บทที่ 4.2

1438 คำ
ศิวดลมณีมีทายาทสืบทอดธุรกิจสามคน คนแรกคือบีอายุสามสิบสองปีรับหน้าที่สานต่อธุรกิจการผลิตเหล็ก ส่งขายทั้งในแต่นอกประเทศ เธอแต่งงานมีครอบครัวและออกจากบ้านตั้งแต่อายุยี่สิบเจ็ด คนที่สองคือบอสอายุยี่สิบหกตอนนี้ยังคงเรียนและทำงานอยู่ต่างประเทศไม่คิดจะจับธุรกิจของบ้านส่วนคนสุดท้าย… บูม อายุยี่สิบปีเรียนอยู่ชั้นปีสองอีกไม่กี่เดือนก็ปิดเทอม ความหวังของศิวดลมณีที่จะต้องมาสานต่อธุรกิจหลักของครอบครัวคือการค้าส่งวัสดุก่อสร้าง มีห้างร้านขนาดใหญ่เกือบสองร้อยสาขาเป็นลูกค้า ทว่า ตอนนี้เขายังเป็นนักศึกษาที่เที่ยวเล่นไปวันๆ บางวันเที่ยวจนดึก ถึงห้องตีสามตีสี่ไม่ทันตื่นไปเรียน หนึ่งเดือนกลับบ้านแค่ครั้งเดียวหรือบางทีสองสามเดือนก็มีทั้งที่ระยะทางจากบ้านไปถึงมหาวิทยาลัยไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงหากแต่เขาไม่คิดจะกลับเพราะไม่อยากฟังสิ่งที่แม่กำลังตั้งความหวังในตัวเขาไว้มาก ถ้าหลังจากเรียนจบเขาต้องทำในสิ่งที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้ ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง ตอนนี้เขาขอเที่ยว ทำในสิ่งที่อยากทำไปก่อน เบื่อเมื่อไหร่ค่อยกลับไปซบอกแม่แล้วกัน “คนที่มึงเคยเล่า หายไปไหนแล้ววะ” ไมเนอร์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่เรียนต่างคณะเอ่ยปากถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้กับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เขาแทบจะลืมไปแล้วถ้าไม่มีใครจำได้แล้วเอามันกลับมาพูดถึงอีก แถมยังกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเขาไปแล้วถ้าต้องกลับมาพูดถึงมัน “ไม่รู้ว่ะ คลอดแล้วมั้ง” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่ติดตลกเพราะตั้งแต่วันนั้นที่ตามไปดูก็ไม่ได้สนใจเด็กรุ่นน้องอายุห่างกันหนึ่งปีคนนั้นอีกเลย ไม่รู้ว่าท้องจริงหรือเปล่าจำหน้าก็แทบไม่ได้ เขาเองก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับไอ้ปืนอีกเลย ก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว เจอกันตอนเรียนก็แทบไม่ได้คุยอะไร “กูกลัวเจอคนแบบนี้ว่ะ” ไมเนอร์พูดแล้วหัวเราะออกมาอย่างขำขัน “พวกมิจฉาชีพเยอะนะเว่ย มึงก็สมควรกลัว” “กูไม่ได้กินเรี่ยราดแบบมึง กูกินแต่คนที่คุย” “กูก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น มึงพูดซะกูดูทุเรศเลย” เขาเถียง ก็ยอมรับว่าเคยมั่ว แต่หลังจากรับสายจากผู้หญิงที่ชื่อเฌออะไรนั่นเขาทำตัวดีขึ้น ไม่นอนกับใครอีกเลยเพราะกลัวจะ...พลาด ถือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เตือนสติเขาได้ดีเลยทีเดียว “สมมตินะ ถ้าอยู่ๆ เขาพาเด็กมาแล้วบอกว่าลูกมึงจริง จะทำยังไง” “มึงพูดจนกูขนลุก” ไม่ได้โกหกแต่ขนแขนมันพากันขยับขึ้นพร้อมกันเพราะคำพูดของเพื่อน จะว่าตลกก็ใช่จะว่าสยองก็ใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องทีควรสมมติเลย แค่คิดก็ปวดกบาล “กูก็จะดูหน้าลูกก่อนเลย ถ้าเหมือนกูนิดๆ ก็จะพาไปตรวจ” เขาพูดพลางขำ “ถ้าตรวจแล้วใช่ล่ะ” “เลิกพูดได้ไหมกูจะอ้วก” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะเขากลัวสิ่งที่ผู้หญิงที่ชื่อเฌอนั่นทำ พฤติกรรมเหมือนมิจฉาชีพ แล้วเขาคิดตามที่เพื่อนพูดแล้วมองไม่เห็นภาพนั้นเลย มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เขามั่นใจว่าไม่พลาด “ก็ไม่แน่นะไอ้บูม ถุงยางไม่ได้ป้องกันถึงร้อยเปอร์เซ็นต์” คำพูดนั้นทำเอาคนฟังเงียบไปชั่วขณะ “สรุปมึงจะให้กูเป็นพ่อคนให้ได้” “ฮ่าๆ เออ กูอยากเห็นสภาพมึงตอนที่รู้ว่าตัวเองมีลูก” บูมสั่นทั้งตัวชั่วขณะเพราะสยดสยองกับคำพูดของเพื่อนสนิท เขาไม่อยากคิดถึงสภาพตัวเองตอนที่เจอกับสถานการณ์แบบนั้น ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าเขาจะต้องทำหน้าอย่างไร ต้องจัดการอย่างไร เลยขอไม่คิดมันจะดีกว่า “ขอให้มึงเจอก่อนแล้วกัน” สิ้นประโยคนั้นเสียงแจ้งเตือนจากเครื่องมือสื่อสารราคาแพงของเขาก็ดังขึ้น ทิ้งเรื่องปวดหัวไปแล้วยังต้องเจอกับเรื่องน่าเบื่ออีก เมื่อคนที่โทรเข้ามาคือคุณนายเพ็ญศรีแม่แท้ๆ ของตัวเอง “ว่าไงคุณนาย” (ไง วันนี้จะมาที่บ้านกี่โมงบูม) เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อรู้ว่าเย็นนี้ต้องไปเจอกับเรื่องน่าเบื่ออะไรบ้าง หนีไม่พ้นไปเจอพวกผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจที่มักคุยแต่เรื่องที่เขาไม่อยากสนใจ ไหนจะพวกคุณนายที่พากันอวดลูกอวดหลาน จบที่กลับบ้านแล้วคุณนายเพ็ญศรีหาเรื่องให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาชักจะเบื่อเต็มทนแต่ไม่ไปก็ไม่ได้เดี๋ยวได้โดนหักเงินเดือนในแต่ละเดือนอีก “สี่โมงนะ ผมยังติดงานอยู่” (มาก่อนสิบูม เดี๋ยวแกต้องมารับแม่ แล้วก็แต่งตัวให้มันดีๆ หน่อย อย่ามาแบบพวกติสอะไรนั่นอีก ผมเผ้าก็ตัดให้มันเรียบร้อย) “ติดงานกลุ่มเนี่ย ช่วยเพื่อนทำงานถ้าไปก่อนเพื่อนลบชื่อแน่” เขาว่าพลางหันไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังส่ายศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา ทำงานกลุ่มอะไรของมันตอนนี้มันนั่งเล่นเกมเพล์สเตชั่นอยู่ในห้องเนี่ย ตอแหลชิบหายเลย แต่ไมเนอร์ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของบูม ตรงที่ไม่อยากไปงานแบบนั้น เพราะคงหนีไม่พ้นการฟังเรื่องไม่น่าสนใจแถมอาจจะถูกจับไปดูตัวกับครอบครัวนักธุรกิจอีกตามเคย เป็นธรรมดาของพวกคนสังคมนี้ “มึงจะทำหน้าเบื่อทำไม เผลอๆ มึงอาจจะเจอน้องพลอยก็ได้นะ” เพื่อนสนิทเอ่ยแล้วหัวเราะอย่างขบขัน พลอยคือรุ่นน้องคนสวยที่บูมกำลังให้ความสนใจ เธอเป็นถึงลูกเจ้าของห้างเพชรชื่อดัง เรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึง เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง หน้าตาสะสวยและเรียบร้อยดูเข้าถึงยาก แต่เขากลับมองว่ามันท้าทาย “รายนั้นจะออกบ้านหรือเปล่าเถอะ” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแต่ก็แอบมีความหวังนิดหนึ่ง ถ้าพลอยไปเขาจะรีบกลับไปหาแม่ตอนนี้เลย “คนนี้มึงจริงจัง” เพื่อนสนิทตั้งคำถาม “แน่นอน ถ้ากูได้น้องพลอยกูหยุดเลย จะเป็นคนดีของพลอยคนเดียว” เขาพูดอย่างมั่นใจแต่มีเสียงหัวเราะแทรกในตอนท้ายจนอีกฝ่ายไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง “กูก็ไม่เห็นมึงจีบสักที” “มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่จีบ” บูมตวัดสายตาไปมองเพื่อนสนิท สายตาของเขากำลังบอกว่าเขาจีบอยู่ทุกวัน แต่เขาจะทำเหมือนจีบผู้หญิงคนอื่นที่ไม่จริงจังได้อย่างไร รายนี้ต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะจีบอย่างจริงจัง ทุกวันนี้เขาเฝ้าดูว่าเธอจะอัปเดทเรื่องราวของตัวเองลงโซเชียลมีเดียเมื่อไร ถ้าเธออัปเดทเขาต้องเป็นคนแรกที่กดหัวใจให้ เธอจะได้รู้ว่าเขากำลังให้ความสนใจอยู่ เขาพยายามแทรกซึมเข้าสู่ชีวิตเธอเพื่อให้เธอจำเขาได้ แต่ไม่รุกจนทำให้อีกฝ่ายกลัว ทำเป็นแอบรักอยู่ห่างๆ วิธีนี้แหละกูจะได้พลอยมาเป็นแฟนสักวัน ใจเย็นไว้ไอ้บูม “กูจะรอดูนะครับ” “ไม่นานเกินรอ” ตอนนี้เหยื่อน่าจะรู้ตัวแล้วเพราะเห็นอยู่ว่ากลับมารัวหัวใจให้เขาเป็นสิบ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ทักไปตอนนี้มันดูเร็วไป ขอเล่นตัวอีกหน่อย “ไม่ใช่หมาคาบไปแดกก่อน” “กูจะเตะปากหมาให้ฟันหักทั้งแผง” ไมเนอร์ขำลั่นห้องเมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เขาอยากให้หมาคาบไปแดกจริง อยากเห็นหน้ามันตอนที่รู้ว่าไม่ทันแล้ว มัวแต่ชักช้าลีลา คิดว่าตัวเองมีดีนักหรือไง -------------- ลูกเมียไม่สน น้องพลอยไหนอีกพ่อ!! พี่บูมคนน่าหยุมม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม