อารามภบท
เคยมีคนพูดไว้ว่าพระรองนั้นดีกว่าใคร…
เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง แสนดีกว่าผัวเขาเป็นร้อยเป็นพันเท่าแต่นางเอกก็ยังไปเลือกพระเอก สุดท้ายรางวัลของคนปลอบเก่งก็คือการต้องไปยินดีให้กับความรักที่สดใสในงานแต่งงานของผู้หญิงที่รักกับไอ้เวรนั่น
หรือไม่ก็ต้องหนีไปนั่งทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวี ซดเหล้าเคล้าน้ำตา หรือบวชละทิ้งทางโลกอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แมทธิว เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
คนที่มีพร้อมทั้งฐานะทางสังคมและทางการเงิน หน้าตา และความรักความเอาใจใส่ แต่หนึ่งสิ่งที่พระรองอย่างเขาไม่เคยได้จากความรักครั้งนี้เลยแม้ว่าที่ผ่านมาจะแสนดีหรือพยายามขนาดไหนก็คือ การรักตอบ
‘แคลร์เลือกแมทค่ะ’
‘เลือกเราต้องรักเรานะแคลร์’
‘...’
มันน่าเจ็บใจที่เธอเลือกที่จะเงียบ มากกว่าจะยืนยันแข็งขันว่าเลือกเขาหรือกระทั่งพูดว่ารักเขาจริงๆ หากแคลร์พูดสักคำว่าอย่าไปคนใจอ่อนอย่างแมทธิวที่รักเธอเหมือนหมาตัวหนึ่งน่ะเหรอจะมีแรงปฏิเสธ
แต่ในการเคลียร์กันครั้งสุดท้าย แคลร์ไม่สบตาเขาด้วยซ้ำ และนั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวได้ทันทีว่าคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกตั้งแต่แรกแล้ว ฝืนต่อไปก็เท่านั้น กระทั่งจะโกหกเพื่อรั้งเธอยังไม่ทำเลย
เรื่องมันก็แค่...แคลร์เป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอสวยและมีสมองมากพอที่จะรู้ว่าถ้าเลือกผู้ชายอย่างแมทธิว เธอจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่มีความจำเป็นต้องห่วงอะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมือที่สาม หรือกระทั่งนิสัยธงแดง (Red Flag) อย่างอื่น ไม่ว่าอยากได้อะไรแมทธิวก็จะไปหามาประเคนให้ทุกอย่าง ไม่ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสามคนที่เวลารักใครก็ทุ่มสุดตัว
ที่สำคัญ แมทธิวกล้าพูดตรงนี้เลยว่าตัวเองมีสิ่งที่ดีนไม่มี เกือบทุกอย่าง เขาเหนือกว่ามันแทบทุกเรื่องและรักแคลร์มากกว่าแน่ๆ แต่สิ่งเดียวที่ดีนเหนือกว่าเขาดันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือแคลร์รักมัน
ต้องขอบคุณที่เธอเลือกจะเงียบเหมือนกัน เพราะมันทำให้ตัดใจง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงใจอ่อนกลับไปเป็นไอ้โง่ที่ยอมนอนทนฟังแคลร์ละเมอถึงแฟนเก่าทุกคืน
มีปัญญาทำได้มากที่สุดแค่ดึงตัวเธอเข้ามากอดให้หยุดร้องเท่านั้น
ป้าบ!
"หงอยเหมือนหมาเลยเพื่อนกู"
แรงตบไม่เบานักบนไหล่ดึงให้ชายหนุ่มหน้าตี๋กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขาหันไปมองตัวต้นเหตุอย่างเนือยๆ ไม่ต้องเดาก็พอจะนึกออกว่าเป็นใคร
มิณทร์ เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับเขาและเป็นคนที่กวนตีนที่สุด ซึ่งกำลังยืนสะพายกระเป๋ายิ้มแฉ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว
"หมาพ่อมึงสิ" แน่นอนว่าแม้แมทธิวจะไม่ได้พูดภาษาไทยชัดนักแต่เขาด่าเก่งไม่เป็นสองรองใคร ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เพื่อนรักทำหน้าระรื่นได้นานนัก ทว่าคำด่านั้นเหมือนจะไม่ได้ไม่ระคายผิวหนังของมิณทร์เลยสักนิด
"ดุจังเลยเว้ยเดี๋ยวนี้" ชายหนุ่มผิวแทนหน้าคมเพราะเป็นลูกครึ่งแขกพูดด้วยสีหน้าที่ระรื่นยิ่งกว่าเดิม
คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นอย่างกวนประสาทก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม แล้วยกแขนขึ้นมาเท้าคางมองหน้าเขาด้วยสายตาสงสารปนเวทนาเล็กๆ
"มึงอย่ามาเพิ่งกวนกูได้ไหม" แมทธิวตัดบทเพราะตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะมาต่อกรกับมันจริงๆ ด้านมิณทร์เองที่พอเห็นว่าเพื่อนไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยเจ้าตัวจึงจัดการทำท่ารูดซิปปากก่อนจะหันไปรื้อค้นในกระเป๋าเป้ของตัวเอง
มือใหญ่หยิบเอาสมุดสเกตที่วาดภาพร่างสตอรี่บอร์ดค้างไว้มาวาดต่อ
"ไอ้เดคกับไอ้เหรินจะคุยกับอาจารย์นานไหมวะ ไม่งั้นกูจะได้ไปสั่งกาแฟ" มิณทร์พูดงึมงำขณะที่มือยังคงลงมือวาดเป็นระวิง พาให้แมทธิวที่ได้ยินหันมองไปที่ตึกซึ่งชั้นบนเป็นห้องพักของอาจารย์
สองคนที่มิณทร์พูดถึงคือเดโคและเจนทัต เพื่อนสนิทอีกสองคนที่เหลือในกลุ่มซึ่งตอนนี้กำลังคุยกับอาจารย์ยศวินเรื่องโปรเจคภาพยนตร์สั้นที่กำลังจะส่งลงแข่งขันในเทศกาลหนังเมืองคานส์
"คงนานเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ" หากประเมินจากทุกครั้งที่เคยเข้าไปคุย ครั้งนี้ดูจากความสนใจของอาจารย์ที่มีต่อโปรเจคของพวกเขา เดาว่าคงใช้เวลาค่อนข้างนานแบบหลักชั่วโมงขึ้นไป
มิณทร์ได้ยินคำตอบก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ แมทธิวจึงได้ใช้เวลาอยู่ในความเงียบตามอำเภอใจ เขาเปิดโทรศัพท์ไถดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพราะยังหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความต้องการหรือแรงบันดาลใจในการทำอะไรทั้งนั้น
กระทั่งมือเผลอจิ้มไปโดนไอคอนของแอปพลิเคชันอินสตาแกรม ยังไม่ทันได้กดออกสายตาของเขาก็พลันไปปะทะกับรูปโปรไฟล์ของใครบางคนเข้า
ต่อให้เป็นภาพถ่ายจากข้างหลังทว่าชายหนุ่มก็จำได้ดีเพราะเธอใช้รูปนี้มานาน
ไอจีของแคลร์
ใบหน้าหล่อชะงักค้างกลางอากาศอยู่เพียงชั่วครู่ เพียงแค่เห็นรูปโปรไฟล์ของเธอหัวใจเขาก็เริ่มทำงานหนักขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
สมองคิดเตือนตัวเองซ้ำๆว่าที่ผ่านมาหลายต่อหลายเดือนนั้นเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง ทว่าหัวใจกลับร่ำร้องให้กดคลิกเข้าไปดูสตอรี่ของเธอ
แน่นอนว่าครั้งนี้หัวใจของเขาชนะ ทันทีที่แตะไอคอนกลมด้านบนสุดก็ปรากฏภาพท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเพียงอีโมจิฝนตกทว่าสัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มพยายามคิดว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อเข้าข้างตัวเอง เธอจะเศร้าเรื่องอะไรในเมื่อหลังจากที่เคลียร์กันจบเรื่องเขา ดีนก็กลับมาง้อแล้วทั้งสองคนก็กลับไปคบกันอีกรอบ
หรือที่จริงมันอาจจะทิ้งเธอไปอีกแล้ว เพราะเดิมทีทุกครั้งที่กลับมาหาแคลร์ก็เพราะหวงก้างทั้งนั้น พอไม่มีเขาเป็นคู่แข่งตอนนี้ดีนเลยหมดความสนใจแล้วก็ทำอะไรแบบเดิม
เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
มันโคตรแย่แบบแย่ฉิบหายก็ตรงที่แค่เพราะรู้ว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ได้อยู่ใกล้ๆเธออีกครั้ง แค่คิดว่าหากเขากลับไปแคลร์จะต้องอ้าแขนรับแน่นอน หัวใจของแมทธิวก็เต้นสั่นอย่างน่าโมโห
"ยังดูส่องไอจีเขาตาละห้อยแบบนี้ แล้วทำไมตอนเขาเลือกมึงถึงไม่เอาล่ะวะแมท" แรงหนักๆกดลงบนไหล่หนาอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามิณทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกลับย้ายมานั่งข้างๆ
แขนแกร่งสีแทนกอดคอของแมทธิวแนบแน่น ก่อนจะแนบใบหน้าของตนไปกับศีรษะของเขาอย่างถือวิสาสะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีแก่ใจจะด่าเพื่อนหรอกเพราะคำพูดของมันแทงใจดำเข้าอย่างจัง
แค่จะควบคุมตัวเองไม่ให้พิมพ์ไปหาเธอก็ยากเกินทนแล้ว
"มึงว่าเราจะรักคนที่ไม่ได้รักเราได้นานแค่ไหนวะ" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ ดวงตาเรียวยังคงมองรูปของหญิงสาวบนหน้าจออยู่อย่างนั้น โดยเมินคำถามของเพื่อนตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
มิณทร์โคลงศีรษะกลอกตามองไปรอบๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตบไหล่หนาหนักๆอีกสองที
"จนกว่าจะหลอกตัวเองไม่ไหวมั้ง"
นั่นสินะ จนกว่าจะหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหว จนกว่าจะยอมรับความจริงว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
จนกว่าจะรักตัวเองและกล้าเดินออกมา
"มึงทำดีแล้วเพื่อน เก่งแล้วที่เลือกแบบนี้"
มิณทร์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงหนักแน่นอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะบังคับกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ของแมทธิวเสีย ซึ่งตัวเขาเองก็เลือกจะปล่อยให้เพื่อนทำตามใจ รวมถึงยอมวางโทรศัพท์ลงอย่างไม่อิดออดเพราะรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเอง
การยังส่องโซเชียลมีเดียของแคลร์อยู่อย่างนั้นมีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง เขาจะไม่มีวันตัดใจได้และจะเวียนว่ายอยู่ในวังวนเดิมอยู่แบบนั้นไปตลอด
"ความรักนี่เล่นตลกฉิบหายมึงว่าไหม รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ็บแต่ก็ยังเลิกรักไม่ได้ "
แมทธิวได้ยินคำถามที่เหมือนจะเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าก็เงียบไป ผลึกเล็กๆค่อยๆตกตะกอนอยู่ในหัวของเขาอย่างเงียบเชียบ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาก็เห็นเคโคและเจนทัตที่เพิ่งเดินออกจากตึกห้องพักอาจารย์มาแต่ไกล
สองคนนั้นใช้เวลาไม่นานก็เดินถึงโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ ก่อนที่ เดโค เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนไฮสคูลที่ชิคาโก้ ก่อนจะย้ายตามกันมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ
ดวงตาคมคู่นั้นมองเขาอย่างเป็นห่วง เช่นเดียวกับเจนทัตที่หย่อนตัวนั่งข้างกันกับมิณทร์ซึ่งเพิ่งจะย้ายกลับไปนั่งที่เดิม แขนข้างหนึ่งของเดโคกอดหมับเอาที่ลำคอแกร่ง
สายตามองไปทางที่มิณทร์ที่นั่งอยู่ก่อนอย่างตั้งคำถาม ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ต้องพูดอะไรเลย ทุกคนก็เหมือนจะได้คำตอบจากท่าทีซึมเซาของเขา
อ่า...
แม่งคงชัดมากเลยสินะ เขาโคตรขี้แพ้เลยตอนนี้
แมทธิวก้มหน้าลงมองเท้าของตัวเอง เพราะสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อนทั้งสามคนดันทำให้ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น และนั่นทำให้เดคถึงกับบีบไหล่ของเขาเบาๆ
"กูขอเบ๊บแล้ว คืนนี้ไปร้านเดิมกัน ไปกันให้หมดนี่แหละ"
"..."
"ไม่ต้องมามองอย่างนั้น ตอนคราวกูมึงยังไม่เห็นทิ้งกูเลย คราวมึงกูจะทิ้งได้ไง" เดโคว่าพลางกระชับมือที่บีบไหล่ของเขาอยู่ให้แน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจ
คำพูดนั้นพาแมทธิวคิดย้อนกลับไปถึงตอนมัธยมปลายที่เดโคอกหักจากสาวญี่ปุ่นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงกับเรียนไม่รู้เรื่องไปหลายสัปดาห์ พอมาเรียนที่ไทยก็โดนสาวญี่ปุ่นที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหักอกอีกรอบ
ตอนนั้นเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคอยอยู่ข้างๆตลอดจนอีกฝ่ายดีขึ้นและมูฟออนได้ เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เดโคกำลังจะทำสิ่งเดียวกัน
"...อืม"
นั่นสินะ ต่อให้ผู้หญิงไม่รักอย่างน้อยเพื่อนก็รักล่ะวะ
Tbc.
ได้ฤกษ์เปิดเรื่องของแมทธิวแร้ววว ฝากติดตามด้วยนะคะ เรื่องนี้อาจลงบ่อยหน่อย เดี๋ยวไรท์จะไปอัปเดตในตารางงานนะคะ