ปนันชิตา
กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาเข้าจมูก ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวเท้าหยุดชะงัก จากที่ตั้งใจว่าจะเดินกลับบ้านพัก ก็ต้องเปลี่ยนใจ เท้ายาวภายใต้รองเท้าหนังราคาแพงหันหัวเปลี่ยนทิศ แล้วเดินไปอีกทาง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า เพราะตอนนี้ในครัวมีบางอย่างที่น่าสนใจ ใกล้ได้เวลาอาหารเย็น ปนันชิตา คงทำหน้าที่ของตัวเอง กลิ่นของอาหารถึงได้ลอยฟุ้งรบกวนสมาธิของเขา ปกติแล้วเขาจะกลับมาตอนที่อาหารขึ้นโต๊ะ วันนี้เลิกเร็วจึงกลับก่อนเวลา
“น้ำหวาน ส่งทัพพีให้พี่หน่อย” ปนันชิตาบอกกับเด็กรับใช้ที่เข้ามาช่วยงานในครัว ในขณะที่เจ้าตัวกำลังจดจ้องกับอะไรบางอย่างในหม้อใบเขื่อง ที่ตั้งอยู่บนเตา จนไม่ทันสังเกตว่าคนที่เธอเรียกหาไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว
“ขอบใจจ้ะ” มือบางยื่นมารับทัพพี แล้วนำไปคนสิ่งที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในหม้อ ภาสันต์ย่นจมูกเมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคือแกงเนื้อ กลิ่นของใบยี่หร่าลอยมาเตะจมูกอย่างจัง เขาชอบกินแกงเนื้อ แต่ไม่ชอบกลิ่นของใบยี่หร่าเอาเสียเลย ยิ่งมาได้กลิ่นตอนที่คนตัวเล็กกำลังปรุง ยิ่งให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
“ลืมเลย” นึกได้ว่ายังมีส่วนผสมบางอย่างที่ยังไม่ได้ใส่ลงไปในหม้อ จึงรีบหันกลับมา ก่อนจะต้องตกใจ เมื่อชนเข้ากับแผงอกของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“คุณใหญ่!” ร่างบางถอยหนี ความกลัวทำให้เธอลืมไปว่า มีหม้อใบใหญ่ที่กำลังเดือดพล่านตั้งอยู่บนเตา ภาสันต์คว้าเอวหญิงสาวเอาไว้ เมื่อเห็นว่าแขนของเธอจะสัมผัสกับหม้อใบนั้น
“ระวัง!” รวบคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขน แต่ถึงกระนั้นแขนเรียวก็สัมผัสกับหม้อเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!” ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับแกะแขนที่รัดอยู่ตรงช่วงเอวออก
“เป็นอะไรไหม” หัวใจแกร่งกระตุก เมื่อรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ มือใหญ่จับลงที่แขนข้างนั้น แต่กลับถูกหญิงสาวผลักลงที่อกอย่างแรง
“ปล่อยค่ะ!” ปนันชิตาเสียงเขียวเมื่อถูกกอด ไม่พอใจที่ภาสันต์ทำแบบนี้กับเธอ
“ขอดูแขนหน่อย” เสียงที่ใช้เข้มขึ้น เมื่อคนตัวเล็กยังขัดขืน และแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน ทั้งสีหน้าและการกระทำ
“ปล่อยค่ะ” ปนันชิตาย้ำคำเดิม เมื่อภาสันต์ยังกอดเอวของเธอเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องดีถ้ามีใครเข้ามาเห็น เพราะเธอกำลังจะแต่งงานกับน้องชายของเขา และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาสันต์เข้ามาวุ่นวายกับเธอ
“ขอดูแขนหน่อย” ภาสันต์ย้ำคำเดิม แต่น้ำเสียงที่ใช้เปลี่ยนไป เอื้อมมือไปปิดเตา แล้วอุ้มคนตัวเล็กออกมาให้พ้นจากจุดที่อันตราย ด้วยแขนเพียงข้างเดียว มือข้างที่ว่างจับแขนเรียวข้างที่สัมผัสกับหม้อ ก่อนจะต้องย่นคิ้ว เมื่อเห็นรอยแดงเปื้อนใหญ่บนนั้น
“ทำไมไม่ระวัง” เสียงแหบพร่าเอ่ยดุ
“ฉันไม่เป็นอะไร ปล่อยค่ะ” บิดแขนออกจากมือแกร่ง แล้วแกะมือเขาออกจากเอว ภาสันต์บีบลงที่เอวเล็กโมโหที่เธอเอาแต่จะหนี
“รู้ว่ารังเกียจแต่ช่วยอยู่เฉย ๆ ก่อนได้ไหม น้ำหวานไปไหน” ถามหาคนรับใช้เพราะอยากได้กล่อง
ปฐมพยาบาล ตากลมโตเบิกขึ้น เมื่อเขาถามหาบุคคลที่สาม การกระทำของเขาและเธอถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงดูไม่ดี เขาแค่ปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน เธอจัดการตัวเองได้
“ใครใช้ให้คุณใหญ่เข้ามาแบบนี้คะ ปล่อยค่ะ ฉันไม่เป็นไร” นอกจากไม่ปล่อยแล้ว แขนข้างที่กอดอยู่ที่เอวเล็ก ยังกระชับให้แน่นขึ้น จนอกอวบแนบชิดไปกับอกแกร่ง ภาสันต์โมโหที่เธอทำเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด เห็นหน้าเขาทีไรเธอต้องลนลานหนีทุกครั้ง
“ไปทำแผลก่อน” พูดจบก็ช้อนคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน ปนันชิตาขัดขืนแต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหว จึงถูกอุ้มไปทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณใหญ่ คุณปั้นเป็นอะไรคะ” คำถามของป้าพร้อม ทำให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟา ต้องหันมามอง แวบแรกที่เห็นความไม่พอใจก็ฉาบไปทั่วใบหน้า แต่พยายามเก็บกดเอาไว้ ปนันชิตาเป็นว่าที่ภรรยาของภัทรดนัย ภาสันต์ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เห็นทีนางต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงมีเรื่องงามหน้าเกิดขึ้นสักวัน มือที่สั่นด้วยความโกรธวางสร้อยเพชรลงในกล่อง ปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นมาแทนที่ เมื่อภาสันต์อุ้มคนในอ้อมแขนเดินมายังจุดที่นางนั่งอยู่
“เกิดอะไรขึ้นตาใหญ่ น้องเป็นอะไร” ถามด้วยความห่วงใย แม้จะตรงข้ามกับความรู้สึกก็ตาม
“แขนถูกหม้อแกงบนเตาครับคุณย่า”
“ตายแล้ว! ทำไมเป็นแบบนี้ ไหนขอย่าดูหน่อยสิลูก” น้ำเสียงตกใจกับท่าทางห่วงใยจากคนสูงวัย ทำให้
ปนันชิตารู้สึกแย่ไปกันใหญ่ เธอไม่อยากให้คุณย่ากังวลใจ
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ทายาเดียวก็หาย ปั้นขอตัวนะคะ”
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง ตาใหญ่อุ้มมาแบบนี้คงเป็นหนัก พร้อมไปเอากล่องยามาสิ ฉันจะทายาให้หนูปั้น ใหญ่ไปทำอะไรที่ครัวถึงรู้ว่าน้องบาดเจ็บ ระวังหน่อยนะจะเป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว” คำพูดของคุณน้อมจิตบอกอะไรได้หลายอย่าง ปนันชิตาไม่อยากให้คุณย่าเข้าใจผิด เธออยู่ห่างจากภาสันต์แล้ว แต่เขาก็มาวุ่นวายกับเธอ ถ้าภัทรดนัยรู้คงไม่สบายใจ ภาสันต์ไม่ตอบคำถามเพราะคำว่าเจ้าสาวที่ได้ยิน ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก ตกลงได้ฤกษ์แต่งงานแล้วใช่ไหม ปนันชิตาเป็นว่าที่เจ้าสาวของภัทรดนัย คุณน้อมจิตเห็นว่าอีกไม่นานทั้งสองก็จะแต่งงานกัน จึงให้ปนันชิตาเข้ามาอยู่ในบ้าน เพื่อทำความคุ้นเคยและดูแลนางไปด้วย ภัทรดนัยก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ หญิงสาวจึงย้ายเข้ามา คงมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะงานแต่ง
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณย่า น้ำหวานบอกว่าปั้นได้รับบาดเจ็บ” คำถามของคนที่มาใหม่ทำให้ปนันชิตาใจชื้น ภัทรดนัยกลับมาแล้วและเขาก็เป็นห่วงเธอ ภาสันต์ถอยออกไปนั่งบนโซฟาตัวที่ห่างออกไป เมื่อเจ้าของตัวจริงของเธอกลับมาแล้ว
“เป็นอะไรมากไหม ขอพี่ดูหน่อยสิครับ” มือเรียวยาวราวสตรีเอื้อมมาจับแขนข้างที่บาดเจ็บ สะใจเมื่อเห็นรอยแดงก่อนจะทายาให้อย่างบรรจง เพราะตั้งใจทำให้ใครอีกคนเห็น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าปนันชิตาบาดเจ็บเพราะอะไร เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่ภาสันต์เข้าไปหาว่าที่ภรรยาของเขาในครัว
“ขอบคุณค่ะคุณเล็ก ปั้นไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เอ่ยขอบคุณพร้อมกับดึงแขนออกจากมือใหญ่ แต่ภัทรดนัยกลับยกแขนเรียวขึ้น แล้วเป่าลมร้อนลงบนรอยแดง สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของใครอีกคน ปนันชิตาหน้าร้อนกับการกระทำของว่าที่สามี ในขณะที่ภาสันต์เบือนหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นภาพความใกล้ชิดของคนทั้งสอง รู้สึกกังวลใจเพราะรู้ว่าภัทรดนัยทำแบบนั้นเพราะอะไร คุณน้อมจิตสะใจกับภาพที่เห็น พี่น้องกำลังจะหมางใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางรู้ว่าภาสันต์รู้สึกยังไงกับปนันชิตา จึงจัดแจงสู่ขอเธอมาให้ภัทรดนัย ครอบครัวของปนันชิตามีหนี้สินจำนวนไม่น้อย เรื่องนี้จึงง่ายขึ้น ภาสันต์จะรักใครไม่ได้ทั้งนั้น เพราะนางมีคนที่เหมาะสมเตรียมไว้ให้เขาอยู่แล้ว ผู้หญิงที่จะตั้งท้องผู้สืบสกุลตระกูลของนาง จะต้องเป็นคนที่ดีที่สุด