บทที่2 สาวแก่ดื้อด้าน

1775 คำ
บทที่2 ‘วุ่นวายจังเลย!’ เสียงในหัวเธอตีกันวุ่น เสียงตะโกนก้องที่เพิ่มดีกรี ตอนนี้ใช้เครื่องขยายเสียงช่วย ทำให้เสียงม็อบหน้าบ้านเธอ ดังเข้ามาในบ้าน จนต้องตื่นก่อนเวลาปกติ ร่างเล็กที่ยังไม่ได้ ถึงกับแก่หง่อม ลุกจากที่นอน มองนาฬิกาเป็นเวลา9.00น. ยังเช้าเกินปกติที่เธอจะตื่น เธอเดินไปหยิบแผ่นเสียง มือเรียวลูบไล้เสื้อผ้าที่แขวนห้อยอยู่มากมาย ก่อนจะหยุดที่ชุดโปรด ร่างบางเดินโยกเบาๆก่อนจะวางแผ่นเสียงลงบนเครื่องเล่น เสียงจุ๊กจิ๊กจอแจหน้าบ้านไม่ได้อยู่ในประสาทหูเธอด้วยซ้ำ ก็แค่พวกคลั่ง เชื่อเรื่องบ้าๆ อย่างเช่นนิยายของเธอทำให้โลกแตก เป็นไปไม่ได้ นิยายของเธอเขียนออกมาจากการเรียบเรียง และจินตนาการของเธอทั้งนั้น ไม่ใช่มีผีมาเป่าหูเหมือนที่ทุกๆคนคิด ประมาณว่า เป็นคำพยากรณ์ ถ้าโลกจะแตกก็เพราะมนุษย์หนักโลกพวกนั้นไม่ยอมทำอะไรดีดีเพื่อโลกบ้างมากกว่าล่ะมั้ง “ฮัลโหล จ๊ะหลาน ...เธอซื้อผลไม้เข้ามาด้วยนะ หมดเกลี้ยงเลย” ร่างบางเดินกระย่องกระแย่งเข้าครัว ก่อนจะต้องกดโทรศัพท์สั่งลูกศิษย์ หรือก็คือเบ๊ดีดีนี่เอง “ฮ้า... หิวข้าวแล้ว สมองแล่น ต้องเขียนๆ” คนบ้าตัวอักษรรีบวิ่งไปหน้าคอมพ์ ก่อนจะเริ่มพิมพ์ๆอะไรลงไป ช่วงนี้เธอแต่งนิยายลงหน้าเว็บ ทำให้อัพงานเขียนได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรอตีพิมพ์ แล้วค่อยตีพิมพ์ออกมาอีกที เพราะสำนักพิมพ์มีระบบให้ทำเล่มขายได้เลย บนเว็บนั่นล่ะ “จะจบแล้ว ...เฮเลนบอกว่า โอเค..ตามนี้ๆ” ร่างบางฮัมเพลงไป พูดกับตัวเองไป พร้อมกับมือที่พิมพ์ไปเรื่อยๆ เมื่อพิมพ์จบเล่ม เธอก็เอนหลังลงกับพนักพิงอย่างเกียจคร้าน เพราะถึงยังไงก็ต้องรอให้ลูกศิษย์ มาตรวจทานคำผิด ถึงจะลงผลงานได้ “มาแล้วค่ะอาจารย์ ข้างนอกคนเยอะขึ้นรึเปล่านะ” หญิงสาวร่างเล็กหอบข้าวของพะรุงพะรังเข้าบ้านมา ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องครัวอย่างคุ้นเคย ครืด~ เสียงเครื่องปั่นที่ทำงานไม่นาน ก่อนจะเงียบไป พร้อมกับร่างของลูกศิษย์ที่ยื่นน้ำผลไม้ให้อาจารย์สาววัยเกินแกง “น้ำแอปเปิ้ลค่ะ... ” เสร็จแล้วเธอก็นั่งประจำที่เลย เมื่อเห็นว่าอาจารย์นั่งประจำอีกเครื่องอยู่ เธอก็เข้านั่งอีกเครื่อง เพราะหล่อนใช้วิธีการพิมพ์บนเว็บ เลยสามารถเห็นได้แบบเรียลไทม์ “แก้ต้นฉบับ ตอนสุดท้ายของเรื่อง เฮเลนออฟนิวยอร์คด้วยนะ” อาจารย์สั่งงานทันที เมื่อเห็นคนเป็นศิษย์เข้าหน้าเว็บก่อนเลย “กรี๊ด! จะจบอย่างนี้จริงๆหรือคะอาจารย์ เดี๋ยวคุณเฮกน่า ได้ตายจริงๆหรอกค่ะ” เพราะหญิงสาวเอง ตามข่าวเรื่องการเมืองที่ถูกโยงกับหนังสือของอาจารย์มาบ้าง ทำให้นึกห่วงนายกหญิงขึ้นมา “คิดมากน่ะ จบแบบนี้ล่ะ คนอ่านชอบ” ยายแก่ดอกเหมยเถียง คนเป็นศิษย์ก็ได้แต่ทำตาม “โห... ดูคอมเม้นท์นี้” ลูกศิษย์อดไม่ได้ ที่จะยกคอมเม้นท์ให้อาจารย์อ่าน ถึงจะรู้ว่ากฎเหล็กของนาง คือไม่ใส่ใจข้อติเตียนเกี่ยวกับไสยศาสตร์ก็เถอะ “ไม่ต้องอ่านหรอก” คนเป็นอาจารย์รีบปัดป่าย ไม่นึกอยากจะดูสักนิด อย่างมากก็คงพร่ำเพ้อกัน ว่าเธอมองเห็นอนาคต ต่างๆนาๆอีก “อันนี้เด็ดจริง จารย์ต้องดู” คนเป็นศิษย์ยังดื้อ ดอกเหมยได้แต่หยิบมาอ่าน อย่างเหนื่อยใจ ‘ถึงอาจารย์ดอกเหมย ถ้าคุณได้อ่าน ขอให้รู้ว่านิยายของคุณทำให้ชีวิตของหลายๆคนต้องตกตายไป ดังนั้นขอให้คุณหยุดเขียนก่อนที่ผมจะไปเอาชีวิตคุณ เหม่ยเซี่ยว’ หือ? เหม่ยเซี่ยว ชื่อเพราะมาก เอาไปเขียนเป็นพระเอกเรื่องใหม่ดีกว่า ไหนๆโลกใบนี้คงไม่ต้องการให้เขียนงานเขียนอิงโลกแล้ว งานเขียนเกี่ยวกับโลก งานสุดท้ายก็จบแล้ว งั้นขอเขียนนิยายต่างโลกบ้างแล้วกัน ยายแก่ปลงซะแล้ว ในเมื่อไม่อยากให้เขียนเธอก็สามารถเปลี่ยนไปเขียนแนวอื่นได้ จะมามัวประท้วงให้เสียเวลาทำมาหากินกันทำไม อีกหน่อยก็คงมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเพราะมัวแต่ประท้วงไม่ทำมาหากินเลยจะอดตายกันไปหมดน่ะสิ หึ! “หลานตอบกลับไปนะ ว่าฉันเห็นแล้ว และต่อไปจะเลิกเขียนนิยายเกี่ยวกับโลกนี้ ขอให้ทุกคนรออ่านงานเขียนของฉันเหมือนเดิม” ดอกเหมยว่า เธอเดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเพลงเป็นแนวเอเชีย ก่อนจะเริ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่ ‘ถึงเหมยเซี่ยว ถ้าคุณเห็น ฉันต้องขอโทษเกี่ยวกับงานเขียนที่บังเอิญไปตรงกับหลายๆเหตุการณ์ในโลก ดังนั้นต่อไปนี้ เพื่อความสบายใจของนักอ่านทุกคน ขอให้ทุกคนรออ่านงานเขียนนิยายต่างโลกของฉันต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณที่สนับสนุนตลอดมา อาจารย์ดอกเหมย’ ข้อความที่เขียน บ่งบอกถึงตัวตนของนักเขียน แต่ใครจะรู้ ว่าหญิงสาวที่เขียนบทรักมามากกว่าครึ่งชีวิต กลับไม่เคยมีความรักเลย ใครจะรู้ว่าอาจารย์ดอกเหมย เป็นหญิงสาวคานทอง ที่หนาแน่นสุดๆ คงไม่มีทางที่จะหักได้ในชาตินี้ ‘ขอให้อาจารย์ ไม่อยู่บนคานในชาติหน้านะคะ’ ลูกศิษย์คนสนิทได้แต่อธิษฐาน “เอาๆ เหม่ยเสี้ยวคลอดแล้ว มาตรวจเร็ว” อาจารย์รีบเรียกลูกศิษย์สาวให้มาตรวจ ก่อนที่ตัวเธอจะเขียนบทเกี่ยวกับอีกโลกหนึ่ง งานเขียนต่างโลกของดอกเหมย เป็นที่แพร่หลายและได้รับความนิยม พอๆกับนิยายในโลก เพียงแต่ ตลอดชั่วชีวิต เธอคลอดงานเขียนต่างโลกมา นับเล่มได้เลย และส่วนมากก็ใช้จักรวาลเดียวกันเสียด้วย “ทำไมรอบนี้ คลอดเร็วจังเลยคะ” เพียงแค่30นาที หลังจากที่เธอตอบคอมเม้นท์นั้นเท่านั้น อาจารย์ก็เขียนงานเขียนเกี่ยวกับ เหม่ยเสี้ยว ออกมาจบตอนแล้ว โดยที่มีโครงเรื่องต่อๆไป แนวทาง และคำอธิบายโลก และปมเตรียมรองรับเพียบเลย “ก็มันเป็นฉากๆ เหมือนกับการ์ตูนสี่ช่อง เลยคิดออกมาได้เร็วน่ะ แต่เพราะเป็นเรื่องแนวใหม่ ชื่อจีนๆอย่างนี้ เลยแต่งนานกว่าปกติ” ดอกเหมยบรรยาย จริงๆ หลาน หรือศิษย์เอกของเธอ แทบจะไม่ได้เรียนอะไรจากเธอเลย เพราะเธอสอนโดยใช้วิธี ครูพักลักจำ ให้หลานได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็มีลูกศิษย์อีก2คน ซึ่งไปโลดแล่นในวงการนักเขียนบทละคร และบทรายการทีวีแล้ว มีก็แต่หลานเนี่ยแหละ ที่เอาจริงเอาจริงกับงานเขียนนวนิยาย และการ์ตูน อย่างที่เธอเขียน นอกจากงานเขียนนิยายแล้ว ดอกเหมยเขียนนิยายการ์ตูน คือทำงานร่วมกับนักวาดการ์ตูน และยังมีเขียนบทละครบ้าง นานๆครั้ง “หลาน อาหารเที่ยง” บ่อยครั้งที่ดอกเหมยต้องเตือน เพราะหลานมีนิสัย คือชอบเขียนเพลิน กว่าจะรู้ตัวก็เลยเวลาอาหารไปแล้ว เธอเลยต้องตั้งเวลาปลุกขึ้นมาเบาๆเพื่อเป็นการเตือนตัวเอง เพราะดอกเหมยเองก็เป็นคนแบบนั้น และเพราะเป็นคนคล้ายๆกัน เธอเลยค่อนข้างสนิทกับลูกศิษย์คนนี้มากกว่าคนอื่นๆ พวกเธอจึงอยู่ร่วมกันมา กว่า10ปีแล้ว “หลาน..” คราวนี้คนเป็นอาจารย์เริ่มฉุน “คะจารย์” คนเป็นศิษย์วางอาหารไว้ข้างๆ ก่อนจะถามอาจารย์ “เป็นชั่วโมงแล้ว ตรวจเหม่ยเสี้ยวยังไม่เสร็จหรือยังไง” ดอกเหมยทวงงาน “กำลังเขียน บทแนะนำค่ะจารย์ ขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะนำเสนอนะคะ” หลานตอบอย่างไม่คิดมาก แม้ดอกเหมยจะมีท่าทางเหมือนคนใจร้าย แต่หากพูดดีดีด้วย เธอก็พร้อมจะฟัง “อืม ฉันเขียนบรรยายโลกเสร็จแล้ว แต่ยังไม่อยากเขียนตอน2 ว่าจะเขียนพรุ่งนี้ ลองเสนอโครงต่อจากตอน1มาให้ฉันดูซิ เธออยู่กันฉันมา10ปี พัฒนาแค่ไหนแล้ว” ดอกเหมยเอ่ยปาก ก่อนจะส่งข้อมูลโลกไปให้หลานอ่านเพิ่มเติม หลานจริงจังกับการบ้านของเธอทุกครั้ง จนพวกเธอแทบจะใช้สำนวนเดียวกันในการเขียนไปแล้ว เพียงแต่หลานจะมีสำนวนที่จริงจังกว่า ขณะที่ดอกเหมยจะมีความขี้เล่นในตัวน้อยๆ “รับทราบค่ะ ส่งตัวอย่างบทแนะนำไปให้ดูแล้วนะคะ 3 แบบ ” หลานส่งงาน ดอกเหมยพยักหน้ารับ ก่อนที่สองสาวจะนั่งสร้างงานเขียนกันต่อ ใครบอกว่านักเขียนนั้นง่ายๆ ไม่ยาก ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องกดดัน ไม่จริงเลย ดอกเหมยก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านจุดกดดันมาทุกรูปแบบ ตั้งแต่ เดดไลน์ส่งงาน กดดันเรื่องผลงาน การแก้ไขงานเขียน งานแก้ จนไปถึงความกดดันจากคนอ่าน ซึ่งช่วงนี้เธอจะโดนหนักเป็นพิเศษ “หลาน พรุ่งนี้มาเช้าหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันนอนเร็ว เพราะพวกเขา(คนหน้าบ้าน) กลับบ้านกันเร็ว แล้วก็มาเช้าอย่างกับมาทำงาน... มาทุกวี่ทุกวัน” ดอกเหมยพูดแหย่ตัวเองเล่น ก่อนจะหัวเราะแห้งๆออกมา ขณะที่หลานหัวเราะออกมาเต็มเสียง เพราะเธอเห็นด้วยอย่างยิ่ง “อย่าคิดมากเลยจารย์ คงมีคนจ้างมาแหละ เข้าออกเป็นเวลาขนาดนั้น” หลานปลอบใจ ก่อนจะปั่นงานเขียนของตัวเองต่อ ตัวเธอก็พอมีชื่อเสียงบ้าง และเริ่มมีผลงานของตัวเองออกมาจริงจังแล้ว จริงๆเพราะได้ความรู้จากอาจารย์นั่นล่ะ การเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์นั้น มีแต่เรื่องดี ทั้งได้เงินเดือน ทั้งมีข้าวเที่ยงกินฟรี ทั้งได้เรียนกับหล่อน ถึงจะเป็นแบบครูพักลักจำ แต่ก็ดีกว่างมเอง เพราะหลายคนเลยที่หาพรสวรรค์ตัวเองไม่เจอ “จารย์ ข่าวออก” คราวนี้หลานหันไปเปิดโทรทัศน์ ก่อนที่นักข่าวจะรายงานข่าว เรื่องที่เธอตอบคอมเม้นท์เหม่ยเซี่ยว และรายงานเรื่องที่เธอยังคงดึงดันเขียนนิยายต่อ แม้จะมีคนต่อต้านมากมายก็ตามที “เพราะชีวิตฉันคืองานเขียน ฉันจะเขียนนิยายไปจนตาย ตายไปแล้วฉันก็จะเอาลงหลุมไปเขียนในหลุมด้วย..” เสียงสะบัดนั้นทำให้หลานหันไปมอง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ อาจารย์เธอนั้น ดื้อด้านสุดๆเลยล่ะคุณนักข่าว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม