"อ๊า อูย ~เบาๆค่ะ "
ฉันชนิตร้องครางอย่างพอใจในกามารมณ์ที่อีกฝ่ายกำลังปรนเปรอให้เธอ ปากของชายหนุ่มกำลังทำหน้าที่สำรวจกลีบสาวที่เต็มไปด้วยน้ำสวาทที่หลั่งอยู่เต็มร่อง ลิ้นร้อนกำลังปาดตรงส่วนหฤหรรษ์หวังให้อีกฝ่ายพึงใจกับการเล้าโลมของเขา
ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด ร่างบางครางกระเส่าบิดเร่าไปมาดั่งกับว่ากำลังถูกทรมาณให้เจ็บปวดแสนสาหัส เสียงครางโพล่งออกมาดังบ้างเบาบ้างเป็นประปราย
"คุณธันว์ขา~"
"อื้อ.."
"นิตเสียวไม่ไหวแล้วค่ะ~"
ขาของเธอถูกยกชันขึ้นเพื่อให้เขาได้สำรวจตรงกลางของกลีบอวบอูมได้อย่างสะดวก มือเรียวของเธอไม่วายที่จะช่วยอีกฝ่ายดึงรั้งแบขาเรียวออก ให้นิ้วมือของเขาว่างในการช่วยสำรวจรูร่องอีกทางหนึ่ง ทั้งลิ้นทั้งนิ้วที่ชักเข้าชักออกเล่นเอาเธอแทบทนไม่ไหว ไม่นานนักเสียงหวีดเล็ก ๆ ดังออกมาจากลำคอระหง
"อูย~แตกแล้ว...อ๊า"
ร่างบางเกร็งหงึก ๆ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขาเลื่อนกายกำยำขาวเนียนยิ่งกว่าผู้หญิงขึ้นมาทาบทับผนึกลงไปบนร่างบางผิวนวลเนียนสีน้ำผึ้ง ทุกสัดส่วนดูอวบอัดเต็มไม้เต็มมือเขาไปหมด
ซึ่งถ้าไม่แก้ผ้าออกจนล่อนจ้อนก็ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวหุ่นบอบบาง ภายใต้อาภรณ์ของเธอนั้นซ่อนรูปไว้ไม่เบาเลยทีเดียว
ธันว์ สอดแทรกแก่นกายใหญ่เข้าไปด้วยความยากลำบาก ถึงแม้นว่าจะผ่านศึกกับเจ้าหล่อนมาแล้วหลายรอบ หลังจากที่คบกันมาสามเดือน ซึ่งธันว์ก็พยายามอยู่หลายวิธีกว่าที่เจ้าหล่อนนั้นจะยอมมอบกายมอบใจให้เขา
พรึ่บ!
แก่นกายใหญ่ถูกกลืนเข้าไปตรงรูร่องสวาทจนมิด
"อ๊า...เสียว"
ฉันชนิตกอดเขาแน่นเธอยังคงไม่ค่อยชินทุกครั้งที่ถูกทิ่มแทงเข้ามา มันจะเจ็บก่อนที่จะรู้สึกดีเสมอ
"แน่นชิบ อาส์!"
พั่บ! ๆ ๆ อาส์
ธันว์ควบจังหวะไปครางไป ต้องยอมรับว่าฉันชนิตทำให้เขาแทบคลั่งที่สุดมากกว่าผู้หญิงคนไหน หลังจากที่มีสัมพันธ์สวาทกับเธอมาได้สามเดือนกว่า เขาก็มาหาเธอแทบทุกวัน ไม่แน่ใจว่าติดเธอหรือติดเซ็กส์
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงกับบทรักอันเร่าร้อนเล่นเอาทั้งคู่นอนเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน ฉันชนิตยิ้มอย่างอย่างมีความสุข เธอซุกกายอยู่ในอ้อมกอดแกร่งแข็งแรงของเขา
"คืนนี้คุณจะกลับบ้านมั้ยคะ?"
"กลับสิ"
"นิตอยากให้คุณค้างกับนิตนี่คะ"
"ไม่เอาน่าอย่างอแงสิเด็กน้อย"
ธันว์จุมพิตลงไปที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยนปลอบใจที่ทำให้เจ้าหล่อนนั้นไม่พอใจกับการที่เขาไม่ได้นอนค้างคืนด้วย
"เมื่อไหร่คุณจะบอกคนอื่นว่าเรากำลังคบกันคะ?"
"อีกไม่นานหรอก..เราจะแต่งงานกันไงคะที่รัก"
บอกเธอด้วยน้ำเสียงหวานออดอ้อน คะ ขา ฉันชนิตหลงเขาจนไม่รู้ที่จะหลงยังไงแล้ว ธันว์นั้นทั้งหล่อและแสนดี เขาตามจีบเธออยู่หลายเดือนกว่าที่เธอจะคบหาด้วย เพราะว่าฉันชนิตนั้นไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยต้องใช้เวลาเยอะในการทำความรู้จักกับเธอ
ธันว์คือผู้ชายคนแรกที่เธอยอมคบหาด้วย เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เธอมีหนุ่มหล่อนักธุรกิจผู้ร่ำรวยมาตามจีบ ในขณะที่ฉันชนิตเป็นแค่พนักงานโรงงานเท่านั้น หน้าตาของเธอก็ธรรมดามาก ๆ จนเกิดข่าวลือว่าเขาจะมาหลอกลวงเธอ
มีเพียงเพื่อนสนิทอย่างอัญญาเท่านั้น ที่คอยเตือนว่าเธออาจจะโดนเขาหลอก แต่...ฉันชนิตแทบจะไม่ฟัง
เธอยังคงมั่นใจกับรักครั้งนี้ยอมพลีกายให้เขาเหมือนเดิม โดยที่ไม่ได้สนใจคำเตือนของเพื่อนสนิทอย่างอัญญาเลย
"นิต เมย์เป็นห่วงนิตจริงๆนะ กลัวจะมีคนมาหลอก"
อัญญาเพื่อนสาวคนสนิทเตือนเธอหลังเดินกลับบ้านด้วยกันหลังเลิกงาน
"ไม่หรอก คุณธันว์ดีกับนิตมาก ๆ นิตเชื่อว่าคุณธันว์จะไม่หลอกนิต"
ฉันชนิตตอนนี้เปรียบเสมือนคนที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของความรัก เธอไม่ได้สนใจใส่ใจคำเตือนของใครทั้งนั้น ถึงแม้ว่าอัญญานั้นจะเคยเห็นเขาที่นั่งคลอเคลียกับผู้หญิงอื่นในผับก็ตาม
"อืม ถ้านิตมั่นใจแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่จำไว้นะเมย์น่ะอยู่ข้างๆนิตเสมออย่ารำคาญเมย์ล่ะที่คอยเตือน"
"นิตเข้าใจ ไม่เคยรำคาญเมย์เลย กลับดีใจเสียอีกที่มีคนคอยเป็นห่วงขนาดนี้"
ฉันชนิตเข้าไปคล้องแขนอิงแอบไปบนไหล่ของเพื่อนสนิทอย่างรักใคร่ กับเพื่อนเธอก็ใช่ว่าจะไม่เชื่อ แต่ เธอนั้นเชื่อ ธันว์ มากกว่าเพราะไม่ว่าใครจะมาบอกอะไร
หญิงสาวแทบจะไม่เคยไปเซ้าซี้ถามธันว์เลยว่าเรื่องจริงหรือเปล่า เธอยังปฎิบัติกับเขาอย่างแฟนที่เชื่องและเชื่อฟังอยู่เหมือนเดิม
"จ้ะนิต...ไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ"
อัญญาชี้ไปที่รถเข็นขายส้มตำที่มีควันของเตาย่างไก่คละคลุ้งอยู่หน้าหอพักของพวกเธอ ซึ่งเป็นเจ้าประจำที่ทั้งคู่ซื้ออุดหนุนเสมอมา เพราะนอกจากถูกแล้วส้มตำของป้าหน่อยนั้นอร่อยมากๆ ประหยัดงบสาวโรงงานอย่างพวกเธอไปมากโขเลยทีเดียว
"ป้าขา~ ส้มตำหนึ่งถุง ข้าวเหนียวไก่ย่างร้อนๆเหมือนเดิมจ้า"
อัญญาจัดการรีบสั่งทันทีเพราะเพียงแค่ได้กลิ่นไก่ย่างท้องของเธอก็ร้องโคลกคลาก
"รอแปบนะอีหนู อีกสองคิว"
"งั้นเดี๋ยวลงมาเอานะป้า"
"แล้วหนูนิตล่ะ?"
"วันนี้ไม่อ่ะป้า นิตรู้สึกเวียนๆหัวคลื่นไส้ไม่ค่อยอยากจะกินอะไร"
ฉันชนิตตอบพรางเอามือปัดควันไฟจากเตาไก่ย่างออกให้ไปทางอื่น เพราะวันนี้เธอรู้สึกเหม็นมากๆ
"งั้นนิตขึ้นห้องก่อนนะเมย์"
"โอเค ไปพักผ่อนเถอะนิต หน้าแกดูซีดๆจริงด้วย"
ฉันชนิตพยักหน้าแล้วเดินล่วงหน้าขึ้นห้องไปอย่างรู้สึกเพลียๆ เหมือนกับว่าจะเป็นไข้...แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อนอะไรอัญญายืนเกาหัวแกร๊กๆ เพราะปกติฉันชนิตไม่เคยยอมที่จะพลาดส้มตำป้าหน่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ฉันชนิตกับอัญญานั้นเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เรียนมัธยมจนเรียนจบปริญญามาด้วยกัน ทั้งคู่ได้งานทำในโรงงานที่เดียวกัน อัญญาได้ทำในตำแหน่งพนักงานธุรการ ส่วนฉันชนิตเป็นเจ้าที่หน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท
ปีนี้อายุของทั้งคู่ย่างเข้ายี่สิบห้าแล้ว อัญญานั้นมีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมส่วนฉันชนิตนั้นเธอไม่เคยคบหากับใครเลย เพราะหญิงสาวต้องทำงานส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย
เนื่องจากบิดาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงทำให้เธอต้องมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว แม่ของเธอก็เสียชีวิตตั้งแต่เธอมีอายุเพียงแค่ห้าขวบหญิงสาวใช้ชีวิตอยู่กับบิดามาตลอด
เมื่อเสาหลักล้มลงไปก็เหลือเพียงตัวคนเดียว แต่ฉันชนิตไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา เธอกลับส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปีสุดท้ายและดั้นด้นหางานที่ตรงกับสายที่เรียนมา เพื่อเงินเดือนที่มั่นคงมากขึ้น
เธอไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะได้เจอกับความรัก จนวันหนึ่งธันว์ เดินเข้ามาในชีวิตของเธออย่างบังเอิญ ถึงแม้เขาจะใช้เวลาเป็นแรมเดือนในการเข้าหาเธอ แต่เพราะความอบอุ่นและแสนดี จนทำให้ฉันชนิตมอบใจมอบกายให้ธันว์อย่างง่ายดายและไม่คิดเผื่อใจเลยแม้เพียงนิด
ฉันชนิตฝันไปถึงงานวิวาห์ ฝันไปถึงอนาคตที่จะมีเขาอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า ราวกับว่าเป็นโลกในนิยายที่มีเจ้าชายมาพบรักกับเจ้าหญิงและครองรักกันตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์