้าบาน
“แล้วปกติพ่อเลี้ยงนอนที่ไหนคะ”
คิ้วโค้งราวคันศรของอัญชันขมวดเล็กน้อยขณะถาม
“อยู่ด้านนี้ค่ะ…แต่บางคืนที่พ่อเลี้ยงไม่ได้เข้ามานอนที่ห้องนี้ แกก็มักจะไปนอนที่บ้านอีกหลัง เป็นเรือนเล็กที่อยู่ท้ายไร่ส้มค่ะ รายนั้นกินง่ายอยู่ง่าย บางครั้งก็กินข้าวกับคนงาน”
ป้าบัวผายมือไปทางขวา ห้องนอนของชรัมภ์ขนาบเอาไว้ด้วยห้องของเธอและลูกสาว อีกทั้งป้าบัวยังสาธยายถึงความเป็นคนเรียบง่ายและติดดินของพ่อเลี้ยงชรัมภ์ที่ชอบไปนอนในเรือนหลังเล็กอยู่บ่อยๆ
การประพฤติปฏิบัติตัวหลายๆอย่างของชรัมภ์ที่ลงไปดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานอย่างใกล้ชิด ทำให้เขาเป็นที่รักของทุกๆคนในฟาร์มแห่งนี้
“ว่าแต่ชอบห้องพักมั้ยคะ”
ป้าบัวอยากรู้ ที่ถามเพราะพ่อเลี้ยงฝากเอาไว้อีกที ด้วยเกรงว่าบรรยากาศแบบชนบทบ้านไร่อาจจะทำให้อัญชันและลูกสาวอึดอัด
“ชอบมากค่ะ” อัญชันตอบโดยไม่ลังเล
“แล้วคุณหนูดาหลาล่ะคะ”
“ห้องพักสวยมากค่ะ ถูกใจมาก ขอบคุณนะคะ เอ่อ…ป้าบัวไม่ต้องเรียกคุณหนูก็ได้ หนูรู้สึกแปลกๆ เรียกว่า ‘ดา’ เฉยๆดีกว่าค่ะ”
“จ้ะหนูดา ถ้างั้นเดี๋ยวป้าขอตัวก่อนนะคะ ขาดตกบกพร่องอะไรเรียกเด็กๆได้เลยค่ะ คิดเสียว่าเป็นบ้านของคุณเอง ทำตัวตามสบายนะคะ เดี๋ยวป้าจะไปดูว่าอาหารที่เตรียมเอาไว้สำหรับงานเลี้ยงคืนนี้พร้อมแล้วหรือยัง”
กล่าวจบป้าบัวก็ปล่อยให้อัญชันและลูกสาวได้พักผ่อน จะได้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ไปพลางๆ แต่ก่อนจะจากไป ป้าบัวไม่ลืมที่จะหันมาบอกว่าเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ บรรดาคนงานนัดหมายกันว่าจะแต่งกายสไตล์คาวบอย
ได้ฟังที่ป้าบัวบอก สองแม่รู้ก็หันมามองตากันอย่างนึกสนุก เริ่มคิดกันว่าจะประยุกต์เสื้อผ้าที่มีอยู่ยังไงดี เพื่อให้เข้ากับงานเลี้ยงที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
สองแม่ลูกก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก ด้วยเกิดความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เหนอะนะกับการเดินทางมาหลายชั่วโมง ทำให้อัญชันนึกอยากอาบน้ำขึ้นมาตะหงิดๆ
“ผ้าถุงได้แล้วค่ะคุณอัญ”
สาวใช้ร้องบอก เมื่ออัญชันต้องการผ้าถุง ซึ่งป้าบัวก็มีอยู่หลายผืน
อัญชันนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากนุ่งกระโจมอกอาบน้ำจากโอ่งแบบชาวบ้านๆ เพราะตั้งแต่ไปอยู่อเมริกา ชีวิตของเธอแทบไม่เคยได้แตะผ้าถุงอีกเลย
“ขอบใจจ้ะ”
รับผ้าถุงจากมือสาวใช้ แล้วก็หลบเข้าไปในห้อง
ครู่ต่อมา เสียงราดน้ำจากขันก็ดังซ่าขึ้นเป็นจังหวะ มือเรียวคลึงสบู่ก้อนน้อยไปตามโนมเนื้อละมุน ใบหน้างามแหงนหงายขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งความมืดกำลังคลี่คลุมลงมาช้าๆ แลเห็นฝูงนกกำลังพากันบินกลับรัง ชักแถวเป็นแนวยาวเคลื่อนขยับตามกันไปช้าๆ ปุยเมฆสีขาวราวกับสำลีลอยลับไปหลังก้านกิ่งของต้นยางสูงใหญ่ ลำแสงสุดท้ายของดวงตะวันกำลังจะลับลายัง ทิ้งประกายสีส้มแดงเอาไว้เหนือขอบฟ้า
แสงอ่อนๆที่สาดแยงเข้ามาตามรอยห่างระหว่างผนัง สร้างความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตที่อัญชันจะรู้สึกว่าชีวิตกำลังตื่นเต้นเท่ากับการอาบน้ำในครั้งนี้ โดยที่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่ายังมีอีกความตื่นเต้นที่เธอไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะได้มาเจอ เมื่อจู่ๆ…
โครม…!!!
ฝาหนังซึ่งมีขนาดเท่ากับไม้กระดานสองแผ่นได้หลุดผลัวะออกมาพร้อมกับเสียงเฆาะค้อนสองสามที ด้วยความหวังดีของคนที่ตั้งใจอาสาเข้ามาช่วยซ่อมผนังห้องน้ำ
“…..”
อัญชันหันขวับไปตามทิศทางที่มาของเสียง
ผู้ชายหน้าเข้ม ดวงตาคม วัยไล่เลี่ยกับชรัมภ์ ยืนเกาหัวตัวเองด้วยอาการงงๆว่า ‘เกิดอะไรขึ้น?’
นัยน์ตาของเขาเบิกโพลง…!!!
“อู้ววว…”
อุทานเบาๆด้วยความลืมตัว ริมฝีปากเป็นรูปตัวโอ อ้าค้างด้วยความตกใจกับภาพเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตะลึงลานกับส่วนโค้งเว้าของสรีระที่อาบไล้ไปด้วยแสงแดดอ่อนๆและคราบน้ำเลื่อมพรายน่าไล้ลูบ ในวินาทีที่ผ้าถุงรุ่ยหลุดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า
อัญชันไม่ได้ร้องโวยวายหรือตกใจ แต่ก็ยกสองมือขึ้นทาบเต้าทรวงอวบใหญ่ที่มือน้อยๆของเธอไม่มีทางจะอำพรางได้มิด
“เอ่อ…ค..ค..คือชรัมภ์มันวานให้ผม ม..ม..มาซ่อมผนังห้องน้ำครับ เอ่อ…ผมไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ แล้วก็…”
เธอยังไม่ได้ว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ชายคนนั้นก็พยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ถึงกับติดอ่าง หัวใจเต้นระส่ำกับความเย้ายวนใจตรงหน้า
น่าแปลกที่อัญชันควรคุมอาการตกใจได้อย่างเหลือเชื่อ เธอเบี่ยงกายออกจากตรงนั้นเล็กน้อย สะโพกผายเหวี่ยงไหว อวดแผ่นหลังกลมกลึงและบั้นท้ายดินระเบิดในจังหวะที่กำลังจะก้าวไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดเอาไว้ในระยะมือเอื้อม เห็นชัดว่าชายคนนั้นยังยืนจ้องทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอราวกับเจอมนต์สะกด
แต่เมื่อเห็นเธอมองกลับมา เขาจึงรีบแก้ตัวอย่างเงอะๆงะๆไปอีกทีว่า
“ผ..ผ..ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะบุ่มบ่ามเข้ามา ไม่รู้จริงๆว่ามีคนแก้ผ้าอยู่ เอ๊ย!...มีคนกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วก็บังเอิญมือเจ้ากรรมมันหนักไปหน่อย ส่วนฝาฝนังนั่นก็ผุเหลือเกิน ผมแค่เคาะเบาๆเอง ไม่คิดว่าฝามันจะล่วงลงมาทั้งแผ่น”
เขาพยายามอธิบาย โทษนั่นโทษนี่ ไม่คิดว่าจะมาเจอหญิงงามในบ้านของชรัมภ์ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ในสภาพที่เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ล่อนจ่อนจนทำเอาจิตใจของหนุ่มใหญ่อย่างเขากระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน
“ถ้าไม่ตั้งใจก็ไม่เป็นไรค่ะ…”
เธอกล่าวเรียบๆ ไม่ถือสา ขณะคว้าเอาผ้าขนหนูผืนน้อยมาคาดเคียนอกอวบ อำพรางสองเต้าเต่งตึงจากสายตาไม่พึงประสงค์
“เสร็จแล้วใช่มั้ยคะ?”