One Night One Love ❤️ดวงใจรามสูร <1> พบเจอในวันที่ต้องลาจาก

1959 คำ
12 ปีที่แล้ว ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ “วันนี้หนูหม่อนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะคะที่พาหนูหม่อนมาเที่ยว” น้ำเสียงใสกังวาลของหม่อนไหมดังขึ้นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเสมอต้นเสมอปลายก่อนที่เด็กสาวจะกอดแขนมารดาเอาไว้อย่างมีความสุข ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาลูบผมของลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้สามีที่หันมายิ้มให้เธออย่างมีความสุขเช่นกัน “วันเกิดปีนี้แม่ขอให้หนูหม่อนเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนและน่ารักกับทุกคนตลอดไปนะคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวตัวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับคำอวยพรของมารดาก่อนที่ใบหน้าเล็กจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “หนูหม่อนสัญญาค่ะ ว่าหนูหม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวแน่นอนค่ะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับมารดาแต่มือเล็กกลับแอบไขว้กันเอาไว้ด้านหลังไม่ให้มารดาเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของบิดาอย่างอติรุจน์ไปได้เลย ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อพลันส่ายไปมาน้อยๆกับความแสบของลูกสาวที่คุณปู่คุณย่าถึงกับส่ายหัว “ส่วนพ่อก็ขอให้หนูหม่อนสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ และก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขนะคะ” “ขอบคุณนะคะพ่อ หนูหม่อนสัญญาว่าจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขและจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูหม่อนอย่างแน่นอนเชื่อใจหม่อนไหมคนนี้ได้เลย” คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลูกสาวตัวน้อยทำให้ม่านฟ้ากับอติรุจน์หัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่อติรุจน์จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมา แต่เพราะต้องใช้มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยทำให้กล่องของขวัญที่ข้างในเป็นสร้อยล็อกเก็ตรูปของเขากับภรรยาหล่นลงบนพื้นรถทำให้อติรุจน์พยายามยื่นมือเพื่อที่จะหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเพื่อมอบให้ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังชวนมารดาพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่สดใส เมื่อหยิบกล่องของขวัญที่หล่นลงบนพื้นรถได้ในที่สุดอติรุจน์ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของเขาอย่างกะทันหัน “คุณคะระวัง!!” “กรี๊ด แม่ขา” ม่านฟ้าร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจสองมือกอดหม่อนไหมที่ตกใจจนตัวสั่นเอาไว้แน่นวินาทีนั้นอติรุจน์ตัดสินใจทิ้งกล่องของขวัญในมือและบังคับพวงมาลัยหักหลบด้วยความรวดเร็วทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของม่านฟ้าก่อนที่เสียงร้องจะเงียบหายไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่ค่อยๆเต้นช้าลงของม่านฟ้ากับอติรุจน์ในใจของสองสามีภรรยาได้แต่ภาวนาให้มีรถขับผ่านมาเพื่อช่วยชีวิตแก้วตาดวงใจของพวกเขาให้รอดชีวิต “ฮึก ฮือ ใครก็ได้ผ่านมาที อึก ขอร้อง ฮือ ผ่านมาช่วยหนูหม่อนที” ม่านฟ้าพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อร่างกายทุกส่วนขยับเขยื้อนไม่ได้ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูก่อนหน้านี้กระอักเลือดออกมาจนเสื้อสีขาวสะอาดตากลายเป็นสีแดงฉาน ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจเมื่อต้องมองดูใบหน้าของลูกสาวที่หมดสติซุกอยู่บนอกของเธอ “คะ ใครก็ได้ ฮือ ได้โปรด ช่วยหนูหม่อนด้วย ฮือ” อติรุจน์น้ำตาไหลออกมาด้วยความสิ้นหวังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเศษกระจกค่อยๆหันไปมองข้างกายของตนที่มีภรรยานอนร้องไห้ด้วยความสงสารลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รอดแต่ได้โปรดให้ลูกสาวของเขามีชีวิตรอดเขาขอเพียงแค่นี้เท่านั้น “อ๊ะ พี่หมอคะ ข้างหน้าดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุนะคะ” แก้มใสที่กำลังนั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนรถร้องบอกสามีด้วยความตกใจเมื่อทางข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำซึ่งวายุเองก็เห็นมาแต่ไกลเช่นกัน เขารีบขับรถเข้าไปจอดข้างทางพร้อมกับหันไปด้านหลังเพื่อหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เขามักจะมีติดรถเอาไว้เสมอ “นี่ครับพ่อ” รามสูรที่นั่งอยู่ด้านหลังเมื่อได้ยินว่าข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุเขาก็รีบคว้ากล่องชุดปฐมพยาบาลยื่นให้บิดาทันทีก่อนที่วายุจะรับมาและรีบเปิดประตูรถวิ่งไปดูคนเจ็บโดยที่มีแก้มใสกับรามสูรลงจากรถวิ่งตามไปติดๆ “โอ๋ แม่เจ้า” แก้มใสยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและสะเทือนใจไปพร้อมๆกันดวงตากลมโตที่มักจะมองสามีด้วยความหวานซึ้งสบเข้ากับแววตาที่ขอร้องอ้อนวอนของม่านฟ้า ทำให้สองเท้าที่หยุดชะงักด้วยความตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวในอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที “ชะ ช่วย หนูหม่อนด้วยค่ะ อึก” มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยื่นไปจับมือของแก้มใสเอาไว้แน่นดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตามองแก้มใสอย่างขอร้องอ้อนวอนก่อนที่แก้มใสจะพยักหน้ารับและรีบดึงหม่อนไหมออกมาจากอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที ก่อนที่เธอจะส่งหม่อนไหมให้รามสูรที่รับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรู้สึกห่วงใยเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยสลบไสลไม่ได้สติ “พี่หมอทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ” แก้มใสตะโกนถามสามีที่กำลังตรวจดูอาการของอติรุจน์อยู่อีกด้านหนึ่งมือของเธอก็บีบมือของม่านฟ้าเอาไว้ราวกับต้องการบอกให้เธออดทนอีกนิดเพราะตอนนี้แก้มใสโทรไปแจ้งทางโรงพยาบาล N ให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผู้ป่วยให้ด่วนที่สุด “สัญญาณชีพไม่ค่อยดีเลย ไม่ได้การแล้วหัวใจหยุดเต้น” วายุที่ตอนแรกตอบคำถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลตะโกนขึ้นสุดเสียงเมื่อหัวใจของอติรุจน์หยุดเต้นก่อนที่เขาจะทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลืออติรุจน์ทันที ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจของแก้มใสเหลือเกินเธอมองสามีที่กำลังพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมีความหวัง ในขณะที่ม่านฟ้าหันไปมองสามีด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงมือของเธอพยายามจะยื่นไปจับมือของสามีแต่สุดท้ายแล้วลมหายใจที่แผ่วเบาก็ค่อยๆหมดลงในที่สุด พร้อมกับมือบอบบางที่เคยถูกสามีเกาะกุมด้วยความทะนุถนอมค่อยๆตกลงข้างมือของอติรุจน์เป็นจังหวะเดียวกับที่วายุยอมถอดใจหยุดมือที่กำลังปั๊มหายใจเมื่อผู้ประสบอุบัติเหตุไม่มีชีพจรแล้ว “คะ คุณคะ คุณ” วินาทีที่มือของม่านฟ้าร่วงลงข้างๆมือของอติรุจน์น้ำตาของแก้มใสก็ไหลอาบแก้มทันทีก่อนที่เธอจะรีบยื่นมือที่สั่นเทาไปสัมผัสตรงจุดชีพจรของม่านฟ้าแต่แล้วแก้มใสก็ต้องรีบชักมือกลับคืนด้วยความตกใจเมื่อสัญญาณชีพของม่านฟ้าหายไปแล้ว “พะ พี่หมอ เขา เขา ฮึก ไม่มีชีพจรแล้ว” แก้มใสเงยหน้าที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตามองหน้าวายุที่ส่ายไปมาช้าๆอย่างหมดหวังก่อนที่เธอจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนมือของเธอที่ยังคงถูกม่านฟ้าเกาะกุมเอาไว้แน่นราวกับต้องการฝากฝังให้เธอช่วยลูกสาวที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวให้ปลอดภัย “กว่ารถฉุกเฉินจะมาถึงคงอีกประมาณยี่สิบนาทีเราต้องรีบพาเด็กคนนั้นส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด” วายุบอกแก้มใสที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะค่อยๆแกะมือของม่านฟ้าออกและลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่รถทันทีเพื่อพาเด็กสาวผู้รอดชีวิตไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าร่างกายของเด็กน้อยจะไม่มีบาดแผลแต่ก็ไม่แน่ว่าแรงกระแทกอาจจะทำให้อวัยวะภายในของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โรงพยาบาล N เมื่อมาถึงโรงพยาบาลวายุก็ส่งเด็กสาวให้แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินรับหน้าที่ดูแลรักษาต่อทันทีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกจะพากันเดินทางเข้าที่พักที่อยู่ภายในบริเวณของโรงพยาบาลด้วยความเหน็ดเหนื่อย “พ่อครับน้องเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ” คำถามของรามสูรทำให้วายุที่กำลังพับแขนเสื้อถึงกับชะงักไปก่อนที่เขาจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆลูกชายที่กอดเด็กสาวผู้ประสบอุบัติเหตุเอาไว้ไม่ห่างจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ใบหน้าของเด็กชายวัยสิบสองขวบเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะปกติแล้วลูกชายคนโตของเขาเย็นชาเสียยิ่งกว่าอะไรแต่วันนี้กลับแปลกออกไป “ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเพราะตามตัวไม่มีบาดแผล ตอนที่เราพบน้องแม่ของเขาก็กอดเอาไว้แน่นน่าจะใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังไม่ให้ลูกสาวถูกแรงกระแทกน้องก็เลยไม่มีบาดแผล” คำตอบของบิดาทำให้สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของรามสูรค่อยๆผ่อนคลายลงก่อนที่ภาพใบหน้าของเด็กสาวที่ซบอกเขาตลอดทางที่มาโรงพยาบาลจะผุดขึ้นมาในหัว ทั้งๆที่สลบไม่ได้สติแต่บนแก้มเนียนของเธอก็ยังคงมีคราบน้ำตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนที่ประสบอุบัติเหตุเด็กสาวหวาดกลัวมากแค่ไหน “พี่รามเป็นห่วงน้องเหรอคะ” แก้มใสที่เดินกลับมาจากในครัวเอ่ยถามลูกชายสุดที่รักพร้อมทั้งวางแก้วน้ำส้มคั้นลงตรงหน้าของสองพ่อลูกที่ยกขึ้นมาดื่มพร้อมกันด้วยความกระหาย ก่อนที่รามสูรจะวางแก้วลงบนโต๊ะรับแขกและเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของมารดาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างรอคอยคำตอบ “ครับแม่ พี่รามเป็นห่วงน้องๆจะเสียใจมากแค่ไหนกันนะถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จากน้องไปแล้ว” “ถ้างั้นเอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าน้องฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แม่จะให้คุณหมอที่โรงพยาบาลรีบส่งข่าวมาบอกทันทีพี่รามจะได้ไปเยี่ยมน้อง” แก้มใสที่รู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวไม่แพ้กันบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่รามสูรจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้คนรอบข้างมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวไม่น้อย เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหนกันนะที่วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม