“หานตง ถามจริงๆว่าเจ้าพูดไม่ได้หรือ” ดอกเหมยอดถามไม่ได้จริงๆ
เด็กหนุ่มเงยหน้าจากงานที่ทำอยู่ ก่อนจะยิ้มให้เธอ ดอกเหมยตาค้าง พอมองดีดี หานตงออกจะหล่อเหลาอย่างกับดาราหนังจีนที่เธอดู พวกหนังกำลังภายใน
“..” หานตงส่ายหน้า ดอกเหมยได้แต่เสียดายในใจ หน้าตาหล่อขนาดนี้ ถ้าเปิดบาร์โฮส มีหวังขายดิบขายดีเทน้ำเทท่า
“วันนี้ข้าจะออกไปที่เมืองคนเดียว เจ้าอย่าเดินไปไหนมั่วๆล่ะ ข้าไม่อยากหาคนมาแทน” หานตงพยักหน้าเข้าใจ เขาคิดในใจว่าจะไม่ยอมให้นางหาใครมาแทนเด็ดขาด ว่าแล้วก็เร่งมือทำให้เร็วขึ้น
“อ้าวๆ ระวัง ค่อยๆขูดมะพร้าว มันจะบาดมือเอา ดูมือข้าสิ” ดอกเหมยหัวเราะร่วน แต่ก็ไม่ลืมเตือนเด็กหนุ่ม ก่อนจะยื่นมือที่ถูกเปลือกหอยอันนั้นบาดให้เขาดู ตอนนี้แผลก็ตกสะเก็ดแล้ว
หานตงสัมผัสรอยแผลนั้นอย่างแผ่วเบา
‘ข้าจะไม่ให้เจ้านายได้รับแผลอีก’ เขาหมายมั่นในใจ
ดอกเหมยเดินเข้าไปในตลาด พร้อมกับถุงย่าม ที่บรรจุขวดน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ หลายขวด แต่จุดประสงค์จริงๆวันนี้ คือ ออกมาทำตามเนื้อเรื่อง
[เนื้อเรื่องยามอู่] เสียงสะบัดๆ ของนกน้อยตัวใหญ่ ที่เกาะอยู่บนบ่าของดอกเหมย ทำให้นางต้องหันไปมองเหม่ยลู่เสียหน่อย
หลายวันมานี้นางไม่ได้คุยกับเหม่ยลู่เท่าไร เพราะต้องสอนหานตงทำสมุนไพรแทนนาง แถมพอมีหานตงมาแล้ว ก็เหมือนจะมีเพื่อนคุย ไม่ได้มีเพียงเหม่ยลู่เหมือนแต่ก่อน
‘งั้นตอนนี้ก็เหลือเวลาสิ ฉันเอาของไปขายก่อนดีกว่า’ ดอกเหมยเดินมุ่งหน้าผ่านตลาดไป เพื่อไปยังหน้าจวนเจ้าเมือง ซึ่งจะมีร้านค้าลงทะเบียนเช่าพื้นที่อยู่
“ข้ามาหาพื้นที่ขายของเจ้าค่ะ”ดอกเหมยเอ่ยบอกกับทหารยาม เขาเปิดทางให้นางเดินเข้าไปในร้าน
“เอ้า วางเงินของเจ้าไว้ แล้วนำทางทหารไปที่ๆเจ้าจะขายของ” ดอกเหมยพยักหน้ารับ หลังจากนางทำความเคารพ แม้เขาจะไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ
ดอกเหมยมองตาเฒ่าที่นั่งหมดอาลัย ค้ำศอกกับเก้าอี้เท้าคางไว้ ที่มองมาเหมือนไม่ใส่ใจมากนัก
“เฮ่ย เจ้าน่ะหรือ นางเหม่ยเสี้ยวอัปลักษณ์” เขาเพ่งมองดอกเหมยด้วยความตกใจ หลายวันก่อนได้ยินว่ามีคนรุมทำร้ายนาง เลยคิดว่านางอาจจะเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้ว ไม่คิดว่าจะกลับมาพร้อมใบหน้าและผิวพรรณเกลี้ยงเกลาเช่นนี้
“เจ้าค่ะ” ดอกเหมยน้อมรับอย่างสุภาพ เพราะเป็นนักเขียนมาทั้งชีวิต เลยรู้ว่าคราไหนที่ควรอ่อน คราไหนที่ควรแข็ง
“อืมๆ ไปเสีย พาทหารไปดูที่” เจ้าเมืองไล่ส่ง แม้จะต้องยุบคำปรามาศว่านางอัปลักษณ์ล่มเมืองทิ้งไป แต่ก็ใช่ว่าจะสวยพริ้มขึ้นสักหน่อย เขาจึงไม่ได้สนใจนัก
ดอกเหมยเดินออกมาด้านนอกร้าน ทหารนายหนึ่งเดินตามมา เธอมองชายสองคนซึ่งแต่งตัวก็ดี แต่พวกเขากำลังจิ้มฟันและถุยน้ำลายลงพื้น ยืนราวกับรอนางอยู่หน้าร้าน
ดอกเหมยไม่สนใจ นางเดินนำทหารไปยังบริเวณพื้นที่ร้านค้าที่นางขายของทีแรก และเป็นดังคิด เมื่อทหารกลับไปแล้ว ชายสองคนนั้นก็เดินเข้ามาขวางทางเธอไว้
“เฮ่ย! จ่ายค่าคุ้มครองมาซะ ถ้ายังอยากขายของดีดี” ดอกเหมยขมวดคิ้ว กับท่าทางนักเลงของพวกเขา
“ข้าใช้จ่ายค่าที่ไปหมดแล้ว ตอนเย็นค่อยมาเก็บได้มั้ย” ถึงจะไม่พอใจ กับการเก็บค่าคุ้มครองของพวกนักเลง แต่ตอนนี้เธอไม่มีอะไรสักอย่างจะสู้พวกมันได้ เลยทำเพียงแค่ยอม
“เฮ่ย... นังขี้เหร่ขี้ริ้ว คิดว่าจะขายของได้หรือวะ ถ้านายข้าไม่อนุญาต” ดอกเหมยเสยผม ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นรับแสงก่อนจะเมินไปทางอื่นเพื่อเปลี่ยนอารมณ์
“ได้โปรดเถอะ ถ้าข้าขายได้ ข้าจะรีบให้พวกท่านเลย ช่วยออกจากหน้าร้านข้าสักครู่ ให้ข้าได้ลองขายดูก่อน ถ้าหากขายไม่ได้ ข้ายินดีให้พวกท่านยึดของในร้านไปได้เลย”
ดอกเหมยหยิบของออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเดินไปลากโต๊ะ ที่เธอแอบไว้ในหลืบออกมาตั้ง เอาผ้าสีน้ำตาลที่เคยใช้ปกปิดใบหน้า มาปูทับโต๊ะ ก่อนจะเริ่มจัดร้านค้า ไม่ได้สนใจชายสองคนนั้นอีก
พวกเขาเลยพากันเดินออกไปนั่งรออยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งไม่มีร้านค้า
ดอกเหมยหยิบของที่เหม่ยเสี้ยวเคยขายออกมาวางขายด้วย พร้อมกับวางขายน้ำมันหอมตระไคร้
“เร่เข้ามา เร่เข้ามา ใครกลัวยุงแมลงกัดต่อย เข้ามาทางนี้ได้ น้ำในขวดนี้ ใช้เพียงนิดเดียว ทาถูร่างกาย เด็กเล็กเด็กน้อย ทารกเด็กแดง ผู้เฒ่าผู้แก่ก็ใช้ได้ ป้องกันแมลงเรไรได้ดีโข มีกลิ่นหอมชื่นใจ ใช้เพิ่มความหอมให้หญิงงามได้ด้วย ทั้งหอม ทั้งมีประโยชน์”
ดอกเหมยลองเลียนแบบในหนังสือ ประดิษฐ์คำพูดขายของสวยๆขึ้นมา ก่อนจะเรียกทุกคน ด้วยสำเนียงเสียงแปล่งๆให้เหมือนกับ พวกคนจีนที่มาพูดขายของในไทยสมัยก่อน
พอได้ยินว่าน้ำหอม หญิงสาวก็เริ่มมารุมล้อม ก่อนจะขอทดลองดอมดมดู
“ดมดูได้เลย ไม่ชอบไม่ซื้อข้าไม่ว่า แต่วันนี้ใครชอบข้าขายให้ถูกๆ ราคาเพียง10ทองแดงเท่านั้น” ดอกเหมยกำหนดราคาขึ้นมาเอง ที่นี่ใช้มาตรเงินเป็น 100ทองแดงเป็น 1เงิน 100เงินเป็น1ทอง
“หืม หอมจริงๆ แล้วกันแมลงได้จริงรึ” เสียงใสๆของหญิงสาวมากหน้าหลายตาเอ่ยถาม
“ลองซื้อไปใช้ก่อนได้เลย แต่ข้ารับรองว่าแมลงจะไม่เข้าใกล้เลยล่ะ ราคานี้ไม่แพงเลยใช่ไหม ใช้เป็นน้ำหอมให้กลิ่นกายหอมสดชื่น เพียง10ทองแดง ก็สามารถซื้อได้แล้ว” ดอกเหมยพูดวนไปวนมา
แต่มีคนที่ซื้อจริงๆเพียง 2 ขวดเท่านั้น แต่นั่นก็มากพอสำหรับจ่ายค่าคุ้มครองของพวกนักเลงแล้วล่ะ
“20ทองแดงเท่านั้น ไม่แพงเลยใช่มั้ย สำหรับที่พวกเราจะคุ้มกะลาหัวเจ้า” ชายหนุ่มคนนั้นเดินมา ก่อนจะจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากดอกเหมย พร้อมกับเลียนแบบคำพูดของเธอ
“เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะเงิน ” ดอกเหมยรีบให้เงินพวกมัน ได้แต่คิดในใจ ว่าเพิ่งจะขายได้เท่านั้น แล้วต้องเก็บร้านแล้วด้วย ไม่รู้วันนี้จะขายได้อีกมั้ย นี่ไงล่ะคนขายของจึงไม่มีเงินเหลือสักที ก็เพราะพวกมันนี่แหละ
“ตอนเย็นข้าจะมาอีกนะจ๊ะ นังขี้เหร่” พวกเขาเดินหัวเราะร่วนไป ดอกเหมยเลิกคิ้วไม่พอใจ ถ้าตอนเย็นเธอขายไม่ได้ มีหวังพวกมันได้ยึดของในร้านไปหมดแน่ๆ
“น้ำมันหอมนั้น ข้าซื้อทั้งหมด” เสียงทุ้มดังขึ้น ก่อนที่เธอจะทันได้เก็บร้าน ดอกเหมยเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างแปลกใจ
[ถึงเวลาแล้วค่ะ] เสียงของนกน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ดังขึ้นพร้อมกัน
ต้าจินฟาง อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาสั่งซื้อ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเก็บร้านแล้ว วันนี้เขามีนัดกับสหายที่โรงเตี้ยมประจำ อยู่ห่างจากร้านของหญิงสาวเพียงไม่กี่ก้าว
ทำให้ต้าจินฟางต้องเดินผ่านทางมา คราแรกนั้นแปลกใจอย่างมากเมื่อได้ยินนางบอกว่าไล่แมลงได้ แต่พอได้สูดดมจากที่คนของเขามาซื้อไปให้ลอง ก็พบว่ามันคือตระไคร้หอม ซึ่งสูตรนี้ในวังใช้ไล่แมลงกันมาเนิ่นนานแล้ว
แต่ที่น่าแปลกใจคือน้ำมันหอมระเหยนั่น ไม่รู้ว่านางทำเช่นไรจึงกลั่นกลิ่นออกมาเป็นน้ำมันได้ จึงอดไม่ได้ที่จะมาสั่งซื้อเมื่อเห็นหน้าหงอยที่ต้องเสียเงินทั้งหมดที่ขายได้ให้พวกเก็บค่าคุ้มครองไป
“คุณชาย ข้าไม่มีถุงย่ามจะใส่ให้ ท่านพอจะมีถุงย่ามมาด้วยรึเปล่าเจ้าคะ” ดอกเหมยเอ่ยถาม เธอยิ้มเต็มดวงหน้า เพราะดีใจที่มีคนมาเหมาอนาคตของเธอไว้ ช่วยชีวิตเธอไว้ชัดๆ แทบไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกาที่เตือนเวลา
“เอาใส่ตระกร้ามานั่นล่ะ ข้าซื้อด้วย ฝีมือการสานประณีตนัก” ดอกเหมยก้มหน้านิดๆ ไม่รู้ทำไมรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้ม คงเพราะแดดที่ตรงหัวเลยทำให้ร้อนขึ้นมามั้ง
“ว่าอย่างไร เจ้าขายตระกร้านั้นเท่าใด” จินฟางถามย้ำ เขามองหน้าหญิงสาวอย่างขัดใจ เมื่อเธอเอาแต่ก้มหน้าไม่เงยหน้ามายิ้มเหมือนทีแรก
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวผู้นี้จะดูงามในสายตาเขา ทั้งที่มือนางไม่ได้เล็กบอบบาง ผิวนางออกเหลืองไม่ได้ขาวซีดอย่างหญิงงามทั่วไป หน้านวลไร้การตบแต่งนั้นกลับดูสดใส ยิ่งเวลานางมีรอยยิ้มประดับดวงหน้า….
ต้าจินฟางรีบส่ายหัว สะบัดความคิดต่อแม่นางตรงหน้าออกจากหัวไป
“30ทองแดงเจ้าค่ะ ขอบคุณเจ้าค่ะที่กล่าวชม” ดอกเหมยหันข้างนิดๆเพื่อหยิบน้ำมันหอมทุกขวดลงตระกร้า แต่จริงๆเพื่อหลบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า
[ถ้าให้เดา เขาคือเป้าหมายใช่มั้ยอาลู่] ดอกเหมยแทบเก็บสีหน้าไม่อยู่ เพราะชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าเธอ ถูกวางตัวเข้าชิงบทพระเอกของเรื่อง
และถ้าจำไม่ได้ จะบอกให้ว่า ดอกเหมยนั้นหลงรักพระเอกในนิยายของตัวเองทุกเรื่อง ทุกครั้งที่เขียน ทำให้เธอเขินตัวบิดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ เพราะความไม่เคยพบเจอกับความรัก
[ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ถือว่าปักธงสำเร็จแล้ว มีภารกิจพิเศษเด้งขึ้นมาเจ้าค่ะ] ดอกเหมยขมวดคิ้ว
[ทอดสะพานรอการสานต่อ] ดอกเหมยอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอยู่ต่อหน้าเป้าหมาย
“นี่เจ้าค่ะ หากท่านจำเป็นต้องใช้น้ำมันกันแมลงเยอะๆ ข้าออกมาขายเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้นเจ้าค่ะ คราวหน้าจะลองทำกลิ่นอื่นๆมาด้วย ท่านมาลองดูนะเจ้าคะ ข้าจะให้ฟรี” ดอกเหมยมยิ้มน้อยๆให้เขา ก่อนจะเอามือหยิบปอยผมมาทัดหูไว้
[ดิ้งด่อง สำเร็จเจ้าค่ะ]
“ได้ ถึงข้าจะมาไม่ได้ ก็จะให้คนมาซื้อ เพราะถูกใจยิ่งนัก” ต้าจินฟางตกใจคำพูดตัวเอง ก่อนจะต้องสะบัดความคิดออกไป เรียกเงามารับตระกล้าไป แล้วถึงได้ควักเงินจ่ายหญิงสาว เป็นราคาตามที่นางบอก
ดอกเหมยมองตามคุณชายชุดเขียว ไปจนเขาเดินเข้าโรงเตี้ยม
[จบเนื้อเรื่องเจ้าค่ะ ต่อจากนี้ตั้งใจเขียนหนังสือด้วยนะเจ้าคะ เนื้อเรื่องต่อจากนี้จะไม่บีบบังคับการกระทำของเจ้านายแล้ว..ให้ใช้ชีวิตได้ตามใจเลย] เหม่ยลู่ที่ยังไม่หายงอนบอกห้วนๆ
[เขียนยังไงกันล่ะ] ดอกเหมยถามงงๆ เธอจะเขียนได้ยังไง ที่นี่มีคอมพ์ให้เธอพิมพ์รึยังไงกันล่ะ
ตื้อดึ่ง .... ภาพโฮโลกราฟสีฟ้า ร่างเป็นหน้าจอคอมพ์ปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอ พร้อมกับคีย์บอร์ดลอยฟ้า ระดับพอดีกับมือเธอ
[อ้อ ลืมไปว่าพระเจ้าสั่งนี่นะ พระเจ้าสร้างได้ทุกอย่าง] ดอกเหมยพูดประชด ก่อนจะเดินผ่านโฮโลแกรมไป
เธอเดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ เพื่อใช้จ่ายเงินที่ชายหนุ่มซื้อของ ไม่ลืมซื้อขวดยาเพิ่ม แต่เปลี่ยนไซส์เป็นไซส์เล็ก เพราะขวดใหญ่เกินไป หนึ่งคือเปลือง สองคือไม่สมราคา ดูไม่น่าซื้อ
เธอมีความคิดว่าจะลองสกัดน้ำหอมจากดอกไม้ดู แต่ตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่เจอดอกไม้เลยสักชนิด
นอกจากนั้น เธอซื้อเสื้อผ้าใหม่ไปให้หานตงด้วย เพราะเขามีเพียงชุดขาดๆซอมซ่อติดกายเท่านั้น แถมมันยังขาดเว้าหน้าอก มองเห็นทีไรเลือดกำเดาเธอจะพุ่งเอาทุกที
[เจ้านายไม่ลองซื้อเครื่องสำอาง] ดอกเหมยฟังเสียงแนะนำ ก่อนจะคิดแล้วคิดอีก เงินเหลือเพียง 2เหรียญเงิน หากซื้อเครื่องสำอางก็คงจะหมดเลย
‘ไม่ล่ะ ว่าแต่มีตำราอะไรแนะนำฉันอีกมั้ย’ ดอกเหมยถามกลับ เจ้านกน้อยเชิดหน้าก่อนจะตอบ เพราะยังงอนอยู่
[ตำราสกิลทุกชนิด ที่เจ้านายต้องการทำเป็นค่ะ] ดอกเหมยเริ่มคิด เธออยากจะทำอะไรเป็นบ้างนะ ก่อนอื่นเลยก็…
‘มีตำราทำให้ร้องเพลงเพราะมั้ย’
[มีเจ้าค่ะ 2500แต้ม ตัดแล้ว ตำราอยู่ในย่าม] ดอกเหมยเอื้อมมือไปแตะ เท่านั้นตำราก็หายไปกลายเป็นตัวหนังสือสีดำก่อนจะลอยเข้ากลางหน้าผากเธอ
ดอกเหมยลองฮัมเพลงที่เคยฟังสมัยยังเด็ก และค่อนข้างจะชอบ…
‘มีตำราทำอาหารอร่อยมั้ย แบบเน้นอาหารจีนนะ’ หลังจากได้สกิลที่หลงใหลมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนร้องเพลงเพี้ยนมาตั้งแต่เกิด เธอก็เริ่มถามอย่างอื่น
[ราคาแพงมากค่ะเจ้านาย แนะนำซื้อสกิลอื่นคุ้มค่ากว่าเจ้าค่ะ] เหม่ยลู่เหมือนจะลืมไปแล้วว่านางงอนเจ้านายอยู่
‘แล้วตอนนี้ฉันมีแต้มเท่าไหร่ล่ะ’ ดอกเหมยถามอย่างอารมณ์ดี
[ปักธงได้คะแนน1หมื่นแต้ม แต่เพราะสำเร็จภารกิจพิเศษจึงได้คะแนน *10เจ้าค่ะ] ดอกเหมยตาค้างตั้งแต่ได้คะแนนหมื่นแต้มแล้ว
‘เขาเป็นแค่อ๋อง ให้แต้มเยอะขนาดนั้นเลยหรือ แล้วถ้าฉันปักธงฮ่องเต้ได้ล่ะ’ ดอกเหมยถามเล่นๆ จริงๆฮ่องเต้ในเรื่องนี้เป็นคนเจ้าชู้ด่วนได้ ไม่ควรไปปักธงเล่นๆเด็ดขาด ไม่งั้นจะถูกขังไว้วังหลังตลอดชีวิตน่ะสิ
[ถ้าเป็นคนระดับนั้น ก็ได้มากกว่า10เท่าเจ้าค่ะ] แต่ไม่เอาดีกว่า ดอกเหมยคิด