สามีข้าใกล้ไม่ไหวแล้ว

1966 คำ
เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นชาวบบ้านมาเริ่มมุงกัน มีชาวบ้านที่ตั้งแผงอยู่เมื่อเช้าด้วย ไหล่สั่นไหวน้ำตาแหมะแรกมาแล้ว ใครว่าหน่วยซิลต้องเข้มแข็งคะพวกฉันเล่นละครเก่งนะไอ้หนู ไม่งั้นจะแฝงตัวทำภารกิจได้หรือ สองมือปิดหน้าร้องไห้เสียงดังจนคนที่เดินผ่านต้องหยุดแล้วเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจ นางจะทำอะไรอีก "ฮือๆๆๆๆ ใต้เท้ามือปราบข้าเปล่านะเจ้าคะ" "แม่นางน้อย ไปที่ศาลาว่าการเถอะ หากเจ้าไม่ผิดข้าจิ้งเหยียนรับรองว่าไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้" "ฮือๆๆๆๆใต้เท้า ท่านจับข้าไปแล้วสามีของข้าจะทำเช่นไร เขาใกล้ไม่ไหวเต็มทีแล้วข้ามารับยาให้เขาหากกลับไม่ทันเล่า ท่านจะไม่ให้ข้าได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้ายหรอกหรือ ข้าไม่ได้ขโมยเงินไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆเจ้าค่ะ ท่านถามชาวบบ้านดูก็ได้ หรือว่าคุณชายจางจะข่มขู่ชาวบ้านมิให้กล่าวความจริง ฮือๆๆๆ ว่ากันว่าเศรษฐีจางท่านใจบุญสุนทานเขาทำเพื่อสิ่งใด เพื่อไถ่บาปที่บุตรชายของท่านก่อขึ้นหรือ ฮือๆๆๆ" เมิ่งหย่งชวนตกใจ นางกล้าแช่งเขาอีกทั้งบอกจะส่งเขาเป้นครั้งสุดท้าย แม้แต่คนงานร้านเหล็กกับร้านข้าวสารก็ยืนงง ฮูหยินท่านนี้สามีของท่านยืนอยู่ที่นี่มิใช่หรอกหรือ "เจ้าๆๆๆ อย่ามาเอ่ยถึงท่านพ่อของข้านะ " เสิ่นเยี่ยนฟางรู้ทันทีไอ้เด็กนี่ก่อเรื่องแต่กลัวบิดาน่าดู ใครเดินมาเล่านั่น หมวกแบบนี้ขุนนางแน่นอน ใต้เท้าหานแห่งอำเภอเหอถงหานเสวียนเยี่ยน อีกด้านนั่น อ้ออาเล็กที่แสนหวงผัวสันหลังยาวของร่างเดิมนี่นา ละครฉากใหญ่มาแล้ว เสิ่นเยี่ยนฟางเดินไปหาอาเขยของนางก่อนจะร้องไห้ตัดพ้อ "อาเขย ท่านกล่าวหาข้าเพียงเพราะข้าไม่ยอมเป็นของท่าน วันนี้ท่านยังแช่งสามีของข้าให้ตายไวๆจะได้รับข้าไปเลี้ยงดูเป็นอนุของท่าน แต่คุณชายท่านนั้นเอ่ยปากกับท่านว่าเขาต้องการข้า ท่านเลยไม่พอใจ" "เจ้าๆพูดดเพ้อเจ้ออะไรกัน เสิ่นเยี่ยนฟางอย่ามากล่าวหาข้าพล่อยๆนะ" "ได้ๆๆ ท่านลุงท่านป้าเจ้าคะ เมื่อตอนสายบุรุษผู้นี้กล่าวว่าข้าแต่งให้คนขี้โรคช่างน่าเสียดาย อยากปลอบใจข้าต้องการรับข้าไปปลอบขวัญ มีท่านใดได้ยินบ้าง ยกมือให้ข้าเห็นหน่อยเจ้าค่ะ" ชาวบ้านที่ตั้งแผงอยู่ตรงนั้นพร้อมใจกันยกมือทันที เสิ่นเยี่ยนฟางแอบยิ้ม ก่อนจะเข้าไปทุบอกของหวังซู่ตัดพ้อ อาเขยท่านใจร้ายนัก สองคนผัวเมียกุเรื่องใส่ร้ายข้า ท่านไม่พอยังจะเอาข้าไปขายให้สหายของท่านอีก ฮือๆๆท่านพี่ข้าไม่อยากอยู่แล้วขอไปรอท่านที่ปรโลกนะเจ้าคะ ให้ข้าตายเถอะ" เสิ่นเยี่ยนฟางทำท่าจะพุงชนต้นไม้ใหญ่ แต่มือปราบจิ้งเร็วกว่าเขาคว้านางไว้ได้จากนั้นก็กอดปลอบนางให้ใจเย็นๆ หวังซู่กำลังจะเดินมาอธิบายแต่ไม่รู้เมียมาจากไหนทั้งบิดหุทุบตีเขา ชุนละมุลวุ่นวาย ในที่สุดถุงเงินสองใบก็ตกลงมาจากตัวของหวังซู่ จางลี่กับซางเต๋อที่เห็นถุงเงินตนเองก็ถึงกับโกรธอย่างมาก "หวังซุ่ที่แท้เป็นเจ้าที่ขโมยถุงเงินของพวกข้าไปนี่เอง ไอ้สารเลวกินบนเรือนขี้บนหลังคา ข้าอุตส่าห์ใจดีกับเจ้ายังกล้าทรยศหรือ" "คะ คุณชายจาง คุณชายซ่างข้าน้อยเปล่านะขอรับ ต้องเป็นนางแน่ๆเมื่อกี้นางโดนตัวข้า เสิ่นเยี่ยนฟางสตรีเจ้าเล่ห์เจ้าสารภาพมานะ" เสิ่นเยี่ยนฟางที่ถูกมือปราบจิ้งกอดอยู่ก็ซบหน้ากับหน้าอกเขาทันที ร้องไห้จนน้ำตาเปียกชุ่มชุดมือปราบของเขา เอาแต่สะอื้นไม่กล่าววาจาใดๆจนชาวบ้านสงสาร แต่คนที่อยากเข้าไปกระชากคนตัวเล็กหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว ไร้ยางอายเสียจริงๆ ยอมให้บุรุษที่มิใช่สามีตนโอบกอดอยู่ได้ หึเสิ่นเยี่ยนฟางเจ้ามันสตรีหน้าด้าน "มือปราบจิ้งมีเรื่องอันใดกันหรือ แล้วฮูหยินท่านนี้ทุบตีสามีกลางฝูงชนมมิเกรงกฎหมายบ้านเมืองสักนิดเลยหรือไร แม่นางน้อยท่านนี้ด้วย มือปราบจิ้งปล่อยนางซะ" หานเสวียนเยี่ยนเอ่ยเสียงเข้ม จิ้งเหยียนปล่อยมือจากร่างบาง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางกลับทรุดลงนั่งเอามือปิดหน้าร้องไห้ไม่หยุด หานเสวียนเยี่ยนจึงนั่งยองๆถามไถ่นาง "แม่นางน้อยเจ้าอยากกล่าวสิ่งใดหรือไม่ ร้องไห้เช่นนี้ไม่ช่วยอะไรหรอก" "ฮือๆๆ ใต้เท้าสองคนนี่เป็นอาหญิงกับอาเขยของข้า อาเขยมักหาโอกาสลวนลามข้า พออาหญิงจับได้ก็ไม่ฟังความกล่าวหาว่าข้ายั่วยวนสามีนาง ข้าแต่งงานออกมาแล้วก้ไม่วายอยากครอบครองข้า วันนี้ข้าต้องมารับยาให้สามีเจอเข้ากับอาเขย เขากลับจะลวนลามข้าไม่พอ ยังพาสหายมาอีกสองคน ชาวบ้านเป็นนพยานให้ข้าน้อยได้เจ้าค่ะ ฮือๆๆ ข้าเอาตัวรอดมาได้แต่ตอนนี้กลับถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินพวกเขา ที่แท้ถุงเงินไม่ได้หายแต่อยู่กับอาเขย นี่มิใช่พวกเขาจงใจหาเรื่อง ฮือๆ หากข้ากลับไปไม่ทันสามีข้าเกิดทนไม่ไหว ข้าจะทำเช่นไรเจ้าคะ ตอนนี้ก็มีแต่คนอยากรังแกข้า หากเป็นหม้ายมิต้องใช้ผ้าขาวแขวนคอตายหรอกหรือ ฮือๆๆๆๆ สวรรค์ท่านให้ข้าเกิดมาเพื่ออะไรกัน ข้าบาปหนานักหรือฮือๆๆ" หานเสวียนเยี่ยนหันไปมองทั้งสามคนทันที ก่อนจะสั่งจิ้งเหยียนคุมตัวไปศาลาว่าการ "พาพวกเขาไปไต่สวนที่ศาลาว่าการให้หมด" เสิ่นเยี่ยนฟางตัวสั่นเทากลัวการไปให้การเอ่ยตะกุกตะกักจนหานเสวียนเยี่ยนสงสาร "ใต้เท้า ข้าตะ ต้อง ปะ ไปไหมเจ้าคะ คือสามีของข้า เขา เขา" "เจ้ากลับบ้านเถอะเด็กน้อย เรื่องวันนี้ข้าจะไต่สวนเอง รีบไปเถอะหากโชคดีเจ้าอาจนำยาไปรักษาสามีได้ทัน แต่หากโชคร้ายเจ้าอาจไปทันดูใจเขา" เสิ่นเยี่ยนฟางขอบคุณเขา และคำนับชาวบ้านทุกคน ก่อนจะเดินปาดน้ำตาไปยังร้านผ้าเพื่อรับเมิ่งลู่เจิน จากนั้นข้าวของที่ซื้อมาได้ก้อยู่บนเกวียนเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินแม้จะอายุไม่มาก แต่เพราะต้องพาพี่ชายไปหาหมอบ่อยๆ จึงสามารถขับเกวียนได้ พ้นจากประตูเมืองมาถึงกลางทางเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที "เจ้าเป็นสตรีแบบใดถึงยืนแช่งสามีตนเองห๊ะเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่งมาให้ข้าหายป่วยหรือมาให้ข้าตายไวขึ้นกันแน่" "ข้าเป็นนสตรีจิตใจดี รูปร่างหน้าตางดงาม แหม่เจ้าก็ยังอยู่ดีนี่ ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนบางคนยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ เจ้ารียนมาเยอะมิเคยได้ยินบ้างหรอกหรือ เฮ้อดวงเจ้าต่างหากที่อัปมงคล แต่งมาวันแรกก้ไปแม่น้ำเหลืองเสียแล้ว" เยียนฟางเอ่ยเบาๆในตอนท้าย อย่างไว้อาลัยเสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิม "เจ้าๆๆ เหอะ แล้วข้าวของนี่ไม่ซื้อเยอะเกินไปหรือ อีกอย่างเหตุใดไม่เก็บเงินไว้บ้างใช้จ่ายจนหมด" "มีเงินก็ต้องใช้สิ ขืนเก็บเอาไว้บ้านใหญ่เจ้าก็มารุมทึ้งไม่เลิก ปลิงยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับปู่ย่าเจ้าเลย นี่เมิ่งหย่งชวนหากเจ้าจะกตัญญูข้าไม่ว่านะ แต่อย่าเอาคำว่าผู้อาวุโสและกตัญญูมาใช้กับข้า ปู่กับย่าเจ้า และลุงใหญ่กับป้าสะใภ้เจ้าไม่ได้คลอดข้าออกมา อย่ามารำเริบข้าจะตอกให้หงายหลังเลย" จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก เมิ่งหย่งชวนเผลอหลับ เขาถูกพิษจริงๆไม่อาจถูกลมเย็นได้ แม้ว่าตอนนี้พิษจะเกือบหมดแล้วแต่ยังคงมีอาการ ที่นางเห้นว่าเขาไม่เหมือนคนป่วยเพราะอากาศยังไม่เย็นมากนัก ผ่านทางเข้าหมู่บ้านเมิ่งอี้ที่เห็นเกวียนวัวที่เต็มไปด้วยข้าวของก็ริษยา เงินนั่นเป็นของครอบครัวเขาหึ เมิ่งอี้จะไปทวงเงินคืน แต่พอเห็นเสิ่นเยี่ยนฟางที่ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนชุดสะอาดสะอ้าน เกล้าผมเรียบร้อยก็ตะลึงใช้สตรีคนที่มาหาเรื่องเมื่อเช้าหรือ นางงามเพียงนี้จริงๆหรือ หึเมิ่งหยงชวนเจ้ามีสิทธิ์อันใดได้ครอบรองสาวงาม ก็แค่บัณฑิตโชคร้ายคนนึง แต่งให้ไอ้ขขี้โรคแบบนั้นน่าเสียดาย เสิ่นเยี่ยนฟางคนนี้เขาจะแย่งมาให้ได้ เหมือนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าแย่งทุกอย่างมาจากพ่อแม่ของเจ้า เสิ่นเยี่ยนฟางมองเห็นเมิ่งอี้ด้วยหางตา หึเข้ามาสิแม่จะจับทุ่มให้หลังหักเลยไอ้หน้าตัวเมีย เจ๊หงุดหงิดนะเว้ยกำลังอยากหาที่ระบายอยู่นะ แต่ไม่มีส่งใดเกิดขึ้นจนกระทั่งเกวียนมาถึงบ้าน ต่างคนต่างช่วยกันขนของลงเรียบร้อย ยังดีที่บ้านทำจากอิฐแข็งแรงไม่น้ย เพียงแต่อยู่ติดเขา ไกลผู้คน มีเพียงรั้วไม้ไผ่ที่ไม่สามารถกันขโมยหรือสัตว์ป่าได้เลย "เมิ่งหย่งชวน เจ้าไปกับอาเจินซื้อโม่มาให้ข้าหน่อย จะได้เอาเกวียนไปคืนท่านปุ่มผู้นำทีเดียว อ้อขนมสองกล่องนี่เป็นน้ำใจให้บ้านท่านปู่กับบ้านสะใภ้ของเขา ข้าจะปูที่นอนให้พวกเจ้าใหม่ เผื่อมีใครอยากได้ของคนอื่นข้าจะสั่งสอนให้คลานสี่ขากลับบ้านเองเสียเลย" "เยี่ยนฟาง ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกอย่างอื่นข้าจะจัดการเจ้า อย่าลองดีแม้ข้าจะถูกพิษแต่แค่จัดการเจ้าไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่างนอนห้องเดียวกับข้าไม่ต้องปูใหม่ ข้าหนาวสั่นตอนกลางคืนจำต้องมีคนดุแล ใช่ว่ารูปร่างเจ้าน่าอภิรมย์ แต่เจ้าแต่งมาแก้ชงเพื่อให้ข้าหายป่วยก็ควรทำหน้าที่ให้คุ้มค่า" "เหอะ แป้งถุงนึงกับเงินหนึ่งตำลึง มิหนำซ้ำยังเป็นเงินคนอื่นออกให้ นี่ๆๆ เมิ่งหย่งชวนมีคำกล่าวว่าบัณฑิตล้วนหน้าบาง แต่บัณฑิตหน้าหนานี่ ข้าเพิ่งเคยเจอเจ้านี่แหละอ้อ ยังมีน้องชายที่น่ารังเกียจของเจ้าอีกคน หึ" เมิ่งหย่งชวนไปกับน้องชายเพื่อไปหาบ้านที่แกะสลักหิน เสิ่นเยี่ยนฟางยื่นปากตามหลัง เหอะ กลัวซะที่ไหนกันรูปร่างเจ๊ทำไมย่ะ ออกจะสบึ้มขนาดนี้ พูดแล้วก็ภูมิใจ ร่างนี้อย่างน้อยก็มีของดีแหละน่า จัดการข้าวของให้เสร็จก่อน บ้านใหญ่ถูกนางตีน่วมไปเมื่อเช้า คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกเจ็ดแปดวัน บอกแล้วอย่าเล่นกับระบบเจ๊หลิวครูฝึกแห่งหน่วยยอินทรีดำ กล้ามาหาเรื่องอีกจะฝังไว้บนเขาเสียเลยหึ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม