ตอนที่ 4 หยดเทียนมาทำงานวันแรก

2667 คำ
มือหนึ่งค้ำเอวส่วนอีกมือค้ำจอบที่ปักอยู่บนพื้นมองสภาพสวนหลังบ้านอันอยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองอย่างมุ่งมั่น แม้เนื้อที่สวนส่วนนี้จะมีไม่ใช่น้อยๆ และกว้างเกินไปด้วยซ้ำที่จะจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวให้เสร็จสิ้นโดยไว หยดเทียนคงต้องใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงพอควรกว่าจะเคลียร์พื้นให้สะอาดเหมาะแก่การปลูกดอกไม้และตกแต่ง แต่กระนั้นกองไฟอันลุกโชนในหัวใจก็มิอาจโดนลมแรงเพียงแค่นี้เป่าให้หมดมอดลงได้ง่ายๆ “เอาวะ!” เสียงทุ้มใสเอ่ยปลุกใจตัวเองก่อนจะสวมถุงมือและสวมหมวกป้องกันแสงแดดแม้ว่าวันนี้จะครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่ก็ตาม มือสากคว้าหยิบขวดน้ำมันเติมลงไปในถังของเครื่องตัดหญ้าแล้วทำการสตาร์ตเครื่อง เสียงดังอันน่าหนวกหูเริ่มขึ้นพร้อมกับลำแขนนุ่มมีกล้ามเนื้อกวัดแกว่งเครื่องตัดหญ้าไปมาให้ทั่วสวน เมื่อเสร็จจากตรงนี้แล้วเขาจึงนำคราดเหล็กขนาดพอดีมือกวาดเศษซากหญ้าและส่วนประกอบต่างๆ ของต้นไม้ที่แห้งตายไปรวมกันไว้เป็นกอง แล้วนำใส่รถเข็นไปทิ้งตามลำดับ ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงจากตอนเช้าตรู่จนถึงตอนเที่ยงครึ่งในการเคลียร์พื้นที่สวนหลังบ้าน หยดเทียนระบายลมหายใจด้วยความโล่งด้วยอย่างน้อยงานที่ทำก็คืบหน้าไปบ้างแล้ว ชายหนุ่มร่างเพรียวเดินเข้าไปในเงาไม้ของต้นล่ำซำกะว่าจะเข้าไปนั่งพักให้หายเหนื่อยเสียหน่อย เขาวางคราดเหล็กที่อยู่ในมือพิงไว้กับต้นไม้ก่อนที่ตนจะอ้อมมานั่งลงอีกฝั่ง หยาดเหงื่อสีใสไหลออกตามใบหน้าและลำตัวแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีแดด หยดเทียนหยิบขวดน้ำที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระดกดื่มดับกระหาย แล้วใช้หมวกพัดระบายความร้อนที่ได้จากการทำงานต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง “ขยันจังนะครับ” เสียงพ่อบ้านดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ร่างที่นั่งอยู่บนพื้นเอี่ยวหน้าหันไปมองก่อนจะลุกพรวดขึ้น เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ทำงานวันแรกก็ต้องให้เจ้านายประทับใจหน่อยสิครับ” มุมปากยกยิ้มตาหยีพร้อมเสียงเอ่ยเอาใจเจ้านาย “งานไปถึงไหนแล้วครับ” ใบหน้าของพ่อบ้านยิ้มดั่งปกติ แล้วชะโงกมองซ้ายขวาดูความคืบหน้าของงาน “เพิ่งเคลียร์พื้นเสร็จครับ ผมกะว่าบ่ายจะเตรียมหน้าดินต่อ” ฮันพยักหน้ารับรู้ก่อนก้มศีรษะลงมองดูนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ “เช่นนั้นผมจะพาคุณเทียนไปให้อาหารมูมู่กับมีมี่ก่อนที่คุณจะไปรับอาหารกลางวันแล้วกันครับ” “..ครับ” สีหน้าฉงนเอียงศีรษะอย่างเคลือบแคลง ชื่อที่พ่อบ้านฮันเอ่ยเมื่อครู่คือชื่อของใคร ใช่สัตว์เลี้ยงของนายท่านหรือเปล่า? แม้จะมีความไม่เข้าใจอยู่เต็มหน้าแต่หยดเทียนก็ไม่ได้เปล่งเสียงถามแต่อย่างใดไปเพราะถึงอย่างไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาก็จะรู้แจ้งแล้ว ร่างสันทัดเดินตามหลังของอัลฟ่าผู้เป็นหัวหน้าไปติดๆ ผ่านสวนหลังบ้านค่อนข้างลึกและผ่านเข้าไปในพุ่มไม้ที่ถูกปลูกไว้พรางตา เบต้ามุ่นคิ้วชักสีหน้าฉงนหันซ้ายแลขวาพัลวัน เมื่อเห็นพ่อบ้านเดินหายเข้าไปในพุ่มไม้ราวกับหายตัวได้ ในทีแรกเขานึกว่าพุ่มไม้ที่สูงท่วมกำแพงบ้านพวกนี้ปลูกไว้เพื่อประดับรั้วหลังบ้านเสียอีก เบต้ามีท่าทียึกยักด้วยความไม่แน่ใจอยู่นานจนพ่อบ้านส่งเสียงเรียกให้คนสวนรีบตามเข้ามา สองขาก้าวเดินตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วกลั้นหายใจเดินทะลุพุ่มไม้หนาออกมา ทันใดนั้น... “โห..” หยดเทียนหลุดอุทานออกมาทันทีเมื่อภาพที่ปรากฏแก่ตาคือทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดยิ่งกว่าสถานที่ไหนๆ ที่เคยเห็นมา ป่าหนาทึบที่ขึ้นอยู่ห่างออกไปไกลรายล้อมทุ่งหลายสีไว้อยู่ราวกับเป็นกำแพงหนา เขากวาดตามองรอบๆ อย่างตื่นใจเพราะไม่คิดว่าหลังสวนหลังบ้านจะมีสถานที่แบบนี้ซ่อนเอาไว้ หยดเทียนเหลือบตากวาดดูให้ทั่วกระทั่งเหลือบไปเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายกรงตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ และดูเหมือนว่าพ่อบ้านกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่สิ่งก่อสร้างดังกล่าวด้วย ฮันเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้ากรงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกำแพงพุ่มไม้นัก ลักษณะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือกรงขังสัตว์ขนาดใหญ่ที่ถูกอิฐหนาและปูนฉาบปิดส่วนล่างของกรงเอาไว้สูงราว 2.5 เมตร และต่อขึ้นไปอีกด้วยแท่งเหล็กกล้าที่ถูกยึดเข้ากับปูนตั้งเรียงรายล้อมรอบกรงราวกับว่ากันไม่ให้สิ่งที่อยู่ด้านในกระโดดหลุดลอดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีประตูเปิดปิดเข้าออกได้อยู่ ส่วนด้านข้างของกรงถูกประดับด้วยต้นกันเกราสูง ขนาดของมันใหญ่โตมากกว่าต้นที่อยู่ข้างศาลาในบ้านเสียอีก ร่มเงาของต้นไม้ต้นนี้แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่กรงทั้งหมด ทำให้อากาศบริเวณนี้ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่นัก และหากลองมองสังเกตไปยังด้านหลังกรงให้ดีๆ ก็จะพบว่ามีสิ่งก่อสร้างคล้ายบ้านที่ตั้งอยู่ด้านหลังด้วย “ตามมาครับ” พ่อบ้านไม่รอช้ารีบนำคนสวนไปที่บ้านหลังเล็กด้านหลัง เมื่อมาถึงจึงหยิบกุญแจในกระเป๋าเสื้อเปิดประตูออก หยดเทียนเดินตามเข้ามาด้านในอย่างช้าๆ พร้อมกับสายตากวาดมองดูรอบๆ จึงรู้ว่า ด้านในบ้านคือห้องเก็บความเย็นขนาดใหญ่ที่เห็นแล้วก็แอบนึกหวาดเสียวในใจอยู่เล็กน้อยว่าสาเหตุที่พ่อบ้านพาตนออกมาไกลจากตัวบ้านขนาดนี้เพราะจะฆ่าหมกศพเขาไว้ที่นี่หรือเปล่า ‘ฆ่าอะไรละ พ่อบ้านก็บอกอยู่ว่าพามาให้อาหารมูมู่กับมีมี่..’ ในใจของเบต้ายังพอมองโลกในแง่ดีอยู่บ้างจึงพยายามพูดปลอบใจตัวเองให้หายกลัว “หยิบถุงมือแล้วตามเข้ามาเลยครับ” ว่าจบฮันก็เดินรุกเข้าไปก่อน “ฟู่ว..” เสียงหายใจเข้าสุดปอดพลางบอกตัวเองให้ฮึดสู้ความกลัว สิ่งที่กำลังจะเกิดอาจจะไม่ได้เป็นดั่งที่ตนคิดก็เป็นได้ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในห้อง สองมือก็รีบยกขึ้นลูบแขนตัวเองในทันใดเมื่อรู้สึกว่าอากาศด้านในช่างเย็นเฉียบจับใจยิ่ง “ห้องนี้เอาไว้เก็บเนื้อสัตว์ครับ” คนสวนพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับมองดูรอบๆ ก็เห็นว่ามีเนื้อสัตว์และซากสัตว์ทั้งตัวที่ตายแล้วเก็บอยู่ในห้องอย่างที่พ่อบ้านว่าจริงๆ ตอนนี้เขาไม่คิดกลัวแล้วว่าตนจะถูกฆ่าหรือไม่ แต่กลับกำลังสงสัยสิ่งที่อยู่ในกรงมากกว่าว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ถึงสามารถกินสัตว์พวกนี้เป็นตัวๆ ได้ “คุณเทียนไม่สบายหรือเปล่าครับ” พ่อบ้านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่คนสวนคนใหม่ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นปิดจมูกราวกับไม่รู้สึกถึงกลิ่นเหม็นคาวของเนื้อที่อยู่ในห้องนี้เลย ต่างจากคนก่อนหน้าที่แทบจะอาเจียนทันทีที่ได้สูดดมกลิ่นและเห็นสภาพชิ้นเนื้อที่อยู่ในห้องเย็นแห่งนี้ หยดเทียนเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงงงๆ “ครับ? ก็ไม่นะครับผมสบายดี มีอะไรหรือเปล่าครับ” “ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณเทียนไม่เหม็นคาวเนื้อสัตว์ที่อยู่ในนี้เลยถามน่ะครับ” “อ๋อ เมื่อก่อนผมทำงานในห้องเก็บเนื้อสัตว์น่ะครับเลยชิน” “อย่างนั้นเองหรือครับ” ฮันพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อย่างนั้นผมรบกวนคุณเทียนเอากวางสองตัวนี้ไปใส่รถเข็นที่อยู่ด้านนอกทีครับ” “ได้ครับ” เบต้าหนุ่มรีบเดินออกไปคว้ารถเข็นที่จอดอยู่ข้างๆ ห้องเก็บอุณหภูมิแล้วเข็นมาชิดหน้าประตู ก่อนจะเดินเข้าไปขนเอากวางทั้งสองตัวใส่รถเข็น เขายืนรอพ่อบ้านที่ปิดประตูล็อกห้องแน่นหนา แล้วจึงเข็นรถตามเข้าไปในทางเดินที่อยู่ข้างๆ ห้องเก็บเนื้อซึ่งพาทะลุไปยังห้องโล่งที่มีอุปกรณ์ทำความอุ่นวางเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในนั้น แล้วหยุดนิ่งรอคำสั่ง “นำกวางลงอ่างเหล็กจากนั้นก็เปิดน้ำอุ่นใส่เลยครับ” “ครับ” หยดเทียนรับคำแล้วทำตามคำสั่งของพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นทุกอย่าง เบต้าจึงเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ เก้าอี้ของพ่อบ้าน เพื่อรอให้กวางแช่แข็งที่อยู่ในอ่างละลายความเย็นออก “เนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นอาหารของมูมู่และมีมี่ต้องเก็บไว้ในห้องเก็บความเย็นทันทีหลังจากเชือดเสร็จ เมื่ออาหารใกล้จะหมดเราต้องสั่งให้โรงงานเชือดสัตว์ก่อนล่วงหน้าประมาณ 2-3 วัน” “หลังจากที่นำมาเก็บแล้ว สัตว์ที่ถูกเชือดจะต้องหมดทันทีภายใน 1 เดือนอย่างมากได้เกินเดือนครึ่ง แต่ใช่ว่าในแต่ละเดือนเขาจะกินอาหารเท่ากันนะครับ เพราะบางครั้งเขาก็ต้องออกไปล่าสัตว์เอง ฉะนั้นเราต้องคำนวณปริมาณอาหารในแต่ละเดือนให้ดี กรุณาจำไว้ให้ดีนะครับต่อไปงานนี้จะอยู่ในงานรับผิดชอบของคุณเทียน” ‘ละ ล่าเองได้ด้วย’ หยดเทียนคิดแล้วผวากลุ้มใจด้วยเกรงว่าตนจะขี้ขลาดกลัวสิ่งที่อยู่ในกรงเกินไปจนทำงานนี้ได้ไม่ดีพอ ฮันยิ้มอย่างเห็นใจเมื่อเห็นว่าสีหน้าของพนักงานใหม่ดูเป็นกังวลเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมาย ฮันต้องเอ่ยปลอบใจปลอบขวัญกันบ้าง “ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะช่วยงานคุณเทียนเป็นเวลา 2 เดือนในระหว่างนี้คุณเทียนต้องตั้งใจเรียนรู้งานจากผมนะครับ” “ขอบคุณครับพ่อบ้าน ผมกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีแต่ถ้าได้ฝึกงานกับพ่อบ้าน...ผมว่าผมต้องเก่งขึ้นแน่นอนครับ!” พ่อบ้านยิ้มตาปิดก่อนจะกล่าวตอบ “กระตือรือร้นดีจังเลยนะครับ” “ก็นิดหนึ่งครับ” เขาเกาท้ายทอยด้วยกระดากอาย “ครืน..” เสียงประตูเหล็กถูกเปิดออกด้วยฝีมือของอัลฟ่าฮันก่อนร่างสูงจะเดินนำหน้าเข้าไปในกรง หยดเทียนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดระแวง ทั้งมือและขาพร้อมใจกันสั่นสู้ค่อยๆ ย่างฝีเท้าเข็นเนื้อกวางตามหลังพ่อบ้านเข้าไป “ตึก ตัก ตึก ตัก...” เสียงสิ่งที่อยู่ในอกเต้นแรงราวกับมีคนรัวกลองชุดดังก้อง มือสากยกตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ให้หัวใจที่แทบจะทะลุออกมานอกเสื้อให้เต้นช้าลงบ้างเดี๋ยวจะหัวใจวายกันตรงนี้ “สะ เสือ..เสือตัวเป็นๆ เลย..” เขาว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าสัตว์เลี้ยงของนายท่านคือเสือโคร่งตัวใหญ่สองตัวจริงๆ ดั่งที่ตนแอบคิดไว้ มันกำลังนอนคลอเคลียกันอยู่ราวกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน “พะ พ่อบ้าน..ครับ..” เสียงแผ่วแทบจะเปล่งไม่ออก เมื่อรู้ว่าต่อไปตนจะต้องไปคนดูแลเสือสองตัวนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าหากวันใดวันหนึ่งเขาหายไปโดยอย่างไร้ร่องรอย คุณตำรวจโปรดสันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่าเขาโดนเสือสองตัวนี้จับกิน “กรร..” เสียงขู่หยั่งเชิงของเจ้าของถิ่นดังขึ้นทันทีที่ผู้มาใหม่อย่างหยดเทียนมาเยือน เสือตัวผู้ลุกขึ้นยืนปกป้องตัวเมียที่นอนเลียอุ้งเท้าอยู่ด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ มันเดินวนไปวนมาส่งเสียงขู่พร้อมสายตาไม่เป็นมิตร “ผะ ผมจะตายไหมครับ”เสียงขู่ของมูมู่ทำให้คนสวนกลัวแทบฉี่ราด อยากจะวิ่งกลับไปรอที่หน้าประตู ก็โชคร้ายช่างเข้าข้างนักเพราะร่างกายเหน็บชาจนไม่สามารถบังคับขาให้ขยับดั่งใจได้ ยังดีที่มีพ่อบ้านยืนกำบังร่างของเขาเอาไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นมันคงพุ่งเข้ามาขย้ำเขาจนเนื้อแหลกไปแล้ว “ไม่เป็นไรนะมูมู่ นี่คือคนสวนคนใหม่ของนายท่านครับ” พ่อบ้านเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางสุขุมกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เสือลายพาดกลอนตัวนั้นจะนอนหมอบลงดังเดิม แต่ทว่าก็ไม่วายจะจ้องผู้ดูแลมันในอนาคตไม่วางตา “พ่อบ้านครับ..แน่ใจหรือครับว่านี่คือสะ สัตว์เลี้ยงของนายท่าน..” เสียงตะกุกตะกักเอ่ยถามคนที่อยู่ตรงหน้าแม้จะรู้คำตอบอยู่แก่ใจ พ่อบ้านยิ้มอ่อนด้วยความเห็นใจเพราะมีไม่กี่คนนักที่จะไม่กลัวสัตว์นักล่า แต่ก็ช่างนับถือใจนักที่แม้จะกลัวจนครองสติลำบากแต่ก็ไม่วิ่งป่าราบหนีไปก่อน ไม่อย่างนั้นเจ้ามูมู่ที่นอนอยู่คงจะกระโจนวิ่งล่าในสิ่งที่มันคิดว่าเป็นเหยื่อกำลังหนี แต่พ่อบ้านหารู้ไม่ว่า ความจริงแล้วเหตุผลที่หยดเทียนไม่สับขาเกียร์หนีนั่นช่างเป็นเหตุผลที่ตรงกันข้าม เพราะใช่ว่าเขาไม่อยากวิ่งแต่เขาวิ่งไม่ออกก็แค่นั้น “ใช่ครับเป็นเสือโคร่งทั้งคู่ เสือที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดชื่อว่ามูมู่เพศผู้ ส่วนอีกตัวที่มีขนาดเล็กกว่าชื่อมีมี่เพศเมียครับ” “ปกติแล้วมีมี่จะไม่ดุเท่ามูมู่ครับ” “อะ อ่า...ครับ” “ถ้าหายกลัวแล้วก็เอากวางวางไว้ข้างๆ เลยครับ หลังจากนั้นคุณเทียนค่อยๆ ถอยหลังออกไปนะครับ” “คะ ครับ” เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองให้นิ่ง หยดเทียนแบกกวางสองตัววางไว้ตามคำสั่งอย่างระมัดระวัง “วะ ไว้เจอกันใหม่นะมูมู่มีมี่” ว่าแล้วแข็งขาอันกระดกสั่นก็ค่อยๆ ถอยหลังออกไป โดยที่สายตายังคงจดจ้องดวงตาของสัตว์ตรงหน้าอยู่ เมื่อพาตัวเองออกมานอกกรงสัตว์แล้วก็รีบโกยอากาศเข้าปอดพลางตบที่อกด้วยความโล่งใจที่มันไม่มาทำอะไรตน แล้วหลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านก็หันหลังเดินกลับออกมาเช่นกัน “ครืน...แกร๊ก” เสียงปิดประตูเหล็กเงียบลงพร้อมกับเสียงฉีกกัดเนื้อดังขึ้น เสียงของแหลมฉีกกระชากเนื้อทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกขนลุกซู่ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากวันนี้พ่อบ้านปล่อยให้เขาเข้ามาให้คนเดียว เขาคงกลายเป็นซาชิมิให้เสือของตัวกินเขาแน่ๆ หยดเทียนพลางคิดพลางเดินเอารถเข็นกลับเข้าไว้ประจำที่ก่อนจะเดินขวัญเสียกลับมา “หน้าที่สุดท้ายคือการทำความสะอาดครับ ถ้าเป็นไปได้เราจะทำความสะอาดกรงเดือนละหนึ่งครั้งหรือไม่ก็หนึ่งเดือนครึ่งต่อหนึ่งครั้ง...เป็นยังไงครับคิดว่าพอจะไหวไหม” “ตอนนี้ไม่น่าจะไหวครับ คงต้องไปให้มูมู่มีมี่เห็นหน้าบ่อยๆ มั้งครับเขาถึงจะชิน ยิ่งเป็นเสือด้วย” หยดเทียนเดินควบคู่กับพ่อบ้านกลับไปพักกินข้าวที่ป้าน้อยเตรียมรอเอาไว้ให้ พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิด “ปกติแล้วเสือไม่ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้กินมนุษย์หรอกครับ แต่หากเราทำให้เขาไม่พอใจก็อาจจะโดนทำร้ายได้เหมือนกัน คงต้องทำให้เขาคุ้นหน้าคุ้นกลิ่นของคุณเทียนอย่างที่ว่านั่นแหละครับ อีกเดี๋ยวคงเข้าไปนอนด้วยกันได้แล้ว” “โห่ ขนาดนั้นไม่ไหวหรอกครับ” หยดเทียนทำหน้าเหยเกพลางลูบขนแขนที่ตั้งลุกซู่ขึ้นมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม