“แต่เจ้าอ่านออกนี่... งั้นข้าจะขอให้เป็นกรณีพิเศษ ให้หว้าอูเข้าร่วมการสอบ อีกอย่างนะเหม่ยเสี้ยว...” เหม่ยเสี้ยวที่คิดว่าหมดเรื่องแล้วคอตก
“...เจ้ารู้หรือไม่ ว่าน้ำผึ้ง และน้ำตาล มีมูลค่ามากเพียงไหน” ฟางอ๋องทำท่าทางราวกับผู้ปกครองกำลังดุเด็ก นั่นทำให้เหม่ยเสี้ยวยิ่งหงอไปใหญ่
“เอ่อ...ไม่ทราบเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวบอกตามตรง ก็ได้ยินอยู่ว่าหายาก แต่ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ และคิดว่าถ้าจำกัดการให้แค่1กาต่อ1ถ้วยเล็กก็ไม่เป็นไร (ประมาณครึ่งออนส์) นั่นเล็กกว่าถ้วยน้ำจิ้มในโลกของเธออีกนะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขารู้ว่าใช้น้ำตาลเยอะแค่ไหนในการทำแยมและเค้ก เขาจะบ่นแค่ไหน
“ถ้าเทียบเป็นเงิน น้ำผึ้งราคาโถเล็กก็ราวๆ 50ทอง ส่วนน้ำตาลครึ่งจินก็ราว5ทอง” เหม่ยเสี้ยวอ้าปากค้าง ก็เคยได้ยินอยู่หรอกว่าแพงแต่นั่นมัน...น้ำผึ้งหรือทองคำล่ะนั่น
“จริงๆแล้ว ข้าเคยเจอชนเผ่ากลางป่า พวกเขาเลี้ยงผึ้งไว้ให้น้ำผึ้งทำให้มีไว้กินทั้งปี...อย่างนี้มัน...โอ้ ทำยังไงดี” ให้ตาย...สมองแก่ๆนี่เพิ่งจะรู้ตัว ว่าน้ำผึ้งมันทองชัดๆ และถ้าเธอเอามาเสิร์ฟเคียงอย่างนี้ เท่ากับเธอขายน้ำผึ้งในราคาแค่2เงิน นี่มัน...ทำลายตลาดน้ำผึ้งชัดๆเลย
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คิดว่าถ้าใช้วิธี ใช้เครื่องเคียงเป็นอย่างอื่นแทนน่าจะดีกว่า เช่น จินหั่น ” ฟางอ๋องช่วยคิดทางออกให้
“แล้วชนเผ่าที่ว่า เจ้ายังติดต่อพวกเขาได้หรือไม่ จริงๆความต้องการน้ำผึ้งในวังนั้นมีสูงมาก แต่พวกเรามักจะได้มาจากการนำเข้าทางเรือสินค้าเท่านั้น มันจึงมีราคาแพง หากสามารถหาได้จากในพื้นที่ ราคาก็น่าจะถูกลงได้”
‘โอ้...พ่อหนุ่มนี่มีหัวการค้าสมกับเป็นท่านอ๋อง...เสียดายหากเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ประเทศนี้อาจจะดีกว่านี้...หรือไม่ก็คงล่มจมไปเลยหากเขามัวลุ่มหลงสุราและนารี...ไม่สิ ดีแล้วล่ะที่เขาไม่ได้เป็นฮ่องเต้’
“จริงๆแล้ว ไม่ได้ติดต่อกันแล้วเจ้าค่ะ เหมือนจะเป็นชนเผ่าลับแล แต่ข้าพอจะจำวิธีเลี้ยงผึ้งได้ ตอนนี้ก็มีน้ำผึ้งอยู่ในคลังพอสมควร...หากท่านอ๋องอยากจะแบ่งไปบ้างก็ได้เจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวยิ้มหวาน
ฟางอ๋องเสียวสันหลังวูบ รู้สึกเหมือนเหม่ยเสี้ยวไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆอย่างที่เขาคิดตอนแรกเสียแล้ว ยิ่งได้ทำการค้าร่วมกันยิ่งได้รู้ว่านางนั้นทั้งฉลาดและมีไหวพริบเพียงใด
“อืม...อย่างนั้นข้าจะติดต่อกับทางวังให้”ฟางอ๋องอาสา เหม่ยเสี้ยวยิ้มมุมปาก รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ปล่อยไปหรอก เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะและส่วนผสมในยาหลายๆอย่าง รวมถึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวังหลังด้วย เลยเป็นที่ต้องการมาก
“โอ้ กว่าจะรู้ตัวก็เกือบมืดแล้ว ข้าขอตัวไปเปลี่ยนเวรกับเด็กๆก่อนนะเจ้าคะ” เหม่ยเสี้ยวไม่ได้อยากจะเสียมารยาทกับเขา แต่เพราะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วเลยอยากจะให้เก็นบุกับโอริวไปกินข้าวกันก่อน
แต่สำหรับฟางอ๋องแล้ว เขากลับรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเขาอย่างนี้ หญิงตรงหน้ากลับให้ความสำคัญกับเขาน้อยกว่าเด็กๆในร้านของเธอ ทั้งๆที่ลูกจ้างส่วนมากคงไม่ได้หยุดพักกินข้าวระหว่างที่ร้านยังเปิดอยู่เช่นนี้
“อ่า...เช่นนั้นข้าคงไม่รบกวน พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าอีกครา หากต้องการคนเพิ่มก็ให้รีบบอกได้เลย” จากที่สังเกตดู แม้ตลอดเวลาร้านไม่ได้มีลูกค้าเยอะนัก แต่พอโต๊ะหนึ่งลุกไปไม่นานก็มีเข้ามาตลอดไม่ขาดสาย
น่าแปลกใจที่พวกเขาสามารถทำหลายๆอย่างได้ โดยที่มีคนงานเพียง4คนเดินสลับสับเปลี่ยนกันไปมา มีเพียงหานตงเท่านั้นที่ส่วนมากจะอยู่กับส่วนที่ขายน้ำหอม เพราะสาวๆนั้นสนใจอยากแต่จะสัมผัสกับเขาเพียงเท่านั้น...มันยิ่งน่าหงุดหงิดที่ข้างกายเหม่ยเสี้ยวมีชายงามเช่นนั้นอยู่
“แปลกคนเสียจริง” ฟางอ๋องอดบ่นไม่ได้ ทั้งๆที่ยิ้มแย้มด้วยความปิติมากกว่าปกติจนกระทั่งหว้าอูยังรู้สึกเหนื่อยใจ ...ก็ไอท่าทีอย่างนั้นมันเหมือนว่า ฟางอ๋องได้ของเล่นใหม่ยังไงล่ะ แถมดูแล้วจะเป็นของเล่นที่น่าสนใจเอามากๆด้วย
1อาทิตย์แล้วตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน เหม่ยเสี้ยวยอมรับคนใหม่เข้ามาทำงานร่วมหลังจาก2วันมานี้มีลูกค้าเยอะขึ้นมากกว่าปกติ ทั้งๆที่เปลี่ยนเครื่องเคียงชาเป็นจินหั่นซีกอย่างที่ถูกแนะนำมาแล้ว
ตอนนี้เลยมีพนักงานในร้านเพิ่มมาอีก3คน เป็นคนของฟางอ๋อง ที่เหม่ยเสี้ยวขอให้พวกเขามาดูแลลูกค้าแทน และแน่นอนว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาคือวิธีการทำ
แต่เพราะเหม่ยเสี้ยวไม่อนุญาตให้พวกเขาไปยุ่งในโกดัง ครัว และที่อื่นๆ พวกเขาเลยทำได้แค่ด้อมๆมองๆเวลาที่พวกเธอทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นการนั่งฝึกปราณซะมากกว่า
“เจ้าคิดว่ายังไง จีเหลิน นางตั้งใจปกปิดแน่ๆกับคำสั่งเช่นนั้น” จีเลิ่นสาวใช้พันธสัญญาจากจวนท่านอ๋องกล่าวขึ้นมา ขณะที่กำลังว่างๆจากลูกค้า
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ เหมือนว่าสัญญาไม่ได้แบ่งปันเรื่องวิธีทำนะ ท่านอ๋องก็บอกว่าไม่ต้องทำลายความไว้ใจของนาง แปลว่าไม่ได้ต้องการสูตรขนาดนั้น...ข้าว่าเราอย่าใส่ใจเถอะ วันหนึ่งหากนางติดใจท่านอ๋องของเราแล้วนางก็จะยอมบอกแต่โดยดีเองนั่นล่ะ”
จีเหลินฝาแฝดคนพี่ตอกกลับ น้องของนางกำลังตื่นเต้นราวกับได้เล่นเป็นสายลับ ทั้งๆที่ท่านอ๋องก็เพียงวานให้จำวิธีทำหากนางยอมบอก...แต่นี่ดูก็รู้ว่าเจ้าของร้านคนงามคงไม่ยอมบอกง่ายๆแน่
“ไม่สนุกเลย” จีเลิ่นหน้าหงิกเพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มให้ลูกค้าอีกครั้ง
ทำงานที่นี่สบายกว่าที่คิด คราวแรกคิดว่าจะถูกเถ้าแก่เนี้ยจิกใช้ต่างๆนาๆ แต่กลับกลายเป็นว่า มีเงินพิเศษให้ มีเวลาของตัวเองในช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน แถมมีเวลากินอาหารตรงเวลา เพราะเจ้านายจะมาเปลี่ยนให้พวกนางกินข้าวกันตอนเที่ยงและค่ำ
“เค้กส้ม2ที่ ไปตามท่านหญิงมาด้วยนะเจ้าคะ โต๊ะ4ต้องการชาสมุนไพร” เจินจู สาวใช้อายุน้อยกว่าทั้งสองมากเดินกลับมาบอก ตัวนางนั้นค่อนข้างพอใจที่ได้ออกมาทำงานอื่นๆนอกจวน เนื่องจากรูปลักษณ์ที่สายงาม หากยังอยู่ในจวนมีหวังได้ตกเป็นอนุท่านอ๋องไปสักวันแน่ๆ
“แหม น้องจูคนงาม เดินไปตามท่านหญิงเองสิ ตัวข้านั้นเป็นพี่จะมาใช้พี่สาวหรือจ๊ะ” จีเลิ่นนั้นรู้ดีว่าเจินจูตกหลุมรักหานตงตั้งแต่แรกเจอ เจินจูเลยไม่ชอบเดินไปหลังร้านเท่าไหร่รีบกลั่นแกล้งน้องร่วมงานทันที
“พี่หญิง...ลูกค้าก็ยังไม่หมดร้าน ข้าคงทิ้งงานไปไม่ได้” เจินจูตอบกลับอย่างเยือกเย็น ยิ้มน้อยๆก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ จีเลิ่นได้แต่หน้าหงอย เจินจูชอบทำเหมือนจีเลิ่นไม่มีวันชนะนางได้เสมอเลย
“อย่าไปเย้าดีกว่า ดูก็รู้ว่าตัดใจไปแล้วล่ะ” จีเหลินเปรยเบาๆ จริงๆพวกนางทั้ง3นั้นงดงามพอสมควร แต่ถูกส่งต่อมาทำพันธสัญญากับเถ้าแก่เนี้ยแทนอย่างช่วยไม่ได้ คนที่เธอคิดว่าไม่พอใจที่สุดน่าจะเป็นเจินจูนั่นล่ะ เนื่องจากคนทั้งบ้านคิดว่าเจินจูหมายตาจะเป็นอนุท่านอ๋องอยู่...หารู้ไม่ว่าไม่ใช่เลย
“นั่นสิ ท่านหานตงสมัครใจแต่งกับท่านหญิงเท่านั้น ขนาดเด็กเล็กๆยังดูออกเลย” จีเลิ่นเองก็ยิ้มแย้มกลับ แม้จะเป็นผู้แพ้ตลอด แต่นั่นล่ะหน้าที่ของเธอ เป็นผู้แพ้เพื่อให้เจินจูชนะยังไงล่ะ ฮิฮิ
“ไปตามท่านหญิงเถอะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอนานเปล่าๆ” จีเหลินเตือน ก่อนจะหันไปยิ้มต้อนรับแขกคนต่อไปอย่างไร้ที่ติ...แม้นจะเป็นเพียงรอยยิ้มทางการเท่านั้นก็ตามที ดวงตาของนางไร้แววใดๆด้วยซ้ำ
จีเลิ่นเดินออกมาด้านหลังร้าน ก่อนจะวิ่งไปเคาะประตูโรงครัว
โอริวโผล่หน้าออกมา ก่อนจะส่ายหัวบอกว่าท่านหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่ จีเลิ่นรีบวิ่งไปอีกที่ โกดังเก็บของ ก่อนจะเคาะประตูอีกครั้ง
“ไม่อยู่” เสียงตะโกนตอบกลับมาห้วนๆ บ่งบอกว่าเป็นเก็นบุที่น่าจะกำลังทำงานอยู่ และเขาไม่ชอบใจมากหากมีใครมาหาขณะที่เขาอยู่ในโกดัง
จีเลิ่นหยุดคิด...ปกติท่านหญิงจะอยู่เพียงหลังร้าน โรงครัว ไม่ก็โกดังเท่านั้น แต่กลับไม่เจอเลยสักที่ แล้วที่ไหนกันล่ะ? เธอชะงักค้างไป ก่อนจะเงี่ยหูฟัง เหมือนมีเสียงบางอย่าง
“รีบๆออกดอกกันนะ จะได้เก็บเกี่ยวสักที” เสียงหวานดังมาตามลม จีเลิ่นวิ่งตามเสียงไปก่อนจะพบว่าท่านหญิงกำลังยืนอยู่ในคอกม้า โดยมีหานตงนั่งอยู่กับพื้นและกำลังทำสวนอยู่
“ท่านหญิงคะ มีลูกค้าต้องการชาสมุนไพรเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวได้ยินอย่างนั้นก็หันไปยิ้มให้ ก่อนจะหันไปสั่งงานหานตงต่อ
“จริงๆว่าจะลองปลูกอย่างอื่นดู แต่ปลูกจินไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาแล้วเข้าไปเก็บของป่ากันเสียหน่อย”
จีเลิ่นนึกชื่นชม เหม่ยเสี้ยวนั้นทั้งๆที่เป็นเพียงหญิงไร้หัวนอนปลายเท้า แต่ตอนนี้นางกลับเป็นเจ้าของร้านที่มีคนอยากเข้ามานั่งมากที่สุดในเมือง โดยใช้เวลาเพียง1สัปดาห์
“ว่าแต่ โต๊ะไหนหรือ” เหม่ยเสี้ยวไม่ลืมถามขณะที่เดินไปด้วยกัน
“โต๊ะ4เจ้าค่ะ ” เหม่ยเสี้ยวพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินแยกเข้าไปหาโต๊ะที่บอก โต๊ะนั้นมีสมาชิก4คน ชายหญิง2คนดูเหมือนเป็นคนใหญ่โตเพราะเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมอยู่นั้นดูมีราคาและดูใหม่
ส่วนอีกสองคนนั้นเหมือนผู้คุ้มกัน คิดว่าชื่อเสียงร้านของเธอคงเริ่มดังไปถึงหูเหล่าชนชั้นสูงของเมืองแล้วแน่ๆ และแน่นอนว่าช่วงนี้เธอเห็นเกวียนชนชั้นสูงมาหน้าร้านบ่อยๆ แต่พอเห็นว่าโต๊ะเต็มพวกเขาก็ไปกินร้านอื่น
“ยินต้อนรับเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านไหนต้องการรับชาสมุนไพรหรือเจ้าคะ” เหม่ยเสี้ยวถามอย่างสุภาพ เว้นระยะห่างจากสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้านายพอสมควร คิดว่าหากไปยืนค้ำหัวพวกเขาอาจจะไม่พอใจได้
สองสามีภรรยายู่มองหน้ากัน ค่อนข้างแปลกใจที่หญิงสาวไร้หัวนอนปลายเท้าตามที่ได้ยินมา แต่กลับมีกริยามารยาทดีกว่าคนทั่วไป
“ข้ามีนามว่ายู่ชีหาน ได้ยินมาว่าเจ้ามีชาสมุนไพรดื่มแก้วิงเวียน เลยอยากหามาดื่มเสียหน่อย” หญิงสาวงามหมดจดพูดขึ้น นางยกมือขึ้นปิดปากก่อนพูดแสดงว่าเป็นมารยาทของที่นี่
“ขออภัยนะเจ้าคะ ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองเรื่องทายาทก่อน และอยากจะทราบว่าอายุครรภ์เท่าใดแล้วหรือ” เหม่ยเสี้ยวเอ่ยถาม จริงๆสมุนไพรแก้วิงเวียนถือเป็นยา และมีผลต่อท้องอ่อนๆแน่นอน
“โอ้ น่าประทับใจนักที่ท่านเพียงมองก็รู้ว่าภรรยาข้ากำลังตั้งครรภ์ เห็นท่านหมอบอกว่าอายุราวๆ2เดือน”
เหม่ยเสี้ยวพยักหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด จริงๆเธอก็สามารถให้ชาตัวอื่นที่มีฤทธิ์อ่อนๆได้ แต่คิดว่าคงไม่ได้ผลดีแน่ๆและจะเป็นข้อครหา ดังนั้นบอกไปตามตรงจะดีกว่า
“จริงๆแล้วหากเป็นอาการวิงเวียนธรรมดาเรามีชาที่เหมาะๆแน่นอน แต่เพราะตั้งครรภ์อยู่จึงให้ดื่มไม่ได้เจ้าค่ะ ชาตัวนั้นมีส่วนผสมของรากเซวียน ซึ่งมีโทษต่อเด็กในครรภ์จึงไม่เหมาะให้คนตั้งครรภ์ดื่ม ขออภัยด้วยเจ้าค่ะใต้เท้า แต่หากท่านกลับมาในอีก3วัน ข้าน่าจะมีสินค้าอย่างอื่นที่ช่วยได้”
เหม่ยเสี้ยวบอกตรงๆ ตอนนี้เธอคิดถึงพิมเสน ยาหม่อง ยาดม อะไรประมาณนั้น จริงๆเจอใบมิ้นต์เหมือนกันเลยคิดว่าหากสกัดมาได้ก็น่าจะทำได้
“อย่างนั้นรึ เจ้าว่าอย่างไร” ยู่ตงหยวนหันไปถามผู้เป็นภรรยา นางทำเพียงพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ออกจะเสียใจนิดหน่อยที่เถ้าแก่เนี้ยปฏิเสธ แต่ก็พอจะมีหวังที่จะหายจากความทรมานนี้ไปบ้าง
“ถ้าอย่างไรงดทานรากจินจนกว่าจะคลอดดีกว่านะเจ้าคะ นอกจากนี้หลีกเลี่ยงน้ำผึ้งด้วยนะเจ้าคะ” เหม่ยเสี้ยวเตือน ในโลกนี้น้ำผึ้งนั้นเป็นยาที่สุดยอดของสุดยอด แต่กลับมีผลข้างเคียงกับคนท้อง เหมือนๆกับรากจินและต้นเฮ
“ขอบคุณท่านหมอ” ยู่ชีหานหันไปยิ้มให้เหม่ยเสี้ยวอย่างจริงใจ
“ไม่ต้องเรียกข้าว่าหมอหรอกเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงคนที่รู้เรื่องสมุนไพรเท่านั้น ข้ารู้สึกแปลกๆที่ท่านปักใจเชื่อข้ารวดเร็วเพียงนี้” เหม่ยเสี้ยวเก้อเขินนิดๆ เพราะจริงๆแล้ววันก่อนเธอมีเรื่องกับชนชั้นสูงคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับใบอนุญาตหมอที่เธอสอบได้ ทั้งๆที่ไม่รู้หนังสือ เขาเลยมาทำให้เธอเสียชื่อเสียง จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ามาสั่งชาสมุนไพรกับเธอเลย
“ไม่หรอก ข้าเชื่อใจท่าน เพราะได้รับแนะนำมาจากเพื่อน เขาว่ากันว่า ค่าชื่อเสียงของร้านค้าขึ้นอยู่กับว่าดีพอให้เพื่อนเราแนะนำไหม” เหม่ยเสี้ยวเขินจริงๆก็คราวนี้ ก่อนจะขอบคุณพวกเขาจากใจจริงที่ไว้ใจเธอ นึกอยากรู้ว่าใครกันที่ไปแนะนำพวกเขา