บทที่ ๔ ( ดอยแม่สลอง )

1451 คำ
"ไงไอเสือเฒ่า สบายดีนะ" สรยุทธตบบ่าเพื่อนรักอย่างสมศักดิ์เบา ๆ อย่างคิดถึง นานเท่าไรแล้วนะที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน ครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้รู้จักกันก็สมัยหนุ่ม ๆ ช่วงนั้นบ้านเมืองมีสงครามทางการก็เกณฑ์ชายวัยฉกรรจ์ไปร่วมรบปกป้องบ้านเมือง ทั้งคู่ได้อยู่หน่วยเดียวกันจึงได้รู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย และที่สนิทกันมาก ๆ ถึงขั้นสาบานเป็นเพื่อนตายกันก็คือเพราะสรยุทธที่พลาดเกือบจะถูกฝั่งตรงข้ามยิงตาย ถ้าไม่ได้สมศักดิ์เหนี่ยวไกปืนเจาะหัวศัตรูไปก่อน ป่านนี้เขาก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เรื่องวันนั้นทำให้สรยุทธถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะคนอื่น ๆ ต่างก็พากันหลบหนีศัตรูไปหมด คงมีแค่สมศักดิ์ที่ยอมออกมาช่วยตนทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สนิทกันเลย ณ ตอนนั้น สรยุทธสาบานกับตนเองในใจไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะเดือดร้อนเรื่องอะไรเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน "สบายดี นายล่ะไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์สบายดีนะ" "ฮ่าฮ่าฮ่า นอกจากนายก็ไม่มีใครเรียกกันแบบนี้เลยนะ พูดแล้วคิดถึงสมัยก่อนที่เราร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันนะ" "ก่อนจะระลึกความหลัง พาลูกพาหลานเข้าบ้านมาดื่มน้ำ ดื่มท่าเย็นๆเสียก่อนเถอะข้างนอกอากาศมันร้อน" สมศักดิ์ตัดบทเพื่อนรักซะก่อนที่จะได้โม้กันยืดยาวอย่างคิดถึงความหลัง เจ้าของไร่ชา พาเพื่อนรักและครอบครัวเข้ามาที่เรือนรับรองที่หลานสาวเตรียมไว้ให้ "ดื่มน้ำกันก่อนนะจ๊ะ" "อ้อ..นี่คุณตาสรยุทธ นี่คุณ คุณลุงสราวุธ คุณป้าพรประภา แล้วนี่ก็คงจะเป็นตาวิชใช่ไหมลูก ส่วนนี้ นาวิน ธิดาหลานกันเอง จำได้ไหมสรยุทธ" "สวัสดีค่ะ" สุทธิดายกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ คุณตากับคุณลุงเธอพอจะจำได้บ้าง แต่คุณป้ากับคุณวิชเธอก็เพิ่งจะเคยเจอนี่แหละ "โตเป็นสาวแล้วสวยเหมือนหนูที่รักเลยนะลูก ตาล่ะคิดถึงหนูที่รักจริง ๆ " "ขอบคุณแทนแม่ด้วยนะจ๊ะ ถ้าแม่รู้ต้องดีใจแน่ ๆ ที่คุณตายังคิดถึงแม่อยู่น่ะจ้ะ" "ตาวิช เป็นยังไงหนูธิดา สวยถูกใจแกไหม" "น้องธิดาน่ารักมากเลยครับคุณปู่ ถ้ารู้ว่าสาวชาวดอยจะน่ารักขนาดนี้ วิชจะไม่ดื้อกับคุณปู่เลย เนี่ยวิชอยากจะแต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ" ศิรวิชหันไปมองหน้าหญิงสาวแล้วเอ่ยคำหวาน ธิดาสาวชาวดอยที่ไม่เคยเจอคำหวานจากหนุ่มเมืองกรุงหญิงสาวก้มหน้าเขินอายอย่างทำอะไรไม่ถูก ทุกการกระทำไม่ได้หลุดรอดสายตาผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ต่างคนก็ต่างคิดกันไปคนละอย่าง สมศักดิ์กับสรยุทธพอใจมากที่เห็นหลาน ๆ ออกอาการเขินอายกันเช่นนี้ สราวุธเองก็เคลือบแคลงด้วยไม่มั่นใจในลูกชายตนเอง สุทธิดาไม่ใช่สเปคลูกชายเขาแน่ ๆ ที่จะบอกว่ารักแรกพบยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด ส่วนพรประภาเธอไม่พอใจ แล้วชิงชังเด็กสาวเป็นอย่างมาก เหตุเพราะคุณปู่บอกว่าเด็กสาวหน้าตาเหมือนมารดา คนเก่ารักสามีของเธอ "พี่อยากเห็นไร่ชาของธิดาจังเลยครับ พาพี่ไปดูได้หรือเปล่า คุณปู่ศักดิ์วิชขอให้น้องพาเดินดูไร่ได้ไหมครับ แค่เข้ามาเมื่อกี้ก็สัมผัสได้ถึงธรรมชาติ อิจฉาคุณปู่จังเลยนะครับที่ได้อยู่ที่นี่เลยนะครับ สบายตาสบายใจดีจังเลย" ศิรวิชไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่หญิงสาวชาวดอยอีกครั้ง ส่งผลให้คนที่นั่งก้มหน้าเขินอายอยู่แล้วยิ่งเขินอายเข้าไปอีก หญิงสาวก้มหน้าจนคางจะติดที่หน้าอกอยู่แล้ว "ฮ่าฮ่าฮ่า..ตาวิชนี้เข้าใจเอาใจคนแก่ ถ้าชอบก็มาบ่อย ๆ สิลูกปู่ยินดีต้อนรับ เอ้า ๆ ธิดาหนูพาพี่เขาไปเที่ยวในไร่ดีกว่านะลูกนั่งฟังคนแก่คุยกันเดี๋ยวจะเบื่อเอาเปล่า ๆ " "เชิญค่ะคุณวิช" "คุณอะไรล่ะธิดา เรียกพี่วิชสิครับมาคงมาคุณมันห่างเหินกันจะตายอีกหน่อยเราก็เป็นคนคนเดียวกันแล้ว ไม่เอานะครับไม่คุณนะ" "เอ่อ...ค่ะ" "ฮ่าฮ่าฮ่า..ตาวิชนี่มันใจร้อน ได้ใจปู่จริง ๆ ปู่บอกแล้วว่าจะต้องรักหนูธิดาได้ไม่ยาก หน้าตาก็งามมารยาทก็ดี หาไม่ได้แล้วนะลูก" เป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาคุณปู่เมื่อเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จ เขากับเพื่อนรักก็จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ต่อไปนี้เขาก็จะนอนตายตาหลับแล้ว "ที่นี่เก็บชาตอนไหนหรือครับธิดา" ศิรวิชเอ่ยถามขึ้นในตอนที่หญิงสาวพาเดินมายังด้านนอก "ปกติที่ไร่จะเก็บเวลาตี 5 ถึง บ่าย 2 โมงจ๊ะ" ธิดาตอบเสร็จก็รีบหันหน้าไปมองนกมองไม้อย่างเอียงอายกับสายตาแพรวพราวของหนุ่มเมืองกรุง "ธิดาจะพาพี่ไปดูตรงไหนของไร่ครับ" "ตอนนี้แดดมันร้อนพี่วิชน่าจะไม่ชินกับอากาศที่นี่ ธิดาจะพาพี่ไปดูวิธีการบำรุงรักษาใบชาดีกว่าจ๊ะ" "ไปสิครับ" สุทธิดาพาศิรวิชหนุ่มเมืองหลวงเดินดูบรรยากาศรอบ ๆ ไร่ของเธอ ศิรวิชแสดงอาการสนอกสนใจตลอดเวลา ทั้งยังหยอดคำหวานให้หญิงสาวได้เขินอายไม่หยุด สุทธิดาจะเป็นลมตายทุก ๆ นาทีเสียให้ได้ไหนจะบรรดาคนงานที่พากันถามตลอดทางว่าใครกันที่มาเดินกับเธอ "ป้อชายตี๊ใดกันเจ้าแม่หญิง บ่เคยหันหน้ามาก่อน" "พี่วิชเป็นหลานของเพื่อนตาน่ะจ้ะ " "เปิ้ลงามขนาดเน้อ เหมาะสมกับแม่หญิงขนาดเจ้า" "ไม่หรอกจ้ะ ป้าอู้อะหยังกะบ่ฮู้ ธิดาบ่อู้นำโต๊ยแล้วก๊า" ธิดาเดินหลบออกมาจากคนงานหญิงที่เอ่ยแซวเธอ จะไม่ให้แซวได้อย่างไรร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหญิงสาวพาใครมาเดินดูไร่ชาแบบนี้ หนุ่มหน้าตี๋นี่คือคนแรก สงสัยจะได้ฟังข่าวดีก็คราวนี้แหละ "เขาพูดอะไรกันหรือครับ ธิดาถึงได้หน้าแดงขนาดนี้" "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แดดมันร้อนธิดาเลยหน้าแดง พี่วิชก็เริ่มจะแดงแล้วนะจ๊ะ เรากับเข้าในบ้านกันดีไหมพรุ่งนี้เช้าธิดาจะพามาเก็บใบชา พี่วิชสนใจไหมจ๊ะ" "สนใจสิครับ ธิดาจะพาพี่ไปไหนพี่ก็ไปทั้งนั้นแหละครับ " และก็ไม่ผิดในสิ่งที่คนงานคิด ไม่กี่วันต่อมาไร่ชาก้องกิจวรากุล ก็จัดงานแต่งงานของสองหนุ่มสาวกันอย่างเรียบง่ายตามประเพณีของคนเหนือ ในตอนแรกพรประภาไม่เห็นด้วยแต่ขัดสรยุทธไม่ได้ ในเมื่อสองเฒ่าเห็นดีเห็นงามตรงกัน งานแต่งงานจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว "คุณแม่ครับ ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะครับ" "ตาวิช คุณแม่ไม่เห็นด้วยนะคะ ที่ตาวิชตกลงแต่งงานกับยัยเด็กนั่น ตาวิชไม่ได้ยินหรือที่คุณปู่บอกว่ายัยเด็กนั่นหน้าตาเหมือนนัง เอ๊ย เหมือนยายที่รัก คนรักเก่าคุณพ่อ " "แล้วคุณแม่ว่าเหมือนไหมล่ะครับ" "คุณแม่ไม่เคยเห็นตัวจริงหรอกนะคะ แต่คุณพ่อเก็บรูปเธอไว้อย่างดีในเซฟ คุณแม่ก็ว่าเหมือนอยู่นะ แล้วอย่างนี้ตาวิชจะหักหาญน้ำใจคุณแม่เอายัยเด็กนี่ไปอยู่บ้านด้วยอย่างนั้นหรือคะ" พรประภาพูดอย่างไม่พอใจ เธอไม่พอใจมากไหนลูกชายเธอบอกว่าจะไม่ยินยอมแต่งงานเด็ดขาดไง แล้วตอนนี้ทำไมถึงได้กลับคำแบบนี้กันเล่า "คุณแม่ไม่ต้องกลัวหรอกนะครับ วิชทำทุกอย่างก็เพื่อเรา วิชไม่ยอมให้ธุรกิจของตระกูลเราตกมาอยู่ในมือเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างนี้หรอกครับ หลังจากนี้ต่างหากที่ของจริง" "ตาวิช นี้หมายความว่า...." พรประภาหันมายิ้มกว้างอย่างดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน นี่ลูกชายไม่ได้หักหลังเธอจริง ๆ ใช่ไหม ศิรวิชเองก็ยิ้มเหยียดแผนการที่วางไว้ช่างง่ายดายเสียนี่กระไร สาวชาวดอยจะมาต้านทานอะไรกับเสน่ห์คนกรุงเช่นเขา ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยลองโดนศิรวิชหว่านเสน่ห์ใส่ขี้คร้านจะติดชายหนุ่มเหมือนตังเม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม