ตอนที่ 3 สุขสมใต้ต้นอู๋ถง
จงฮุ่ยกับอาซิ่วระเริงรักกันดุเดือด ใช้เวลาไปราวหนึ่งชั่วยาม[3] ซ่งเว่ยเหลียงกับอิ๋นจื่นยังนั่งอยู่ใต้ต้นอู๋ถง ช่วงแรกเขายินยอมนั่งฟังทั้งสองอยู่เงียบๆ เมื่อได้ยินเสียงอาซิ่วเสร็จสมไปสองครั้งเขาก็เริ่มขยับกายดึงอิ๋นจื่อมานั่งอยู่ระหว่างขา ให้นางเอนหลังพิงอกตน มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาเคล้าคลึงหน้าอกนุ่มเด้งมือ
อิ๋นจื่นนั่งฟังพวกอาซิ่วก็หน้าแดงกระอักกระอ่วนใจมากพอแล้ว ยิ่งถูกซ่งเว่ยเหลียงบังคับเอาแต่ใจ นางก็ยิ่งร้อนรนกลัวว่าอาซิ่วกับจงฮุ่ยจะเห็น
[3] 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
อิ๋นจื่อในสายตาคนอื่นนั้นก็คือเด็กสาวที่นายท่านซ่งช่วยไว้และมีหน้าที่หลักคือคอยดูแลและช่วยงานของคุณชายใหญ่เท่าที่ทำได้ แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะไม่คิดว่านางจะปีนขึ้นเตียงคุณชายใหญ่ ต่อให้ปฏิเสธ ก็ไม่มีใครเชื่อและอิ๋นจื่อก็ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ บ่าวไพร่ในจวนก็ไม่มีใครกล้าสอดปากเอ่ยถามความสัมพันธ์ของนางกับคุณชายใหญ่ตรงๆ เช่นกัน
อิ๋นจื่อกุมทับมือเขา ลงแรงกดให้เขาอยู่นิ่ง แต่ซ่งเว่ยเหลียงสะบัดมือนางออกและเริ่มบีบเคล้นหนักมือกว่าเดิม ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาข้างหูนาง ลมหายใจเขาอุ่นร้อนและกระซิบ “ขอแค่คุณชายพอใจ อิ๋นจื่อก็สบายใจ เจ้าเคยพูดเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?” พูดจบเขาแลบลิ้นเลียหลังใบหูนาง อ้าปากงับใบหูครั้งหนึ่ง “ตอนนี้ข้าอยากจะทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือไง”
ซ่งเว่ยเหลียงดันขาสองข้างของนางให้แยกออกจากกัน ถลกกระโปรงนางขึ้น สอดมือเขาไปยังกางเกงตัวในของนางด้วยความรวดเร็ว มืออุ่นไล้ไปมาบนเนินเนื้อน้อยๆ มีหญ้าสั้นๆ ประปรายและเลื่อนต่ำลงไปยังพื้นที่เปียกเหนียวลื่น เขาหัวเราะใส่หูนาง “เปียกขนาดนี้แล้ว ยังจะต่อต้านข้าอีก อิ๋นจื่อหนออิ๋นจื่อ”
อิ๋นจื่อก้มหน้างุด หากบริเวณนี้สว่างสักหน่อยเขาคงเห็นพวงแก้มแดงปลั่งของนางไปนานแล้ว
“ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือว่าหากเจ้ามีอารมณ์ก็รีบบอกข้า เจ้าจะเหนียมอายไปทำไม”
“คุณชายหยุดเถอะเจ้าค่ะ” อิ๋นจื่นกระซิบบอกเขา ทั้งพยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้สุดกำลัง
ซ่งเว่ยเหลียงถูกไถบุปผาสวาทของนางแผ่วเบา เขาชักมือกลับ ยกมือจ่อตรงหน้านาง กลิ่นกรุ่นรัญจวนลอยเตะจมูก กลิ่นเช่นนี้จะมีอะไรอีกนอกจากร่างกายนางหลั่งรินความกระหายอยากออกมาประจานตัวเอง
“เจ้ายังไม่เชื่ออีก ร่างกายเจ้าเป็นของข้า ใจเจ้าก็ไม่อาจออกห่างจากข้าและห้ามต่อต้านข้า จำเอาไว้อิ๋นจื่อ” ซ่งเว่ยเหลียงสอดมือกลับเข้าไปที่เนินบุปผาเช่นเดิม สอดนิ้วกลางแทรกผ่านความอ่อนนุ่มคับแคบ ขยับวนนิ้วรับสัมผัสความเปียกอุ่นภายในอย่างแช่มชื่นใจ
เพียะ!
“อ๊าส์ ไม่เอาแล้ว อ่าส์ ข้าจะตายอยู่แล้วพี่ฮุ่ย” เสียงของอาซิ่วดังแทรกมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของจงฮุ่ยและเสียงฟาดก้น เสียงกระแทกเนื้อหนังดังสนั่น
“สองคนนั้นยังไม่อายเลย” ซ่งเว่ยเหลียงก้มลงมากระซิบอีกครั้ง
มันแน่อยู่แล้ว อาซิ่วมั่วสวาทไปทั่ว ทั้งนายทั้งบ่าวถูกอาซิ่วกวาดกินมาตั้งหลายปีแล้ว เดิมทีอาซิ่วอายุก็ยี่สิบปีแล้ว หากนางคิดจะออกเรือน เชื่อว่าหลี่ซื่อก็ไม่ขัด แต่อาซิ่วมีบ่อสวาทให้กระโดดลงไปกักเก็บอิ่มหนำอยู่ทุกวัน ไหนเลยนางยังคิดเรื่องออกเรือนอยู่อีก ผิดกับอิ๋นจื่อที่ไม่ได้เต็มใจให้ใครเชยชมง่ายดายเพียงนั้น นางแค่ถูกคุณชายใหญ่หว่านล้อมจนไม่อาจขัดขืนได้ต่างหาก
ซ่งเว่ยเหลียงเริ่มชักนิ้วสอดเข้าสอดออก จังหวะเนิบช้า อีกมือหนึ่งล้วงเข้าไปในชุดกระโปรงทางด้านบน กอบโกยอกนุ่มเด้งมือคลึงเคล้าหนัก สองนิ้วบีบบี้เม็ดชมพูเล็กด้วยความมัวเมาในความนุ่มเล็กน่าทะนุถนอมของมัน
“อือ...” อิ๋นจื่อครางออกมาครั้งหนึ่ง นางปั่นป่วนไปหมด ทั้งบนล่างถูกจู่โจมพร้อมกัน ทั้งหูยังได้ยินเสียงร่วมรักของอาซิ่วดังไม่หยุด หากจะบอกว่านางไม่เกิดอารมณ์หวั่นไหวก็คงจะโกหกเกินไป
สองขาขยับแยกกว้างโดยไม่รู้ตัว ซ่งเว่ยเหลียงเห็นนางลืมตัว เขายิ้มในความมืด สายตาร้ายกาจของเขาซ่อนอยู่ในเงามืดได้มิดชิด เขาจับแขนข้างหนึ่งของนางให้คล้องคอตัวเองไว้และก้มลงไปงับปลายอดอกสีระเรื่อ ไล้เลียแผ่วเบา กดลิ้นปาดไปทั่วทั้งเนินเต้า ฐานตั้งเต้าและไต่กลับมาที่ปลายยอด ครอบครองด้วยริมฝีปากร้อนชื้น ดูดดุนราวทารกกระหายหิว
“คุณชาย! รอก่อน อือ” อิ๋นจื่อเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว หน้าอกด้านซ้ายคือจุดอ่อนไหวของนาง ซึ่งซ่งเว่ยเหลียงรู้ดีและจะใช้มันควบคุมนางอยู่ทุกครั้งไป
เขาไม่ฟัง ซ้ำยังขยับกายดันนางให้นั่งเอนหลังพิงต้นอู๋ถง ชุดด้านบนถูกรั้งลงมาอยู่ใต้อกกลมกลึงสองเต้า กระโปรงถลกขึ้นไปเหนือต้นขาและถอดกางเกงตัวในของนางออก สองขาขาวผ่องอยู่ในราตรีมืดมิด มันแยกออกจากกันเพราะซ่งเว่ยเหลียงขยับมานั่งระหว่างขานาง สอดนิ้วกลับเข้าไปก่อกวนอยู่ในหลืบลึกอ่อนนุ่มเช่นเดิม ใบหน้าก้มต่ำลงมาดูดเลียยอดอกที่ถูกเขาบังคับดันแผ่นหลังให้อกแอ่นขึ้น ท่าทางเช่นนี้ทำให้เขากระแทกนิ้วรัวเข้าร่างกายนางได้สะดวกขึ้น ทำให้เขาทรมานนางหนักมือขึ้นเช่นกัน
“อือ คุณชาย ช้าหน่อย ช้าๆ คะ คุณ... ชาย อ๊าส์ๆ” อิ๋นจื่อแหงนหน้าลำตัวแอ่น ปลายเท้าจิกลงดิน สองมือกำแขนเสื้อซ่งเว่ยเหลียง ส่งเสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วเบาแทบจะเหมือนลูกแมวน้อย
“คุณชาย ละเว้นอิ๋นจื่อสักครั้งเถอะ ไม่ไหวแล้ว” อิ๋นจื่อเอ่ยกับเขาเสียงสั่น ซ่งเว่ยเหลียงยังรัวนิ้วชักเข้าออกรัวเร็ว เขาขยับมาซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มจนเป็นรอยแดงจางๆ และก็รอฟังเสียงอ้อนวอนรัญจวนใจของนางต่อไป เพราะเขาไม่คิดหยุดมือ
เขาดึงมือนางนำมันไปลูบไล้ยังระหว่างขาตน ท่อนลำแท่งอวบใหญ่กำลังแข็งขึง เพียงแค่ปลดปล่อยมันออกจากพันธนาการมันก็คงผงาดพร้อมจะโลดโผนโจนทะยานเข้าไปในหลืบร่องอุ่นชื้นของนางแล้ว
อิ๋นจื่อเห็นว่ายิ่งขอร้องก็ยิ่งถลำลึก จึงไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเขาอีก นางลูบลงไปยังส่วนแข็งขึงตามการนำพา ใจสั่นหวิว กายสั่นระริก นางจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาใช้แท่งหยกลำใหญ่นี้สอดเข้าไปในกายนาง มันคือฝันร้ายที่เจ็บปวดแสนสาหัส นางฉีกขาด แต่เขายังแทรกมันเข้าออกสุขสมไปหลายครั้งจนนางหมดสติไป หลังจากนั้นเขาใจดีหน่อยที่เล้าโลมเตรียมความพร้อมให้นางก่อนจะสอดแท่งหยกเข้าไป แต่ถึงกระนั้นจนถึงวันนี้นางยังคับตึงและจุกท้องตลอดที่เขาแทรกกายเข้ามา นางเป็นคนตัวเล็ก ทั้งร่างผอมบาง ไหนเลยจะรับแรงกระแทกอันน่าอึดอัดจากเขาได้ แต่ซ่งเว่ยเหลียงก็คือซ่งเว่ยเหลียง เขาอยากได้อะไรต้องได้ นางจึงต้องก้มหน้ารับชะตากรรมเรื่อยมา ทว่ามันไม่ได้ทรมานเพียงอย่างเดียว เขาทำให้นางสุขสมได้ทุกครั้งและไม่ยากเกินจะรับมือเลย
“อ๊ะ...” อิ๋นจื่อสะดุ้งเมื่อเขาชักนิ้วออกมาบดขยี้ตุ่มเนื้อเหนือเนินบุปผาแทน “คุณชาย” นางเรียกซ่งเว่ยเหลียงด้วยเสียงแหบแห้ง
เขาประกบริมฝีปากลงมาบดเคล้า ดูดริมฝีปากอิ่มสีชมพูและสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปกวาดต้อนหยอกล้อลิ้นเรียวเล็ก ในโพรงปากนางหอมหวาน เขามักเมามันอยู่กับจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า จูบเท่าไรก็ไม่เบื่อ จูบจนนางหายใจลำบากนั่นแหละถึงจะยอมถอนปากออก
“เสร็จสมให้ข้าดูสักครั้งสิแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” เขากระซิบเสียงพร่า สอดนิ้วกลับเข้าไปในร่องหลืบอีกครั้ง คราวนี้เป็นสองนิ้ว เมื่อช่องทางถูกขยายจนคับแน่น ทั้งยังรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมานิดๆ อิ๋นจื่อก็ไม่มีเวลาไปคำนึงถึงสิ่งใดอีกแล้ว นางขยับสะโพกไปตามนิ้วยาว ตอบรับแรงกระแทกรัวเร็วจนหลืบเร้นหลั่งรินน้ำหวานออกมาเปรอะมือใหญ่ ในหลืบลื่นเหนียวและอุ่นจัดทั้งยังตอดกระตุกเป็นบางครั้ง
ใบหน้าเขาซุกซบซอกคอขาวผ่อง ริมฝีปากขบเม้มสลับกับไล้เลียจนต้นคอนางเปียกชื้นไปหมด
อิ๋นจื่นกายสั่น แม้นางไม่ปล่อยเสียงครางให้หลุดลอดออกมา แต่นางก็หายใจหอบหนักถี่กระชั้นขึ้น ตัวเกร็ง หยัดลำตัวขึ้นจนสะโพกลอยเหนือพื้นตามติดนิ้วเรียวยาวร้ายกาจไปทุกที่ เสียงแจ๊ะๆ จากการรัวกระแทกและน้ำหวานหลั่งไหลออกมามากล้น ช่วยให้บรรยากาศใต้ต้นอู๋ถงหอมหวานและกำลังล่องลอย
“คุณชาย อ๊าส์ เร็วอีก อ๊าส์ๆ อ๊ะๆ” ในที่สุดนางก็ตัวเกร็งกระตุกปลดปล่อยเสียงครางแผ่วเบากรอกช่องหูเขา ภายในร่องเร้นลับบีบรัดจนนิ้วเขาแทบขาด สองแขนกอดลำคอแกร่ง ซุกใบหน้ากับซอกคอเขา
“ดีมาก” ซ่งเว่ยเหลียงเอ่ยชมเสียงแหบแห้ง ถอนนิ้วออกมาส่งมันเข้าปากตัวเอง ดูดกลืนความหอมหวาน “หวาน เจ้ายังหวานเหมือนทุกครั้ง อิ๋นจื่อ เจ้าไม่เหมือนใคร ไม่มีทางเหมือน”
อิ๋นจื่นยังอยู่ในภวังค์ความหอมหวาน นางไหนเลยจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด ไม่รู้ว่าที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร แต่นางได้ยินเสียงเขาแหบแห้ง เหมือนเขาพยายามอดกลั้นไม่จับนางกดลงพื้นและกระหนำแทงด้วยอาวุธกลางกาย
นางถูกซ่งเว่ยเหลียงบดจูบอีกครั้ง เคล้าคลอแผ่วเบา นุ่มนวลกว่าเมื่อสักครู่มาก นางเลยขยับริมฝีปากตอบรับเขาอย่างพออกพอใจ จนเขาผละออกเผชิญหน้ากันระยะเอื้อมมือ
ซ่งเว่ยเหลียงเรือนกายสูงโปร่งภายใต้อาภรณ์สีแสงจันทร์กับเรือนผมยาวสยายที่ไม่ได้เกล้ารวบ เขาเหมือนกับปีศาจร้าย ดวงตาทั้งสองแดงก่ำกับรอยยิ้มแสนเย็นยะเยือกในเงามืดอันชั่วร้าย แต่อิ๋นจื่อกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เหนือกว่านั้น เหมือนนางเห็นประกายหวานล้ำจากแววตาของเขา แม้อยากจะมองให้ชัดแต่จนใจที่บริเวณนั้นมืดเกินไป
ซ่งเว่ยเหลียงก็ยังยิ้มอยู่ในความมืดนั้น มองใบหน้างามขาวผ่องอยู่กลางความมืดและก้มลงไปจูบซอกคอนางครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ช่วยนางแต่งตัวและนั่งลงสงบจิตสงบใจอยู่ใต้ต้นอู๋ถงต่อไป