หลังจบงานแต่งสุทธิดาสาวชาวดอยจึงจำเป็นต้องเดินทางสู่เมืองหลวงตามสามีหมาด ๆ ของเธอไป แม้นใจจะอาลัยอาวรณ์กับไร่ชาที่เธอรักแต่หน้าที่ภรรยาก็สำคัญ หญิงสาวจึงได้ร่ำรี่ร่ำไรไม่ยอมขึ้นรถสักที
"ไม่ต้องห่วงหรอก..ธิดาไปอยู่ที่โน่นก็ดูแลตัวเองดี ๆ ทางนี้วินจัดการเอง วินจะดูตาให้ดี"
"งั้นพี่ไปก่อนนะ ตาจ๋า ธิดาไปก่อนนะจ๊ะ ฮื้อ ๆ "
"อืมไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วงตานะ ตากับนาวินเอาอยู่ มีสามีแล้วก็ดูแลเอาใจใส่สามีให้ดีนะลูก ตาวิช ตาฝากน้องด้วยนะลูก"
"ครับ ผมสัญญาผมจะดูแลธิดาให้ ไปอยู่กับพี่นะคนดี"
ศิรวิชประคองภรรยาสาวชาวดอยขึ้น Van House คันใหญ่ที่สะดวกสบายต่อการเดินทางยิ่งมีคนสูงอายุอย่างสรยุทธอยู่ด้วย ธนาวินและสมศักดิ์มองตามรถคันใหญ่ที่เลี้ยวออกพ้นจากไร่ชาก้องกิจวรากุล สมศักดิ์ปลื้มใจที่หลานสาวคนเดียวได้เป็นฝั่งเป็นฝา จะเหลือก็แต่ธนาวินเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะอายุ 18 ปี ธนาวินยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 ส่วนสุทธิดาหญิงสาวจบแค่ชั้นมัธยมปีที่ 6 ก็ไม่เรียนต่อเนื่องจากมหาลัยอยู่ในเมืองไปกลับไม่สะดวกธิดาจึงเลือกที่จะไม่เรียนตามปกติ แต่เธอลงเรียนทางไปรษณีย์ไว้จึงทำให้ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยทุกวัน
"ตาว่าธิดาจะมีความสุขจริง ๆ นะเหรอ"
ธนาวินเอ่ยขึ้นในขณะที่มองตามรถของสุทธิดาออกไป ธนาวินอายุน้อยกว่าสุทธิดาแค่สองปี เด็กหนุ่มจึงไม่ได้เรียกพี่สาวว่าพี่
"ทำไมล่ะวิน โรคหวงพี่สาวกำเริบหรืออย่างไรหึ ไอ้เด็กติดพี่"
สมศักดิ์เอ่ยอย่างเย้าแหย่หลานชายคนเล็กอีกคนของตนเอง
"ไม่ใช่สักหน่อย วินเห็นพี่วิชกับแม่ของเขาคุยอะไรกันไม่รู้ เหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี แล้วคืนเข้าหอธิดากับพี่วิชก็ไม่ได้อะไรกันด้วย คนรักกันทำไมถึงจะไม่อะไรกัน"
ในงานวันแต่งงานธนาวินเดินออกมาด้านนอก เด็กหนุ่มเห็นพรประภากับศิรวิชคุยอะไรกันไม่รู้หน้าเครียด พอตนเดินมาทั้งคู่จึงหยุดบทสนทนาเสียดื้อ ๆ ไปอย่างนั้นซึ่งธนาวินเห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไรนัก
"แล้วไอ้อะไรกันของวินเนี่ยมันคืออะไรหึ บอกตาสิ แล้วไปรู้ได้ยังไงว่าคนเข้าหอเข้าจะต้องทำอะไรกันอย่างนั้นหรือ"
สมศักดิ์เอ่ยเย้าแหย่พลางหรี่ตาใส่หลานชายธนาวินรู้ตัวว่าพลาดแล้วจึงรีบโวยวายกลบเกลื่อน
"โอ๊ย..ตา..วินไม่พูดแล้ว แล้วแต่ตาเลยละกัน ถ้าธิดาเสียใจกลับมาวินจะไม่ยกโทษให้ใครเลยสักคน รวมถึงตาด้วยคอยดู หึ"
สมศักดิ์หัวเราะพลางส่ายหน้าให้กับเด็กขี้หวงแถมยังติดพี่สาวอย่างไม่ยอมรับคนเป็นพี่เขย คิดมาได้ว่าพี่เขยจะไม่ดีกับพี่สาวตน นี่มันอาการคนขี้หวงชัด ๆ เลยนะ
"เราจะไม่นั่งรถคันเมื่อกี้ไปกันหรือจ๊ะพี่วิช" ธิดาถามขึ้นในตอนที่ทั้งหมดเดินเข้ามาในสนามบินเชียงรายเพื่อนั่งเครื่องมุ่งสู่กรุงเทพ
"ไม่ครับธิดา มาเถอะธิดาเคยขึ้นเครื่องบินไหมครับ"
"บ้านนอกคอกนาอย่างนั้นจะไปเคยขึ้นได้ยังไงล่ะ ตาวิชก็ถามแปลก ๆ " พรประภาอดที่หันไปเหน็บลูกสะใภ้ไร้เกียรติของเธอไม่ได้ เธอไม่ชอบและไม่อยากได้ เมื่อไรตาวิชจะแสดงให้เธอเห็นสักทีว่าไม่ชอบหญิงสาวแค่ไหน นี่อะไรพะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจไม่หยุด หมั่นไส้นัก
"แม่ประภา ถ้าปากพูดแต่สิ่งที่ดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดออกมาหรอกนะ หุ้น 5 % ที่ฉันเมตตาจะให้หล่อนนะ ฉันเปลี่ยนพินัยกรรมตอนไหนก็ได้นะเธออย่าลืมซะล่ะ"
สรยุทธพูดขึ้นจนทำให้ทุกคนได้แต่ยืนเงียบ พรประภาได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ เธอมองหน้าสุทธิดาอย่างอาฆาต สุทธิดาเองที่ไม่รู้เรื่องราวปูมหลังของคนในครอบครัวนี้มาก่อน แต่เธอก็ไม่ใช่จะไม่รู้เลยว่ามันเกิดความตึงเครียดขึ้นมา ณ ตอนนี้
"ธิดาไม่เคยขึ้นจริง ๆ จ๊ะ ธิดาอยู่แต่ในไร่ก็เลยไม่รู้จะขึ้นเครื่องบินไปไหน มันน่ากลัวไหมคุณตา"
"ไม่น่ากลัวหรอกลูก ถ้ากลัวก็กอดแขนพี่วิชไว้นะลูก ตาวิชดูน้องด้วยนะ" เมื่อพูดกับหลานสะใภ้เสร็จสรยุทธก็หันไปสั่งกับหลานชายตนอีกครั้ง
"ครับ"
ศิรวิชก็รับปากอย่างไม่เรื่องมาก ทั้งหมดก็พากันไปขึ้นเครื่องชั้นธุรกิจใช้เวลาอยู่บนเครื่องแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมายทำให้สุทธิดาไม่เกร็งมากเพราะนั่งแค่เป็นเวลาอันสั้น
"โอ้โห..เหมือนในวังเลยนะจ๊ะ"
สุทธิดาตาโตเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ในเมืองหลวงแต่เป็นบริเวณชานเมืองใกล้แม่น้ำแห่งหนึ่ง
"เคยเข้าวังหรืออย่างไร"
พรประภาเบ้ปากแล้วพูดพึมพำเบา ๆ แต่ก็ไม่รอดหูของสามีตน แต่ใครจะสนล่ะแค่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่ได้ยินก็เป็นอันพอแล้ว
"ธิดาเคยเห็นในหนังนะจ๊ะ สวยเหมือนบ้านคุณตาเลย"
สรยุทธยกมือขึ้นลูบหัวหญิงสาวด้วยความเอ็นดูในความซื่อของหญิงสาว
"เรียกปู่เหมือนพี่วิชเถอะลูก เดี๋ยวให้พี่วิชพาเดินดูรอบ ๆ บ้านนะหนูชอบไหม"
"ขอบคุณนะคะ"
สุทธิดาหันไปยกมือไว้คนเป็นปู่ก่อนจะเดินตามสามีขึ้นมาบนห้องนอน ศิรวิชเบื่อหน่ายกับความซื่อบื้อของหญิงสาวมาก อะไรมันจะโง่ขนาดนี้
"นี่ห้องนอนของเรานะ "
"โอ้โห..ใหญ่จังเลยจ๊ะพี่วิช ใหญ่กว่าห้องธิดากับนาวินรวมกันเสียอีก พี่วิชนอนยังไงจ๊ะกว้าง ๆ แบบนี้ไม่วังเวงหรือจ๊ะ"
"ก็ขึ้นเตียงแล้วก็นอนนั่นแหละ นอนเหมือนคนอื่น ๆ เขานอนไม่ได้ตีลังกานอนหรอกครับ"
"เอ่อ..จ๊ะ"
สุทธิดาหน้าเสียที่สามีของเธอพูดเสียงแข็งใส่เธอ ซึ่งตลอดเวลาเขาไม่เคยพูดเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง หญิงสาวก้มหน้าลงน้ำตาคลอ ศิรวิชถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย นอกจากโง่แล้วยังขี้แยอีกด้วย น่ารำคาญชะมัด ศิรวิชดึงภรรยาสาวที่เขาไม่ต้องการมากอดเอาไว้ สุทธิดาเอนตัวซบสามีด้วยความเต็มอกเต็มใจ เธออดจะตื่นเต้นไม่ได้กับการถูกเนื้อต้องตัวเช่นนี้ของสามีเธอ
( เอาวะไอวิช เพื่อลูก เพื่อมรดก ทน ๆ หลับหูหลับตากระแทก ๆ แล้วแตกในไปเถอะ ) ศิรวิชคิดในใจ
"พี่ขอโทษนะ พี่หยอกนะครับ คุณปู่บอกให้เราพักผ่อนบนห้อง ตอนเย็นค่อยลงไปทานข้าวกัน "
"จ๊ะ..ธิดาแล้วแต่พี่วิชจ๊ะ"
"ธิดาเราแต่งงานกันแล้ว ธิดารู้ใช่ไหม"
"ค่ะธิดารู้"
"คืนวันเข้าหอพี่ไม่ได้ทำอะไรธิดาแบบที่สามีภรรยาควรจะทำ ก็เพราะว่าพี่เห็นว่าธิดาเหนื่อยจากงานแต่ง แต่หลังจากนี้ ธิดารู้ใช่ไหมว่าเราสองคนจะต้องมีอะไรกัน เพื่อให้กำเนิดทายาทของ ศิริกิจวัชรโชติ ธิดาจะยินยอมไหม"
"เอ่อ...ธิดาแล้วแต่พี่วิชจ๊ะ"
สุทธิดาก้มหน้าลงซบที่หน้าอกของสามีหนุ่มอย่างเอียงอาย เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรักชายหนุ่มตั้งแต่แรกเจอ ศิรวิชทั้งรูปหล่อ พูดจาไพเราะ เอาอกเอาใจเธอสารพัด หญิงสาวที่ไม่เคยได้ใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน ไหนเลยจะอดหวั่นไหวไม่ได้ เธอรักคนที่ได้ชื่อว่าสามีด้วยความจริงใจ รักแรกและเดียวของเธอ