เหม่ยเสี้ยวมองช่างไม้ที่อยู่ในโรงไม้ ซึ่งมีแต่กองไม้กองอยู่เต็มไปหมด พวกเขากำลังก้มหัวอย่างสุดชีวิตเนื่องจากรู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร สมแล้วที่พวกเขาเป็นช่างเจ้าประจำของฟางอ๋อง
เธอเองก็ทำเป็นเอ๋อๆ ไม่สนใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนรีบเข้าไปกระซิบกระซาบคนพวกนั้นของฟางอ๋อง ก่อนที่พวกเขาจะกลับมายืนปกติแต่ท่าทางก็ยังคงหวาดกลัว
เพราะท่านอ๋องนั้นเป็นถึงพระอนุชาแห่งฮ่องเต้ เป็นไปไม่ได้ที่คนที่รู้จะไม่เกรงกลัว เพียงเขาสั่งคำเดียวให้นำไปประหาร พวกเขาก็คงจะหัวหลุดออกจากบ่าได้โดยไม่ถูกไต่ความ
“ทะ.... ท่านหญิงต้องการให้ทำอะไร... นะขอรับ” เสียงสั่นๆของหัวหน้าช่าง บ่งบอกว่าเขายังคงเกรงกลัวนายท่านด้านหลังที่ส่งสายตาอาฆาตมาที่พวกเขา
หารู้ไม่ว่าฟางอ๋องแค่ไม่พอใจ ที่เหม่ยเสี้ยวเข้าไปใกล้พวกเขามากเกินไป และนี่อาจจะทำให้หัวพวกเขาหลุดจากบ่าจริงๆก็ได้
“ข้าแค่อยากให้ซ่อมแซม และจัดการเรื่องชั้นวางของเจ้าค่ะ แบบชั้นวางของข้าวาดมาพอสมควรแล้ว แต่ข้าอยากจะได้ไม้ที่ทนทานต่อความอับชื้นสักหน่อย”
เหม่ยเสี้ยวนึกไปถึงเวลาที่ขายสมุนไพรหรืออย่างอื่นในอนาคต ซึ่งเธอก็ยังคิดไม่ออกหรอก แต่แค่อยากเตรียมการณ์ไว้เท่านั้นล่ะ
“ถ้าเช่นนั้นคงต้องเป็นไม้หวง หรือไม้โหวดีล่ะ ถ้าไม้โหวจะแพงกว่าแต่ป้องกันแมลงสัตว์ได้ด้วย” หลังจากที่เหม่ยเสี้ยวพูดเรื่องงาน หัวหน้าช่างก็ลืมความกลัวก่อนหน้าไปหมดสิ้น ทั้งๆที่ฟางอ๋องยังคงปล่อยรังสีอำมหิตออกมาเหมือนเดิม
“อยากให้ท่านลองไปประเมินดูก่อนว่าหากใช้ไม้โหว ปรับปรุงตามแบบแปลนทั้งหลัง จะเป็นเงินเท่าใดแยกค่าแรง และค่าไม้ออกจากกันให้ด้วยนะเจ้าคะ” เหม่ยเสี้ยวไม่ลืมย้ำ
เธอกางแบบแปลนลงตรงโต๊ะงานช่าง ซึ่งมีกระดาษและเครื่องมือหลายอย่างวางอยู่ ก่อนจะเริ่มชี้นิ้วไปตามส่วนต่างๆและอธิบายว่าจุดไหนทำยังไงบ้าง จะใช้ทำอะไรบ้าง รวมถึงขอความเห็นเรื่องการตกแต่งด้วย
หัวหน้าช่างพาลูกมือซึ่งเป็นช่างแกะสลักและช่างตัดแต่งไม้ ตามมาดูที่ร้านด้วย เหม่ยเสี้ยวเลยให้พวกเขาปรับปรุงชั้น1ตามแบบก่อน ส่วนชั้น2และ3แค่เพียงอยากให้กั้นห้องเท่านั้นแต่อยากจะใช้ไม้ชนิดเดียวกันทั้งหมด
สรุปแล้วพวกเขาคิดค่าไม้โหว 12ทอง 56เงิน ส่วนค่าช่างไม้ช่างแกะสลักและอุปกรณ์อื่นๆอีก4ทอง96เงิน รวมเป็นเงิน17ทอง 52เงิน
เหม่ยเสี้ยวรู้สึกเกินตัวนิดๆ แต่เธอตัดสินใจขอคุยกับช่างไม้ เพื่อแลกเปลี่ยนและขอลดราคา
“อะ... นะ.... นี่มัน” หัวหน้าช่างหน้าเสีย ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีความคิดดีดีเช่นนี้ และแน่นอนว่าถ้าเขาทำขายเขาจะต้องได้กำไรมากแน่ๆ
“สิ่งพวกนี้คือสิ่งที่คนชั้นสูงเขาใช้กัน ข้าได้เดินทางไปหลายที่เลยได้รู้วิธีทำมา ข้าว่าจะเอาไปขายให้ร้านช่างไม้พอดี แต่ถ้า...” เหม่ยเสี้ยววรรคไว้ เพราะรู้สึกเหมือนปลาจะกินเบ็ดแล้ว
“ท่านหญิง... ขายให้ข้าเถอะ... หมดนี่.... ไม่สิ.... เท่าไหร่กัน” เหม่ยเสี้ยวยิ้ม ก่อนจะกระตุกเบ็ดทีหนึ่งก่อนเพื่อให้ปลากินเบ็ดลึกขึ้น มันจะทำให้พวกเขาดิ้นหลุดได้ยาก
“อืม จริงๆข้าก็ไม่ได้อยากจะใช้งานของพวกนี้อยู่แล้ว แต่คิดว่าโรงไม้น่าจะต้องการ แต่ถ้าขายของที่ข้าไม่ต้องการอยู่แล้วก็ดูจะใจร้ายเกินไป” เหม่ยเสี้ยวแอบมองไปด้านหลัง ที่เหมือนพวกเขาจะมองดูอยู่ว่าเธอคุยอะไรกับช่างไม้นานสองนาน
“งั้นข้าจะให้ท่านไว้แล้วกัน ขอเพียงท่านทำของบางอย่างในพวกนี้ ส่งขายแค่ที่ร้านข้า ห้ามขายที่อื่น แน่นอนว่าต้องทำสัญญากันด้วยนะเจ้าคะ”
เหม่ยเสี้ยวยิ้มพอใจ ปกติในชีวิตก่อนเธอไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจหรอก แต่เพราะเพิ่งจะอัพสกิลการค้าไป เลยทำให้การเจรจาเป็นไปในทางที่ดี
ถึงจะต้องหยุดอัพสกิลวิเคราะห์ไว้ก่อนก็เถอะ
“ได้ๆ แต่วิทยาการพวกนี้ ดูจะเอาเปรียบเกินไปหากไม่มีสิ่งใดตอบแทนเลย...” หัวหน้าช่างทำหน้าคิดหนัก ก่อนจะผายมือไปทั่วร้าน
“เอาเป็นว่าพวกข้าจะไม่คิดค่าแรง เป็นสิ่งตอบแทนท่านแล้วกัน และเพื่อการค้าอันดีของพวกเราในอนาคตด้วย” คำพูดนั้นที่เหม่ยเสี้ยวรอคอย เธอรีบกระตุกเบ็ดขึ้นมา ก่อนจะนั่งมองปลาที่นอนดิ้นทุรนทุราย
“โอ้ ขอบคุณท่านมาก ช่างใจดีเหลือเกิน ” แหม แค่เธอเอาวิทยาการของโลกก่อน ซึ่งบางอย่างเป็นของโบราณ อย่างเช่นล้อเกวียน หรือเครื่องทุ่นแรง พวกเขาก็งับแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังขายได้ ขอบคุณที่โลกก่อนเธออ่านหนังสือเยอะล่ะนะ
“เจรจาเสร็จแล้วรึ” ฟางอ๋องถามเมื่อเห็นเหม่ยเสี้ยวเดินกลับมากับช่างไม้
“เจ้าค่ะ ต้องขอบคุณ คุณชายต้า ที่เมตตาช่วยเหลือคนธรรมดาเช่นข้า” เหม่ยเสี้ยวไม่ลืมให้เครดิตเขา เป็นเรื่องปกติล่ะนะ
“ขอบพระคุณท่านอ๋อ...คุณชาย” หัวหน้าช่างรีบเปลี่ยนคำ เขาคำนับลงพร้อมๆกับเหล่าช่างไม้ เขารู้สึกภูมิใจอย่างมากเพราะนอกจากจะได้ทำอะไรแปลกใหม่แล้ว ยังได้ของที่เป็นวิทยาการ สิ่งที่ท่านหญิงคนนี้มีอยู่ด้วย วิทยาการจากที่ต่างๆ
“หวังว่าเจ้าคงไม่ใจร้าย คิดราคาเกินจำเป็นนะ” ฟางอ่องขู่ หารู้ไม่ว่างานนี้พวกเขาทำฟรีไปเลยต่างหาก
“กำหนดการณ์เริ่มพรุ่งนี้ เพราะท่านหญิงอาศัยอยู่ที่นี่พวกเราเลยขออนุญาตทำจากชั้น3ลงมาก่อน” หลังจากนั้นก็เริ่มคุยรายละเอียดกัน ฟางอ๋องเลยขอตัวกลับ เพราะเขาไม่ชอบเรื่องวุ่นวายพวกนี้ ปกติก็ให้คนใช้ทำหมดเลย ไม่จำเป็นต้องทำเอง
เหม่ยเสี้ยวถือโอกาสที่ช่างไม้กำลังทำงาน ให้หานตงดูงานช่างไม้ไว้ เผื่อมีเหตุที่ต้องตัดสินใจ เขาจะได้แก้ไขได้เฉพาะหน้า ตอนนี้เธอเลยพาเด็กๆทั้งสองคนมาที่ป่า
“เอาล่ะ ทั้งสองคน พวกเจ้าเป็นเด็กกำพร้าไร้ชื่องั้นรึ” เหม่ยเสี้ยวถาม พวกเขาเป็นตัวละครที่จะโผล่มาหลังจากนี้ เป็นกำลังหลักและผู้จงรักษ์เพียงสองคนของเหม่ยเสี้ยวในอนาคต
“งั้นจะเป็นอย่างไร ถ้าข้าขอตั้งชื่อให้เจ้า” เหม่ยเสี้ยวถามความเห็นก่อน เพราะไม่รู้ว่าต้องทำเควสเอาชนะใจพวกเขาทั้งสองอะไรอีกมั้ย
“หม่าม๊า” เด็กหญิงยังคงเกาะติดเธอแจ ขณะที่เด็กชายอายม้วนและพูดเบาๆว่าพี่สาว เธอเลยเข้าใจได้ว่า พวกเขาคงจะเคารพเธอระดับหนึ่งแล้ว
“งั้น โอริว(มังกรดิน) ส่วนเจ้า เก็นบุ(เต่าดำ)” เหม่ยเสี้ยวชี้ไปทีละคน เริ่มจากเด็กหญิง ไปที่เด็กชาย ซึ่งเป็นชื่อญี่ปุ่น แต่ก็ นั่นล่ะ ยุคนี้มันไม่ใช่ยุคจีนในโลกของเธอนี่นา ก็แค่เหมือน การจะชื่อแปลกไปหน่อย หรือกระทั่งชื่อดอกเหมย บางทีก็อาจจะไม่แปลกเลยก็ได้
“โอริว...รัก...หม่าม๊า” เด็กหญิงออดอ้อน ก่อนจะซุกหน้าลงกับแขนของเธอ เหม่ยเสี้ยวรู้สึกอุ่นในหัวใจ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีอารมณ์แบบนี้เหมือนกัน ความรู้สึกยินดีที่ถูกเรียกว่า หม่าม๊า
“เก็นบุ...เก็นบุๆๆๆ” ส่วนเด็กชายนั้น เหมือนเขาจะท่องแต่ชื่อของตัวเองด้วยอาการอึ้งๆ แต่ดูจากลักษณะเหมือนจะกำลังซึ้งอยู่มากกว่า ก็เพิ่งจะรู้ว่าโลกนี้มีพวกซึนเดเระอยู่เหมือนกันนะ
“เอาล่ะ ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องช่วยกันทำมาหากินใช่มั้ยล่ะ เราจะได้มีข้าวกินเยอะๆไง” เหม่ยเสี้ยวพูดปลุกใจเด็กๆ ทำให้ทั้งสองคนตาวาว ก่อนจะพึมพำออกมาเหมือนเคย
“ข้าว...กิน...ข้าว....กิน” พูดย้ำไปมา ด้วยท่าทางมีความสุขสุดๆ บ่งบอกว่าพวกเขาคงมีชีวิตอยู่เพื่อของกิน ถึงได้โดนทำร้ายร่างกาย คงเพราะหิวและไปขโมยของกินนั่นล่ะ
“นั่นล่ะ จะมีข้าวกินก็ต้องทำงาน ไม่ทำงาน ไม่มีข้าวกินนะ” เหม่ยเสี้ยวยังคงปลุกระดม จริงๆการใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า18ปีในโลกของเธอ ถือเป็นความผิด แต่ที่นี่ ไม่ได้มีอะไรอย่าง กฎหมายคุ้มครองเด็กนี่นา
ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง เด็กๆคงต้องโดนทำร้ายไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีความรู้หรือวิธีในการหากินในป่า หรือบางคนก็แค่ถูกพ่อแม่ทิ้งตอนเด็กเกินไปเลยยังไม่รู้อะไร
ชีวิตในโลกนี้ มันจะเรียลเกินไปแล้วนะคะพระเจ้า จะใจร้ายใจดำกับเด็กตาดำๆไปถึงไหนคะ
แต่ก็แค่นั้นล่ะ ถึงจะเวทนาแต่ก็คงช่วยไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นก็ต้องให้พวกเขาช่วยตัวเองด้วย ต่อไปนี้เธอจะสร้างโลกที่ไม่ต้องมีคนอดอยากให้ดู
“อื้มๆ ทำงานๆ ข้าว...กิน” เด็กๆมาเกาะแขนทำให้เหม่ยเสี้ยวรู้สึกตัวว่าคิดอะไรเพลิน เธอยิ้มให้เด็กๆก่อนจะพาเข้าป่า
และแน่นอนว่า มีหนึ่งคนที่ติดตามดูเธอตลอด และเขาก็ต้องรายงานเรื่องราวที่เธอทำกับเด็กๆให้เจ้านายฟังเสียด้วย ว่าแล้วหว้าอูก็อดยิ้มไม่ได้ รู้สึกถูกใจว่าที่นายหญิงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สกิลสเน่ห์ของเธอมันเหนือชั้นเกินกว่าใครจะต้านทาน
เหม่ยเสี้ยวพาเด็กๆออกมาจากป่า ก่อนจะพบว่าช่างมานั่งรอคุยงานกันเพื่อแจ้งปัญหาที่พบ แน่นอนว่าเพราะเธอบอกให้รอคุยปัญหางานกับเธอเอง ส่วนหานตงก็แค่เฝ้าดูพวกเขาเท่านั้นเอง
“งั้นเหรอ ห้องน้ำแบบนั้นทำยากสินะ” เหม่ยเสี้ยวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าห้องน้ำในโลกโบราณมันจะขึ้นไปอยู่ชั้นสูงๆไม่ได้ เธอเลยแก้ไขแบบแปลนให้จุดนั้นกลายเป็นห้องเก็บของลับแทน
และรวมถึงให้พวกเขาขุดส้วมหลุมใหม่โดยสร้างห้องน้ำตรงนั้น และใช้วิธีการแบบส้วมหลุมแทน และแน่นอนว่าในอนาคตเธอมีแผนใช้พลังปรานของตัวเองในการย้ายของเสียไปที่อื่นไกลๆ เช่นหลุมกลางป่า หรือทะเล ตอนนี้ก็ต้องทนใช้ไปก่อน
หลังจากจัดการกับปัญหาแบบแปลนแล้ว เหม่ยเสี้ยวก็ขอตัวไปโกดังด้านหลัง ซึ่งมีท่อนไม้หานซืออยู่ เธอคิดว่าคงจะคล้ายๆกับอ้อย เพียงแต่ต้องปอกเปลือกไม้ออกทั้งหมดเพื่อไม่ให้ติดความขม
เธอเลยลองคั้นน้ำจากแกนต้นไม้ดู และก็ได้น้ำหานซือมา ซึ่ง มีความหวานกว่าน้ำจินมาก แต่ยังไม่ใช่น้ำเชื่อม เลยคิดว่าน่าจะต้องเอาไปกวนและทำให้แห้งเป็นน้ำตาล
“หม่าม๊า กินๆ” โอริววิ่งเข้ามาที่โกดัง ก่อนจะพยายามดึงตัวเธอไป เหม่ยเสี้ยวเลยเดินตามเธอไปแต่โดยดี ก่อนจะพบว่ากลางบ้านมีโต๊ะไม้วางอยู่ และบนนั้นก็มีอาหารวางอยู่ในจานอย่างดี
“ขาย ....” เด็กชายชี้ไปที่ขวดน้ำหอมที่พร่องไปส่วนหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปหน้าร้าน บ่งบอกว่าตั้งแต่เธอออกไปเริ่มหาวิธีทำน้ำตาล ทั้งสามคนก็ช่วยกันขายน้ำมันหอมแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวมากินกัน
เหม่ยเสี้ยวมองพวกเขาผ่านม่านน้ำตา เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาหน้าตาตื่นก่อนที่โอริว และเก็นบุจะเข้ามากอดเธอไว้ ส่วนหานตงได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงมองมา
“อยากกินปลากับพวกเธอทุกคนตลอดไปเลย” เหม่ยเสี้ยวพูดออกมาอย่างมีความสุข ในชีวิตของดอกเหมย หญิงแก่ที่บ้าหนังสืออย่างเธอ ตลอดมามีเพียงแต่ความว่างเปล่า ไม่เคยมีคนอื่นในชีวิต แต่ตอนนี้ เธอกำลังมีความสุขกับโลกนี้ โลกที่เป็นเพียงหนังสือของเธอ
และมีความสุขไปกับตัวละครที่เธอสร้างมาเอง... รู้สึกเหมือนเป็นเพียงของปลอม แต่กลับรู้สึกจริงสุดๆจนเธอกลัวว่าจะเสียไป...