คืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว พราวตะวันจับจ้องมองนาฬิกาบนผนังบ้าน ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว กิตติภพยังไม่กลับเข้าบ้านมาเลย เขาจะติดฝนอยู่ที่ไหนหรือไปพักอยู่ที่บ้านกับผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้จักโทรมาบอกกัน เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางไหม แม้จะไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา แต่ในเมื่ออยู่บ้านเดียวกันก็อดที่จะเป็นห่วงอีกคนเสียไม่ได้
ตีสองกว่ารถยนต์โฟร์วิลของนายหัวกิตติภพก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านไม้สักหลังงาม ร่างสูงที่เปียกปอนเดินเข้ามาภายในบ้าน บ้านทั้งหลังเปิดไฟสว่างจ้าและประตูบ้านไม่ได้ถูกปิดล็อคเอาไว้ ก่อนจะเห็นพราวตะวันนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะรับประทานอาหารกลางห้องรับแขก ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ใช้มือสะกิดที่แขนเรียว เพื่อปลุกให้คนที่หลับใหลต้องตื่นเพื่อขึ้นบ้านไปนอน หญิงสาวสะดุ้งตกใจ แหงนหน้าขึ้นมองกิตติภพที่เปียกปอนยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้า
"ทำไมเธอไม่ขึ้นไปนอนข้างบน จะเปิดไฟทิ้งไว้ทำไมทั้งคืน บ้านก็ไม่รู้จักล็อคประตูเอาไว้ เผื่อโจรเข้ามามันจะไม่ฆ่าเธอตายก่อนหรือไง?"
นี่หรือคำทักทายจากคนที่เธอนึกเป็นห่วง อุตส่าห์นั่งรอ แทนที่จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี
"คุณกลับมาก็ดีแล้ว งั้นพราวขอตัวนะคะ"
หญิงสาวกำลังจะเดินผละออกไป ชายหนุ่มดึงรั้งข้อมือเล็กเอาไว้ พราวตะวันหันหน้ากลับมาจ้องมอง พร้อมกับสะบัดข้อมือของตัวเองออกจากพันธนาการนั้น
"คิดว่าฉันอยากแตะต้องตัวเธอนักนิ ฉันแค่จะบอกให้เธอช่วยไปเอายาพารามาให้ฉันด้วย ฉันปวดหัว"
"งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวพราวไปเอาน้ำกับยามาให้"
"เอาขึ้นไปให้ฉันบนห้อง ตัวฉันเปียกขนาดนี้ฉันต้องรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่"
ร่างสูงพูดจบก็เดินสาวเท้าก้าวขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน ทีท่าเหมือนคนปวดหัวมากอย่างที่บอกกับเธอออกมาจริง พราวตะวันไม่ได้รีบที่จะเอายาขึ้นไปให้เขาในทันที หญิงสาวกลับเดินไปหาผ้ามาเช็ดน้ำที่เปียกชุ่มอยู่บนพื้น รอเวลาให้เขาได้อาบน้ำชะระร่างกายเสร็จ เธอถึงจะเอายาขึ้นไปให้ได้กินและนอนพักผ่อนต่อ ส่วนตัวเองก็จะได้ไปนอนพักสักงีบบนที่นอนนุ่ม ๆ เช่นกัน
10 นาทีต่อมาที่หญิงสาวคิดว่ากิตติภพคงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเดินขึ้นไปบนห้องนอนของเขา เห็นประตูห้องถูกเปิดแง้มเอาไว้จึงถือวิสาสะเปิดให้กว้างออกและเดินเข้าไปข้างใน แต่ทว่าร่างสูงกลับไม่ได้นอนอยู่บนเตียงกว้าง เพียงครู่กิตติภพเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
พราวตะวันได้แต่เบือนใบหน้าหนีและยื่นส่งของในมือให้กับเขา กิตติภพยื่นมือไปรับแก้วยา รีบกรอกเข้าปากพร้อมกับดื่มน้ำตามอึกใหญ่
"ขอบใจ กลับไปนอนเถอะไป ไม่ต้องรีบตื่นไปทำอาหารเช้านะ ฉันไม่รู้ว่าจะตื่นตอนไหน"
"ค่ะ เชิญคุณกิตพักผ่อนตามสบายเลย พราวขอตัวก่อน"
หญิงสาวเดินออกจากห้องนั้นไปอีกครั้ง กิตติภพกลับไปทิ้งตัวลงบนที่นอนที่ว่างเปล่า ระหว่างทางกลับบ้านรถดันมาเสียกลางทางชวนให้หัวเสีย กว่าจะซ่อมเสร็จทำเอาต้องยืนตากฝนนานเป็นชั่วโมง หวังแค่ว่าในวันพรุ่งนี้จะไม่ถึงกับไข้ขึ้นจนยืนไม่ไหว เพียงไม่ถึง 10 นาทีกิตติภพก็หลับใหลไปเพราะฤทธิ์ยา
เช้าวันรุ่งขึ้น
เป็นเวลาเกือบสิบโมงเช้า กิตติภพเพิ่งเดินลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน ยังคงดูอ่อนเพลียอยู่มาก เมื่อเห็นพราวตะวันที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าท่าทางดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก คิ้วเข้มถึงกับขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว ร่างสูงยืนกอดอกจ้องมองคนที่กำลังนั่งดมยาดมอยู่ไม่สนใจใคร
"เป็นอะไรไปอีกล่ะ"
หญิงสาวลืมตาขึ้นจ้องมองหน้าคนที่ถามไถ่ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งตัวตรงและส่งยิ้มทักทายเพียงเล็กน้อย
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ รู้สึกปวดหัวเฉย ๆ คุณกิตเป็นยังไงบ้าง?"
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่ฉันว่าเธอควรไปหาหมอก็ดีนะ เผื่อมาตายอยู่ที่นี่จะลำบากฉันอีก"
พราวตะวันหุบยิ้มลงทันที แม้จะรู้ว่าเป็นคำพูดจาที่ปกติของเขาอยู่แล้ว แต่จะมีสักวันไหมที่เขาจะพูดจาดีด้วยไม่ใช่พูดประชดประชันเธอแบบนี้ตลอดเวลา
"พราวไม่ตายง่าย ๆ หรอกค่ะ อาทิตย์หน้าพราวจะกลับไปเยี่ยมแม่ เดี๋ยวค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาลเลยทีเดียว"
"เธอไปคนเดียวเลยนะ เพราะฉันไม่ว่างไปด้วย"
"พราวก็ไม่ได้ชวนนี่คะ แล้วแต่คุณกิตเลยชีวิตใครชีวิตมันอยู่แล้ว พราวไม่ได้คาดหวังหรืออยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณกิตมากมายนักหรอก"
"มันก็แน่อยู่แล้วไหมล่ะ เธอแต่งงานกับฉันเพียงเพราะเงินเท่านั้นนี่นา แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเมียแต่ก็เป็นเมียที่ฉันไม่ได้อยากจะมีเลย เมื่อไหร่จะครบ 2 ปีสักทีก็ไม่รู้น่าเบื่อน่ารำคาญ เมื่อไหร่เธอจะไปพ้น ๆ หน้าฉัน จะได้ไม่ต้องมาอยู่ยุ่งเกี่ยวกับฉันอีก"
"ถึงพราวจะอยู่ที่นี่ คุณกิตก็ทำตัวเหมือนพราวไม่ได้มีตัวตนอยู่แล้วนี่คะ แล้วคุณกิตจะสนใจแค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ทำไมกัน"
กิตติภพนิ่งอึ้งปกติพราวตะวันจะไม่ตอบโต้อะไรกับเขาทั้งสิ้น แต่ทำไมวันนี้หญิงสาวถึงได้กล้าพูดจาต่อล้อต่อเถียงต่อปากต่อคำด้วยมากขนาดนี้ แถมสีหน้าที่จ้องมองมาก็ดูเหมือนว่าไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก อะไรเข้าสิงเธออีกหรืออย่างไร ถึงได้อารมณ์แปรเปลี่ยนไปมากมายเหมือนประสาทกลับ
"ก็จริงอย่างที่เธอว่า เธอแทบจะเป็นธาตุอากาศที่ลอยอยู่รอบตัวฉันเพียงเท่านั้น อย่างน้อยการที่เธอเป็นเมียมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเท่าไหร่ ก็ดูคุ้มค่ากับเงินที่พ่อฉันเสียไปอยู่นะ ไม่ต้องเสียเงินจ้างแม่บ้าน แต่ถ้าจะให้ดีควรไปทำงานให้ได้ทุกอย่างด้วย ปีนเก็บรังนก แกะหอย ทำสวน ฉันจะได้รู้สึกคุ้มค่ามากกว่านี้อีก"
พราวตะวันได้แต่นั่งนิ่ง สามเดือนที่อดทนกับคำพูดกิตติภพเธอคิดว่าเธอทนได้ แต่ทำไมวันนี้เธอรู้สึกว่าไม่อยากจะได้ยินอีก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่ควรมานั่งฟังเขาพูดจาร้ายกาจแบบนี้ใส่เลยด้วยซ้ำ
"ถ้าคุณกิตสั่งให้ทำ พราวจะปฏิเสธอะไรได้คะ?"
"ก็ดีงั้นฉันสั่งตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ นอกจากทำงานบ้านเสร็จ เธอต้องไปช่วยคัดแยกหอย แกะหอย วันไหนที่คนงานขาดเธอต้องไปช่วยเขาปีนเก็บรังนกบนเขาด้วย"
สายตาคมที่จ้องมองมา พราวตะวันรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ใช่สินะเขาไม่ได้ให้เธอมานั่งนอนเป็นคุณนายใช้เงินเล่นนี่นา ในเมื่อเธอได้เงินหลักล้านมาจากพ่อเขา ทำงานแลกกับเงินอาจจะดีมากไม่น้อย กิตติภพจะได้เลิกดูถูกดูแคลนเธอแบบนี้สักที เพราะเธอเองไม่ได้คิดจะเอาเงินของใครมาฟรี ๆ เลยเหมือนกัน!