One Night One Love ❤️ดวงใจรามสูร <2> ข่าวร้ายที่อยากให้กลายเป็นเพียงความฝัน

2531 คำ
การเดินทางไปเข้าร่วมทีมแพทย์อาสาเพื่อออกตรวจชาวบ้านบนดอยของวายุมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟป่าทำให้มีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งมาที่โรงพยาบาล N เป็นจำนวนมาก วายุกับแก้มใสที่ได้รับรายงานเรื่องไฟป่าตั้งแต่ช่วงเช้าจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยที่มีรามสูรติดตามมาด้วย ถึงแม้ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟป่าเป็นจำนวนมากแต่ระบบการจัดการของทางโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมทั้งสถานที่และบุคคลากรตั้งแต่ที่ได้รับรายงานเข้ามาทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวเข้ามาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สถานการณ์ภายในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยความวุ่นวายภายในห้องพักผู้ป่วยเด็กหญิงตัวน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่า ไหล่บอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบิดามารดาของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ “ฮือ ฮือ ย่าขาหนูหม่อนคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน” หม่อนไหมเอ่ยขึ้นบอกผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลกลิ้งลงมาบนแก้มเนียนเป็นสายทำให้แม่เลี้ยงเอื้องคำที่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไรให้หลานสายตัวน้อยรู้สึกดีขึ้นทำได้เพียงร่วมหลั่งน้ำตาเคียงข้างหม่อนไหมด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กันเมื่อต้องสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว “หนูหม่อนเด็กดีถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่แล้วแต่หนูยังมีปู่กับย่านะลูกนะ” พ่อเลี้ยงแสงหล้าเอ่ยปลอบหลานสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแฝงไปด้วยความเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากเมื่อฝันดีในยามค่ำคืนถูกกลบทับด้วยข่าวร้ายที่ทำให้ภรรยาของเขาถึงกับเป็นลมหมดสติไป “ฮึก ฮือ เพราะหนูหม่อนดื้อมากใช่ไหมคะ อึก พ่อกับแม่เลยทิ้งหนูหม่อนให้อยู่คนเดียว” เด็กสาวเงยหน้าที่ร้องไห้จนดูบอบบางน่าสงสารขึ้นถามผู้เป็นปู่ที่พลันรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาในใจเมื่อเสียงสะอื้นของหลานสาวดุจดังคมมีดกรีดเฉือนหัวใจเขาทีละแผลทรมานจนสุดที่จะทานทน “หนูหม่อนของย่าเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี พ่อกับแม่เขาแค่ออกเดินทางไปไกลแสนไกลถึงแม้วันนี้เขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างหนูแล้วแต่ย่าอยากให้หนูระลึกเอาไว้เสมอนะลูก ว่าพ่อกับแม่เขากำลังเฝ้าดูหนูหม่อนอยู่ตลอดเวลาเขาไม่เคยทิ้งหนูไปไหนแต่เขาจะอยู่ในใจและความทรงจำของหนูตลอดไป” แม่เลี้ยงเอื้องคำเอ่ยปลอบหลานสาวตัวน้อยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือมือที่บอบบางยื่นไปปาดน้ำตาอุ่นๆหยาดเล็กๆที่ร่วงลงมาจากดวงตากลมโตของหม่อนไหมออกให้อย่างอ่อนโยน “หนูหม่อนไม่อยากเก็บพ่อกับแม่เอาไว้ในใจ ฮึก ฮือ แต่หนูหม่อนอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆหนูหม่อนตลอดไป ฮือ ฮือ ได้ไหมคะปู่ขา ย่าขา” หม่อนไหมวิงวอนขอร้องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดวงหน้าเล็กที่เงยขึ้นสบตาปู่กับย่าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไม่ว่าจะเช็ดอย่างไรหยดน้ำอุ่นๆก็ยังคงรินไหลออกมาไม่ขาดสาย เมื่อหัวใจดวงน้อยๆรู้สึกเจ็บปวดจนยากที่จะหักห้ามหยดน้ำตาไม่ไหลออกมาได้ ถึงเธอจะยังเด็กแต่เธอเข้าใจความหมายของผู้เป็นย่าดีเพียงแต่เธอยังทำใจยอมรับไม่ได้เท่านั้นเองว่าต่อจากนี้ไปเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของบิดาและมารดาจะเหลือเพียงความทรงจำที่ไม่อาจย้อนคืนวันวานได้อีกต่อไปความทรงจำที่ไม่ว่าจะพยายามลบเท่าไหร่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลืมได้เลย “โถ่ หลานรักของปู่” พ่อเลี้ยงแสงหล้ายกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของหลานสาวไปมาเบาๆอย่างปลอบโยนเขารู้ดีว่าความสูญเสียในครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้หลานสาวมากเหลือเกินแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเวลาไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว ถึงแม้พ่อเลี้ยงแสงหล้าอยากจะให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝันร้ายที่ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ครอบครัวของเขาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกชายและลูกสะใภ้ที่ดังก้องกังวานด้วยความสดใสแต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ความหวังของชายคนหนึ่ง ที่ต้องยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อไปด้วยการเลี้ยงดูทายาทเพียงคนเดียวของอติรุจน์และม่านฟ้าให้ดีที่สุดเท่าที่สองมือของปู่คนนี้จะทำได้ ข้างนอกห้องนั้นรามสูรยืนฟังเสียงร้องไห้ของเด็กสาวเงียบๆหัวใจที่เย็นชาพลันเจ็บหนึบสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะตัดสินใจเดินจากไปทิ้งความตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเด็กสาวเอาไว้เพียงแค่หน้าห้องเท่านั้น “อาการทางร่างกายไม่หนักเท่าไหร่ครับพักรักษาตัวอีกสองสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่อาการทางใจค่อนข้างน่าเป็นห่วง” เมื่อฟังมาถึงตรงนี้แม่เลี้ยงเอื้องคำอดที่จะรู้สึกปวดแปลบในใจไม่ได้ใบหน้าที่ยังคงอ่อนเยาว์ถึงแม้อายุจะล่วงเลยผ่านวัยห้าสิบไปแล้วหันไปมองหลานสาวตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกสงสารจับใจในขณะที่พ่อเลี้ยงแสงหล้าได้แต่พยักหน้ารับคำบอกเล่าของคุณหมอเงียบๆ “ในระหว่างที่พักรักษาตัวผมแนะนำให้คุณปู่กับคุณย่าพาน้องออกไปเดินเล่นข้างนอกบ่อยๆ หรือไม่ก็พาน้องไปที่ห้องสันทนาการก็ได้ครับที่นั่นมีพยาบาลคอยดูแลตลอดเวลาและก็มีผู้ป่วยเด็กคนอื่นๆด้วย น้องอาจจะเจอเพื่อนใหม่ที่ทำให้น้องรู้สึกดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยครับ อาการป่วยทางร่างกายรักษาไม่นานก็หายแต่อาการป่วยทางใจต้องใช้เวลาหมออยากให้คุณปู่กับคุณย่าเข็มแข็งนะครับหมอเชื่อว่าน้องต้องดีขึ้นอยากแน่นอน” “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับสำหรับคำแนะนำ ว่าแต่คุณหมอพอจะทราบไหมครับว่าใครเป็นคนช่วยหลานสาวของเราและพามาส่งที่โรงพยาบาล” หลังจากที่เอ่ยคำขอบคุณคุณหมอหนุ่มแล้วพ่อเลี้ยงแสงหล้าก็เอ่ยถามเรื่องที่ตนเองอยากรู้ทันทีเพราะจากคำบอกเล่าของพยาบาลที่คอยดูแลหลานสาวของเขา เธอบอกว่าคนที่พาหม่อนไหมมาส่งที่โรงพยาบาลเป็นครอบครัวหนึ่งที่บังเอิญขับรถผ่านมาซึ่งหลังจากที่หลานสาวของเขาถึงมือหมอแล้วครอบครัวนั้นก็จากไปทันที “ทราบครับ คนที่ช่วยหลานสาวของคุณปู่และพามาส่งที่โรงพยาบาลชื่อคุณหมอวายุครับ ปกติท่านประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสาขาใหญ่ แต่เมื่อวานท่านเดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมหน่วยแพทย์อาสาและบังเอิญได้พบกับหลานสาวคุณปู่ที่กำลังประสบอุบัติเหตุพอดีครับ” คำบอกเล่าของนายแพทย์หนุ่มทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้ารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหมอวายุมากเพราะถ้าหากไม่ได้เขาช่วยพาหลานสาวมาส่งที่โรงพยาบาลเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นกับหลานสาวของเขาก็เป็นได้ “ผมอยากจะขอพบคุณหมอวายุได้ไหมครับ อยากจะขอบคุณเขาที่ช่วยพาหนูหม่อนมาส่งที่โรงพยาบาล” “ตอนนี้ท่านน่าจะกำลังยุ่งน่ะครับเพราะเหตุการณ์ไฟป่าทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ท่านเลยยกเลิกการเข้าร่วมโครงการแพทย์อาสาในวันนี้และมาช่วยรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแทน แต่ยังไงเรื่องที่คุณปู่อยากจะพบกับท่านผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านได้ทราบครับ” “ขอบคุณมากๆนะครับคุณหมอ ขอบคุณมาก” พ่อเลี้ยงแสงหล้ายื่นมือมาจับมือของคุณหมอหนุ่มเอาไว้ด้วยความซาบซึ้งใจก่อนที่คุณหมอจะยิ้มให้เป็นการส่งท้ายและขอตัวจากไปเพื่อตรวจคนไข้คนต่อไปทันที “น้องไม่อยากจะคิดเลยค่ะว่าถ้าไม่มีใครไปเจอหนูหม่อนป่านนี้แกจะเป็นยังไงบ้าง” หลังจากที่คุณหมอหนุ่มจากไปแล้วแม่เลี้ยงเอื้องคำก็พูดขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหมอวายุไม่ต่างกับสามีก่อนที่พ่อเลี้ยงแสงหล้าจะนั่งลงข้างๆภรรยาคู่ชีวิตและจับมือของเธอขึ้นมากุมเอาไว้อย่างอบอุ่น “ต่อจากนี้ไปเราสองคนต้องเป็นทั้งปู่และย่าพ่อและแม่ให้หนูหม่อน เราต้องเลี้ยงแกให้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดีเพื่อตารุจของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เราสองคนเสียใจและเจ็บปวดแต่พี่อยากให้น้องเข็มแข็งเพื่อหนูหม่อนนะ” คำพูดของสามีทำให้น้ำตาร้อนผ่าวกลิ้งลงมาจากดวงตาคู่งามของแม่เลี้ยงเอื้องคำอย่างมิอาจควบคุมเอาไว้ได้อีกหัวใจของเธอทุกข์ระทมจนมิอาจทุกข์ได้มากกว่านี้ทุกข์จนแทบมิอาจหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นมืออบอุ่นของสามีที่กำลังกุมมือของเธออยู่ก็ทำให้แม่เลี้ยงเอื้องคำตระหนักได้ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะต้องเข็มแข็ง ถึงแม้ว่าลูกชายของเธอจะจากไปแล้วแต่เธอยังมีหลานสาวที่เป็นตัวแทนของลูกชายเธอจะต้องเลี้ยงดูหม่อนไหมให้เติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ลูกชายของเธอจากไปอย่างหมดห่วง “น้องสัญญาว่าจะเข็มแข็งค่ะ เรามาช่วยกันเลี้ยงหนูหม่อนให้ดีที่สุดเพื่อลูกชายของเรากันนะคะ” แม่เลี้ยงเอื้องคำยกมือของเธอขึ้นมาวางทาบทับลงบนมือใหญ่ของสามีก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มเพื่อให้กำลังใจกันและกัน การสูญเสียที่เกิดขึ้นถึงแม้จะสร้างความเจ็บปวดให้เธอกับสามีมากแต่เธอจะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้เพื่อหลานสาวเพียงคนเดียวของเธอ เช้าวันต่อมา “พี่รามแน่ใจนะครับว่าจะไม่ขึ้นไปบนดอยด้วยกัน” วายุเอ่ยถามลูกชายคนโตที่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนที่เด็กชายจะเดินไปนั่งลงข้างๆมารดาที่หรี่ตามองลูกชายอย่างจับผิด แต่รามสูรกลับไม่เผยพิรุธใดๆให้มารดาจับผิดได้ทั้งนั้นเรื่องตีหน้าซื่อรามสูรถือว่ายืนหนึ่งที่สุดในบ้านผิดกับกอหญ้าที่ถูกแก้มใสจ้องหน้าคาดคั้นความจริงทีไรเป็นต้องหลุดพูดความจริงออกมาทุกที “ไหนวันก่อนพี่รามบอกแม่แก้มว่าไปเยี่ยมน้องมาแล้วยังไงล่ะคะแล้วนี่ตั้งใจจะไปเลี้ยงต้อย เอ๊ย ดูแลน้องต่อหรือยังไงคะลูกชายสุดหล่อของแม่” แก้มใสไม่ได้ถามเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่สองมือของเธอยังยกขึ้นมาบีบแก้มของลูกชายส่ายไปมาน้อยๆด้วยความมันเขี้ยวสายตายามที่จ้องมองลูกชายเต็มไปด้วยความรัก ทำไมลูกชายของเธอยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งหล่อแบบนี้นะหน้าเหมือนพ่อจมูกและดวงตาเหมือนแม่รวมๆแล้วหน้าเหมือนพ่อมากกว่าแม่ก็นะไม่แปลกที่ลูกๆจะหน้าเหมือนพ่อเพราะเธอรักพี่หมอวายุมากนี่นา “เปล่าสักหน่อย พี่รามอยากไปเที่ยวต่างหากล่ะครับก็คุณย่าบอกว่าเชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะพี่รามเพิ่งเคยมาครั้งแรกก็ต้องอยากเที่ยวเป็นธรรมดา” คนหน้าตายบอกเหตุที่ทำให้แก้มใสพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยเพราะทุกๆปีพี่หมอจะชอบชวนเธอมาเข้าร่วมโครงการแพทย์อาสาซึ่งหลังจากที่โครงการจบลงพี่หมอก็จะพาเธอท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะม่อนแจ่มที่เต็มไปด้วยสถานที่ให้เที่ยวชมมากมายทั้งไร่ดอกลมหนาวทุ่งดอกเวอร์บีนาสีม่วงสดใสตัดกับสีฟ้าครามไปเยือนทีไรแก้มใสก็ยังคงประทับใจทุกครั้ง “เอ แต่ตอนนั้นพ่อจำได้ว่าพี่รามอยากมาเรียนรู้การเป็นหมออาสาขึ้นดอยลงเขาไม่ใช่เหรอครับ ทำไมความตั้งใจของพี่รามจู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นอยากเที่ยวไปได้น้าพ่อว่าต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนสักอย่างแน่ๆเลย” คำท้วงติงของบิดาทำให้รามสูรที่ยังคงตีหน้านิ่งอย่างไร้พิรุธลุกขึ้นยืนในทันทีทำเอาแก้มใสถึงกับเงยหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยความแปลกใจกับท่าทีของลูกชายที่นึกอยากจะนั่งก็นั่งนึกอยากจะลุกก็ลุก เอ หรือว่ามื้อเช้าฝีมือของเธอจะใส่ผงปรุงรสมากเกินไปกันนะลูกชายของเธอถึงได้มีอาการคล้ายกำลังเมาผงปรุงรสแบบนี้ “พี่รามไปก่อนนะครับ เจได กับเอเดน รอนานแล้ว” จบประโยคใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายวัยสิบสองขวบก็เผยรอยยิ้มให้บิดากับมารดาทิ้งท้ายก่อนที่รามสูรจะแสร้งเดินไปหยิบกระเป๋ากับกล้องถ่ายรูปเดินออกจากบ้านพักไปทันที ทิ้งให้แก้มใสมองตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายไปด้วยอาการมึนงงในขณะที่วายุเผยรอยยิ้มบางๆออกมาอย่างรู้ทันความคิดของลูกชาย “พี่รามไปเที่ยวแล้วเราสองคนก็ไปออกเดตกันบ้างดีกว่า” “รอบนี้ขอเดตแบบหวานๆเลยนะคะ แบบเลือดโชกเหมือนรอบที่แล้วไม่เอาแล้วนะแก้มใสหัวใจจะวาย” แก้มใสเอ่ยบอกสามีพร้อมกับลุกขึ้นมาทิ้งตัวลงนั่งบนตักแกร่งอย่างออดอ้อนมือเล็กๆพลันลูบคลำแผ่นอกของเขา และเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ ก่อนที่วายุจะรีบจับมือซุกซนของเมียตัวน้อยเอาไว้เมื่ออีกแค่เพียงนิดเดียวมือของแก้มใสก็จะสัมผัสกับความใหญ่โตที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงราคาแพง “เราต้องรีบไปรวมตัวกับคุณหมอคนอื่นๆแล้วนะคะ” “ครึ่งชั่วโมง แก้มใสขอแค่ครึ่งชั่วโมงรับรองว่ายังไงก็ทันเพราะพี่หมอของแก้มใสเก่งอยู่แล้ว” วาจาออดอ้อนของภรรยาแสนรักทำให้วายุเกิดอาการลังเลซึ่งแก้มใสอาศัยจังหวะที่สามีกำลังคิดไม่ตกยื่นมือไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขืนสู้มือของเธอทันที ราวกับว่าเธอได้ปลุกสัตว์ร้ายที่มีสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาก่อนที่เรียวปากร้อนผ่าวของวายุจะจรดลงบนกลีบปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มของเธออย่างแผ่วเบา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม