ทางด้านของเนี่ยเฟย ที่ตอนนี้นางมีอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด เหตุใดนางจะต้องมาเป็นเอาวันนี้กันด้วยล่ะเนี่ย!
ปัง ปัง ปัง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาภายในห้อง เนี่ยเฟยนางรู้สึกตัวแต่ไม่มีแรงที่จะเดินไปเปิดให้ แค่ลุกขึ้นยืนยังจะไม่ไหว เดี๋ยวก็คงไปเองแหละนางพลางคิดในใจแล้วก็ค่อยๆ หลับตาลงไปอีกครั้ง
อีกด้านของไป๋อิงเขามายืนที่หน้าประตูของนางกว่าหนึ่งก้านธูปได้แล้วเหตุใดนางจึงไม่ออกมาเปิดประตูให้เขากันล่ะหรือว่านางจะไม่อยู่ด้านใน
''ปัง ปัง ปัง! แม่นางเนี่ยเฟยเจ้าอยู่ข้างในนั้นหรือไม่'' ไป๋อิงเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมกับเคาะประตูไปด้วยแต่ก็ไม่มีวี่แววที่นางจะเดินมาเปิดประตูให้เขาเลย
เขาเริ่มที่จะใจไม่ดีแล้ว นี่ก็เวลาผ่านมานานแล้ว หรือว่านางเกิดเหตุอันใดขึ้น
ไป๋อิงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปข้างในก็ได้เห็นเนี่ยเฟยนางนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
ร่างบางเริ่มจะไม่ได้สตินางแทบไม่มีแรงที่จะขยับกายแม้แต่น้อย ลมหนาวที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายของนางรู้สึกร้อนรู้สึกหนาว
สงสัยว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่าที่นางได้ยินใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อของนางจากที่ไกลๆ คนผู้นั้นตะโกนเรียกชื่อของนางอย่างสิ้นหวัง
''เนี่ยเฟย!!''
''!!!''
''เนี่ยเฟยเจ้าได้ยินข้าหรือไม่!''
ขณะที่เนี่ยเฟยนางกำลังงุนงง มีคนเรียกชื่อของนางจริงๆ ไป๋อิงเขาเรียกชื่อนางหลายครั้งและถามว่านางเป็นอย่างไรบ้างเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่
''ปัง ปัง ปัง! แม่นางเนี่ยเฟยเจ้าอยู่ข้างในนั้นหรือไม่'' ไป๋อิงเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมกับเคาะประตูไปด้วยแต่ก็ไม่มีวี่แววที่นางจะเดินมาเปิดประตูให้เขาเลย
เขาเริ่มที่จะใจไม่ดีแล้ว นี่ก็เวลาผ่านมานานแล้ว หรือว่านางเกิดเหตุอันใดขึ้น
ไป๋อิงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปข้างในก็ได้เห็นเนี่ยเฟยนางนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
ร่างบางเริ่มจะไม่ได้สตินางแทบไม่มีแรงที่จะขยับกายแม้แต่น้อย ลมหนาวที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายของนางรู้สึกร้อนรู้สึกหนาว
สงสัยว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่าที่นางได้ยินใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อของนางจากที่ไกลๆ คนผู้นั้นตะโกนเรียกชื่อของนางอย่างสิ้นหวัง
''เนี่ยเฟย!!''
''!!!''
''เนี่ยเฟยเจ้าได้ยินข้าหรือไม่!''
ขณะที่เนี่ยเฟยนางกำลังงุนงง มีคนเรียกชื่อของนางจริงๆ ไป๋อิงเขาเรียกชื่อนางหลายครั้งและถามว่านางเป็นอย่างไรบ้างเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่
''ไป๋อิง เป็นท่านเช่นนั้นหรือ...'' สายตาของนางเริ่มพร่ามัวนางพยามมองให้ชัดว่าใช่เขาหรือไม่
''ใช่ข้าเองเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!'' ไป๋อิงสวมกอดร่างบางและตระหนักได้ว่าร่างกายของนางรู้สึกร้อนราวกับไฟและได้รีบวิ่งหาผ้ามาเช็ดตัวให้นางอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กล้าแม้แต่จะถอดเสื้อผ้าของนางออกแต่ถ้าหากเขาไม่ทำเช่นนี้แล้วนางก็คงจะป่วยหนักกว่าเดิมได้
''ข้าล่วงเกินเจ้าแล้ว'' ไป๋อิงเอ่ยออกมาอย่างเบาๆ ใบหน้าของเขาในยามนี้แดงเป็นลูกมะเขือเทศไปแล้ว
มือหนาค่อยๆ ถอดเชือกที่ผูกไว้บนเสื้อของนางออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะนำผ้าสีขาวชุบน้ำออกมาบิดให้หมาดๆ แล้วค่อยๆ บรรจงเช็ดร่างกายนางในตอนนี้เขาเลี่ยงที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง
พอเช็ดร่างกายของนางเสร็จแล้วก็ได้ลุกออกไปหาชุดมาให้นางเปลี่ยน แต่ทันทีที่เขากำลังหาชุดก็เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าของนางเหตุใดจึงมีคราบเลือดกันล่ะ
''นี่นางคงไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม'' ไป๋อิงเริ่มกังวลใจเขารีบทำการเปลี่ยนชุด แล้วก็รีบวิ่งออกไปตามหมอในหมู่บ้านมาตรวจร่างกายของนางทันที
เวลาผ่านไปไม่นานหมอที่ไป๋อิงวิ่งไปตามก็ได้มาถึงห้องที่มีสตรีใบหน้าซีดกำลังนอนหลับอยู่
......
''นางเป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับท่านหมอ'' ไป๋อิงเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นกังวล
''ตอนนี้นางแค่เป็นไข้เพราะโรคประจำตัวน่ะเดี๋ยวสองสามวันก็ดีขึ้นข้าจัดยาเตรียมไว้ให้แล้ว'' ท่านหมอเอ่ยออกมาอย่างเรียบนิ่งเขาคิดว่าจะบอกพ่อหนุ่มผู้นี้ดีหรือไม่ว่าแม่หนูคนนี้นางป่วยเป็นอะไร
''โรคประจำตัวเช่นนั้นหรือ ข้าไม่เห็นรู้เลยว่านางมีโรคประจำตัว''
ไป๋อิงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้างุนงง นางมีโรคประจำตัวด้วยเช่นนั้นหรือ เขาไม่เคยเห็นว่านางจะแสดงอาการอะไรกับออกมาเลย ไป๋อิงพลางคิดอยู่ในใจก็ได้มองไปที่ท่านหมอตอนนี้หน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
''ท่านหมอบอกข้ามาเถิดว่านางเป็นโรคอะไรอยู่ข้าจะได้หาทางช่วยรักษา...'' แต่ทันทีที่หมอกำลังจะเอ่ยปากพูดออกมาก็ได้ยินเสียงสตรีที่นอนอยู่บนเตียงเสียก่อน
''.....''
''อื้ออ'' ร่างบางกระพริบตาอย่างช้าๆ พยามลืมตาขึ้นมา
''เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง'' ไป๋อิงแสดงสีหน้าด้วยความกระวนกระวายใจ
''พ่อหนุ่มออกไปก่อนเถิดประเดี๋ยวข้าจะตรวจอาการแม้นางผู้นี้เสียหน่อย'' คนตัวสูงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าแล้วเดินออกมารอด้านนอก
''.....''
''ดูท่าแล้วไอเด็กหนุ่มผู้นั้นยังคงไม่รู้ว่าแม่นางหนูป่วยเป็นโรคอะไรซินะ'' ท่านหมอได้เอ่ยออกมาพลางตรวจซ้ายขวา
''ทะ..ท่านทราบแล้วหรือเจ้าคะ!'' เนี่ยเฟยหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักนางยังไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร แค่อยากตายไปเงียบๆ เท่านั้นไม่อยากให้คนอื่นมาสงสารคนป่วยเช่นนาง
''ข้าเป็นหมอจะไม่รู้ได้เช่นไร''
''มีแต่ดอกไม้ในตำนานซินะที่รักษาโรคของเจ้าได้'' เนี่ยเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ได้พนักหน้าตอบ
''เฮ้อ! ข้าล่ะสงสารแม่หนูจริงๆ เอาล่ะ ข้าก็จะไม่ปริปากบอกก็แล้วกัน ข้าเตรียมจัดยาไว้ให้แล้วอีกสองสามวันก็คงหายดี ทีหลังหากรู้ว่าร่างกายตนเองเป็นเช่นนี้ก็อย่าได้พยามฝืนร่างกายให้มากนักเข้าใจหรือไม่'' ท่านหมอเอ่ยออกมายาวเช่นนี้จะไม่ให้นางเข้าใจได้อย่างไร
ทันทีที่ท่านหมอออกไปไป๋อิงก็ได้รีบเดินเข้ามาหายนางด้วยความร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
''เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง...''
ร่างบางนางตกใจกับการกระทำของเขายิ่งนัก ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขากำลังไปดูเทศกาลโคมไฟกับแม่นางเจียวจูอยู่หรือ
''ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอบคุณท่านมากๆ ที่ตามหมอมาให้...''
หลักจากที่นางได้เอ่ยจบก็ไม่มีใครพูดขึ้นมาอีกเลยทำให้บรรยากาศในห้องตอนนี้รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
''.....''
ร่างบางนางทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดเช่นนี้เลยเลือกที่จะถามคนตัวสูงออกไป
''ไม่ใช่ว่าท่านไปดูเทศกาลโคมไฟแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ''
''ใช่ข้าไปดูมาแล้ว แต่เห็นว่าเหตุใดเจ้าจึงยังไม่มาก็ได้มาตามแต่ก็ได้เห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้''
เนี่ยเฟยนางคิดว่านางเองเป็นตัวการที่ทำให้เขาไปดูเทศกาลโคมไฟไม่ทันหรือเปล่าเพราะตอนนี้เทศกาลโคมไฟก็จบลงแล้ว
''ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ทำให้ท่านพลอยเดือดร้อนไปด้วย'' ร่างบางเอ่ยออกมาอย่างสำนักผิด
เหตุใดนางจึงเอ่ยขอโทษเขากันล่ะเป็นเขาเองที่เลือกจะทำเช่นนี้
''ช่างเถอะ'' แต่ปากนั้นดันตอบเช่นนี้ไปได้บ้าเอ้ย!เขาอยากจะไปตีปากตัวเองนัก
''ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนได้แล้ว''
เนี่ยเฟยพยักหน้าเข้าใจนางค่อยๆ ดันหลังของตัวเองให้นอนลงแล้วก็หลับตาอย่างช้าๆ หรือว่าที่นางเห็นใบหน้าของเขาในยามนั้นนางคงจะคิดไปเองซินะ ใบหน้าของคนที่สิ้นหวัง....
คนตัวสูงที่ยืนมองนางหลับไปแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ พยามดันผ้าขึ้นมาห่มให้นางอย่าแผ่วเบาก่อนที่จะมองไปที่ริมฝีปากบาง
ปากของนางนั้นช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน...ข้ากำลังคิดล่วงเกินนางเช่นนั้นหรือ ไป๋อิงพยามตบหน้าตัวเองหลายทีเพื่อเรียกสติก่อนจะเดินออกจากห้องไป
.
.
.
แอ๊ดดด ปังเสียงประตูค่อยๆ ปิดลง
''สงสัยว่าข้าคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ''
ร่างสูงได้บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเดินออกไป แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีคนแอบมองเขาก่อนอยู่แล้ว